บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
278
2 นาที
10 กันยายน 2568
ทฤษฏี “Jar of Life” ฝ่าวิกฤติยุค ค่าครองชีพแพง! คนไม่มีเงินใช้
 

รายได้ต่อหัวของคนไทยในปี 2568 คาดว่าจะลดลงจากปีก่อนๆ ลงมาอยู่ที่ 269,577 บาท/คน/ปี แต่ภาพรวมภาระหนี้คนไทยกลับสวนทางมากขึ้น หนี้รวมคนไทยอยู่ประมาณ 16.2 ล้านล้านบาทเกือบจะเทียบเท่าจีดีพีของประเทศในปี 2567 ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะเป็นหนี้บ้าน 37.9% รองลงมา คือ หนี้ส่วนบุคคล 19.4% และหนี้รถ 17.4% ยังมีตัวเลขที่น่าตกใจเกี่ยวกับวิกฤติยุคนี้อีกเช่น
  • 32.5% รายได้คนไทยอยู่ที่ประมาณ 30,000 – 60,000 บาท
  • 30.9% รายได้คนไทยอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 30,000 บาท
  • 97.9%  มีภาระหนี้สินติดตัว
  • 52.1% ใช้จ่ายในครอบครัวเท่าที่หาได้
และยิ่งคนที่ทำงานมานานหลายปี สภาพตอนนี้คือเหมือนทำไปใช้ไป ลำพังแค่รายจ่ายก็มากพอ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเงินเก็บ ตัวเลขที่น่าตกใจอีกอย่างคือ 30% ของคนไทยไม่มีเงินเก็บ และ 60% มีเงินเก็บจากการทำงานไม่ถึง 200,000 บาท 
 
 
สมมุติว่าถ้าเราเลิกทำงานก็ควรมีเงินใช้มากพอ โดยคำนวณง่ายๆ โดยนำ ค่าใช้จ่ายต่อเดือน X 12 เดือน X จำนวนปีที่คาดว่าจะมีชีวิตอยู่หลังเกษียณ เช่น หากประเมินว่าหลังเกษียณจะใช้จ่ายเดือนละ 20,000 บาท และคาดว่าจะมีชีวิตอยู่จนอายุ 90 ปี จำนวนเงินที่ต้องมี ณ วันเกษียณ = 20,000 บาท x 12 เดือน x 30 ปี = 7.2 ล้านบาท
 
เมื่อเห็นตัวเลขแบบนี้ก็ยิ่งแน่ใจว่าวิกฤติค่าครองชีพแพง ค่าแรงถูก แบบนี้การหาเงินล้านที่มาจากการทำงานอย่างเดียวน่าจะไม่พอ ต้องมีรายได้เสริมควบคู่กับการวางแผนการเงินที่มีประสิทธิภาพ 
 
หนึ่งในทฤษฏีที่นำมาใช้ได้คือ “Jar of Life” หรือทฤษฏีกระปุกทรายโดยเลือกให้ความสำคัญกับสิ่งที่จำเป็นก่อนและค่อยๆ แบ่งเงินเก็บในสิ่งที่สำคัญรองลงมา เป้าหมายของทฤษฏี Jar of Life ก็เพื่อให้มีอิสรภาพทางการเงิน แต่ก็จำเป็นต้องใช้วินัยในการเก็บออมอย่างเคร่งครัด
 
 
อธิบายง่ายๆ คือให้แบ่งสัดส่วนการออมเงิน จัดการอย่างเหมาะสม เช่น ทุกรายรับเข้ามา มีการแบ่งเงินออม 20% โดยเงินออม 20% นั้น แบ่งไปอยู่ในเป้าหมายหลักก่อน แล้วแบ่งไปในบัญชีต่าง ๆ เช่นถ้าเรามีเงินเดือนเข้ามา 50,000 บาท เราแบ่งเงินออม 20% อีก 80% ไว้เป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ โดย 20% หรือ 10,000 บาท อาจแบ่งเป็น
  • เกษียณอายุ 30% เป็นเงิน 3,000 บาท
  • การศึกษา 30% เป็นเงิน 3,000 บาท
  • เงินสำรองยามฉุกเฉิน 20% เป็นเงิน 2,000 บาท
  • ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ 15% เป็นเงิน 1,500
  • สำหรับพักผ่อนท่องเที่ยวออมเที่ยว 5% เป็นเงิน 500
เป็นกรณีตัวอย่างที่ทำให้เห็นภาพของ Jar of Life ได้มากขึ้น นับเฉพาะเงินเกษียณ 1 ปีจะมีเงิน 36,000 บาท ถ้าทำงาน 30 ปี จะมีเงิน 1.08 ล้านบาท นั่นยังไม่รวมกับเงินอื่นๆ ที่เราเก็บไว้ หรือในกรณีที่เรามีรายได้มากขึ้น ก็สามารถเพิ่มสัดส่วนการเก็บออมได้มากขึ้นด้วย 
 
 
อีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจคือการกำหนดแบบขั้นบันไดว่าแต่ละช่วงอายุเราควรมีเงินเก็บเท่าไหร่ ซึ่งจะทำให้เราสามารถเช็คสถานะการเงินของเราและคำนวณความมั่นคงชีวิตในระยะยาวได้ แต่ลำพังแค่การเก็บออมเงินอย่างเดียวไปถึงเป้าหมายไม่ได้จำเป็นต้องใช้วิธีการออมในรูปแบบอื่นที่อาจให้ผลตอบแทนได้มากขึ้น เช่นกองทุนรวม เป็นต้น 
 
การออมด้วยการลงทุน มีหลักสำคัญคือต้องทำอย่างมีวินัยเคร่งครัดและยิ่งทำเร็วยิ่งได้เปรียบ เช่นถ้าเก็บเงินเดือนละ 10,000 บาท จะใช้เวลา 1,200 เดือน หรือ 100 ปี ถึงจะมีเงิน 12,000,000 บาท แต่ถ้าลงทุนเดือนละ 10,000 บาท แล้วได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8% ต่อปี เราจะมีเงิน 12,000,000 บาท ภายใน 331 เดือน หรือประมาณ 28 ปี 
 
ในยุคที่เราอยู่ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน จะรอความช่วยเหลือจากใครก็คงจะยากเต็มที่ การเป็นที่พึ่งแห่งตนเองจึงสำคัญ แม้ทุกวันนี้เราจะเผชิญค่าใช้จ่ายหนักๆ รอบด้าน จนอาจจะไม่มีเงินเหลือให้ทำอะไร แต่ถ้าเราลองปรับวิธีคิดและนำเอาแผนการเงินมาใช้ จะได้มีหลักประกันในอนาคตว่าอยากน้อยก็ยังมีเงินสำรองให้ใช้ไม่ต้องลำบากมากในบั้นปลายของชีวิต
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สร้างรายได้จาก กระเบื้องยางSPC วัสดุปูพื้นยอดนิย..
522
ประกาศเซ้ง! แบรนด์แฟรนไชส์จีนหมดแรง แซงไทยไม่ไหว
439
ถอดรหัส Santa Fe Steak รีแบรนด์แล้วยังเหนื่อย?
433
สงครามเย็น จักรวาลชานมไข่มุก ใครจะอยู่ใครจะไป
408
รวมเทคนิค “ดิ้นสู้” วิกฤติร้านอาหารปี 2568 ทำยัง..
401
“Gap Model” ร้านค้าทำดีทุกอย่าง แต่ทำไมลูกค้าไม..
390
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด