บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
442
2 นาที
10 กันยายน 2568
ทฤษฏี “Jar of Life” ฝ่าวิกฤติยุค ค่าครองชีพแพง! คนไม่มีเงินใช้
 

รายได้ต่อหัวของคนไทยในปี 2568 คาดว่าจะลดลงจากปีก่อนๆ ลงมาอยู่ที่ 269,577 บาท/คน/ปี แต่ภาพรวมภาระหนี้คนไทยกลับสวนทางมากขึ้น หนี้รวมคนไทยอยู่ประมาณ 16.2 ล้านล้านบาทเกือบจะเทียบเท่าจีดีพีของประเทศในปี 2567 ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะเป็นหนี้บ้าน 37.9% รองลงมา คือ หนี้ส่วนบุคคล 19.4% และหนี้รถ 17.4% ยังมีตัวเลขที่น่าตกใจเกี่ยวกับวิกฤติยุคนี้อีกเช่น
  • 32.5% รายได้คนไทยอยู่ที่ประมาณ 30,000 – 60,000 บาท
  • 30.9% รายได้คนไทยอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 30,000 บาท
  • 97.9%  มีภาระหนี้สินติดตัว
  • 52.1% ใช้จ่ายในครอบครัวเท่าที่หาได้
และยิ่งคนที่ทำงานมานานหลายปี สภาพตอนนี้คือเหมือนทำไปใช้ไป ลำพังแค่รายจ่ายก็มากพอ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเงินเก็บ ตัวเลขที่น่าตกใจอีกอย่างคือ 30% ของคนไทยไม่มีเงินเก็บ และ 60% มีเงินเก็บจากการทำงานไม่ถึง 200,000 บาท 
 
 
สมมุติว่าถ้าเราเลิกทำงานก็ควรมีเงินใช้มากพอ โดยคำนวณง่ายๆ โดยนำ ค่าใช้จ่ายต่อเดือน X 12 เดือน X จำนวนปีที่คาดว่าจะมีชีวิตอยู่หลังเกษียณ เช่น หากประเมินว่าหลังเกษียณจะใช้จ่ายเดือนละ 20,000 บาท และคาดว่าจะมีชีวิตอยู่จนอายุ 90 ปี จำนวนเงินที่ต้องมี ณ วันเกษียณ = 20,000 บาท x 12 เดือน x 30 ปี = 7.2 ล้านบาท
 
เมื่อเห็นตัวเลขแบบนี้ก็ยิ่งแน่ใจว่าวิกฤติค่าครองชีพแพง ค่าแรงถูก แบบนี้การหาเงินล้านที่มาจากการทำงานอย่างเดียวน่าจะไม่พอ ต้องมีรายได้เสริมควบคู่กับการวางแผนการเงินที่มีประสิทธิภาพ 
 
หนึ่งในทฤษฏีที่นำมาใช้ได้คือ “Jar of Life” หรือทฤษฏีกระปุกทรายโดยเลือกให้ความสำคัญกับสิ่งที่จำเป็นก่อนและค่อยๆ แบ่งเงินเก็บในสิ่งที่สำคัญรองลงมา เป้าหมายของทฤษฏี Jar of Life ก็เพื่อให้มีอิสรภาพทางการเงิน แต่ก็จำเป็นต้องใช้วินัยในการเก็บออมอย่างเคร่งครัด
 
 
อธิบายง่ายๆ คือให้แบ่งสัดส่วนการออมเงิน จัดการอย่างเหมาะสม เช่น ทุกรายรับเข้ามา มีการแบ่งเงินออม 20% โดยเงินออม 20% นั้น แบ่งไปอยู่ในเป้าหมายหลักก่อน แล้วแบ่งไปในบัญชีต่าง ๆ เช่นถ้าเรามีเงินเดือนเข้ามา 50,000 บาท เราแบ่งเงินออม 20% อีก 80% ไว้เป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ โดย 20% หรือ 10,000 บาท อาจแบ่งเป็น
  • เกษียณอายุ 30% เป็นเงิน 3,000 บาท
  • การศึกษา 30% เป็นเงิน 3,000 บาท
  • เงินสำรองยามฉุกเฉิน 20% เป็นเงิน 2,000 บาท
  • ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ 15% เป็นเงิน 1,500
  • สำหรับพักผ่อนท่องเที่ยวออมเที่ยว 5% เป็นเงิน 500
เป็นกรณีตัวอย่างที่ทำให้เห็นภาพของ Jar of Life ได้มากขึ้น นับเฉพาะเงินเกษียณ 1 ปีจะมีเงิน 36,000 บาท ถ้าทำงาน 30 ปี จะมีเงิน 1.08 ล้านบาท นั่นยังไม่รวมกับเงินอื่นๆ ที่เราเก็บไว้ หรือในกรณีที่เรามีรายได้มากขึ้น ก็สามารถเพิ่มสัดส่วนการเก็บออมได้มากขึ้นด้วย 
 
 
อีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจคือการกำหนดแบบขั้นบันไดว่าแต่ละช่วงอายุเราควรมีเงินเก็บเท่าไหร่ ซึ่งจะทำให้เราสามารถเช็คสถานะการเงินของเราและคำนวณความมั่นคงชีวิตในระยะยาวได้ แต่ลำพังแค่การเก็บออมเงินอย่างเดียวไปถึงเป้าหมายไม่ได้จำเป็นต้องใช้วิธีการออมในรูปแบบอื่นที่อาจให้ผลตอบแทนได้มากขึ้น เช่นกองทุนรวม เป็นต้น 
 
การออมด้วยการลงทุน มีหลักสำคัญคือต้องทำอย่างมีวินัยเคร่งครัดและยิ่งทำเร็วยิ่งได้เปรียบ เช่นถ้าเก็บเงินเดือนละ 10,000 บาท จะใช้เวลา 1,200 เดือน หรือ 100 ปี ถึงจะมีเงิน 12,000,000 บาท แต่ถ้าลงทุนเดือนละ 10,000 บาท แล้วได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8% ต่อปี เราจะมีเงิน 12,000,000 บาท ภายใน 331 เดือน หรือประมาณ 28 ปี 
 
ในยุคที่เราอยู่ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน จะรอความช่วยเหลือจากใครก็คงจะยากเต็มที่ การเป็นที่พึ่งแห่งตนเองจึงสำคัญ แม้ทุกวันนี้เราจะเผชิญค่าใช้จ่ายหนักๆ รอบด้าน จนอาจจะไม่มีเงินเหลือให้ทำอะไร แต่ถ้าเราลองปรับวิธีคิดและนำเอาแผนการเงินมาใช้ จะได้มีหลักประกันในอนาคตว่าอยากน้อยก็ยังมีเงินสำรองให้ใช้ไม่ต้องลำบากมากในบั้นปลายของชีวิต
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
AI คลื่นลูกที่ 5 ไม่ได้มาแทนที่ แต่มาเป็นเพื่อนค..
904
เทรนด์การตลาดส่งท้ายปี 2025 เมื่อผู้บริโภค “คิดเ..
778
Gong Cha(貢茶) กงชา ทวงความยิ่งใหญ่ 23 ประเทศ 2.1 ..
672
5 ปัจจัยสำคัญในชีวิตประจำวัน ปรับสมดุลชีวิตเพื่..
575
เจาะลึกกรณีศึกษา SMEs ที่ใช้ปั้มแชร์แล้วได้ผลลัพ..
519
ทำเลทองของ “คาเฟ่ร้านกาแฟ” เปิดที่ไหน กำไรดีที่..
508
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด