บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
6.3K
2 นาที
15 สิงหาคม 2567
มาไทยแน่! ร้านค้าปลีกทั่วโลกหลบไป KK Group จากจีน กินรวบ! 
 

เรียกว่าทยอยมาสารพัดทุกรูปแบบสำหรับทุนจีนยุคใหม่ เข้ามาจนล้นทะลัก ไร้ทิศ ไร้ทาง ไร้การควบคุม จนประเทศไทยจะกลายเป็น "มณฑลไท่กั๋ว" ของจีนไปแล้ว
 
ก่อนหน้านอกจากจะมีแบรนด์ไอศกรีมและชาผลไม้ Mixue, Ai-Cha และ WEDRINK ยังมีแบรนด์ไก่ทอด Zhengxin Chicken Steak ขายเริ่มต้น 15 บาท ไม่นับรวมธุรกิจอื่นๆ อีกสารพัด หมาล่า เหล็ก ถ้วยเซรามิก รถทัวร์ แทบทุกอุตสาหกรรม ขายราคาถูก จนหลายๆ ธุรกิจของไทยแทบจะอยู่ไม่ได้แล้ว   
 

ภาพจาก https://www.kkgroup.cn/kkv
 
ไม่พอแค่นี้ ยังมีอีกแบรนด์เตรียมเปิดสาขาแรกในไทยเร็วๆ นี้ คือ ร้านขายของไลฟ์สไตล์สารพัด KKV ในเครือ KK Group Company Holdings Limited จากกวางตุ้ง ประเทศจีน ที่กำลังยื่น IPO ในฮ่องกง เป็นครั้งที่ 4 มูลค่า 100,000 ล้าน มีข่าวมาแว่วๆ ว่าจะเปิดสาขาแรกที่ The Mall Lifestore บางกะปิ 
  
KK Group เป็นสตาร์ทอัพค้าปลีกจีนแนวใหม่ ยูนิคอร์นม้ามืดประจำปี 2563 ก่อตั้งขึ้นในปี 2558 ขายสินค้าทางออนไลน์อย่างเดียว ต่อมาเป็นเจ้าของร้านค้าปลีก 4 แบรนด์ คือ KKV (ร้านค้าปลีกไลฟ์สไตล์สารพัด), The Colorist (ร้านค้าปลีกความงามระดับโลก มีทั้งแบรนด์จีน เอเชีย ยุโรป ตะวันตก), X11 (ร้านค้าปลีกของเล่นแนวป๊อปสมัยใหม่ระดับโลก) และ KK Guan (ร้านค้าปลีกไลฟ์สไตล์มินิมาร์ท) 
 

ภาพจาก https://www.kkgroup.cn/kkv
 
ปัจจุบันร้านค้าทุกแบรนด์ในเครือ KK Group มีสาขารวมกันราวๆ 800 แห่งในเมืองสำคัญกว่า 200 เมืองใน 31 มณฑลทั่วจีน อาทิ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว เซินเจิ้น หางโจว เฉิงตู ซูโจว เทียนจิน อู่ฮั่น ฉงชิ่ง รวมถึง ในอินโดนีเซีย และมาเลเซียอีกต่างหาก ทำเลเปิดร้านส่วนใหญ่เป็นย่านธุรกิจและห้างสรรพสินค้าชั้นนำของประเทศ
 
โดยสิ้นปี 2566 ร้านแบรนด์ KKV มีจำนวน 458 แห่ง ร้านแบรนด์ The Colorist จำนวน 243 แห่ง ร้านแบรนด์ X11 จำนวน 64 แห่ง และร้านแบรนด์ KK Guan จำนวน 35 แห่ง
 
รูปแบบของร้าน KKV มีทั้งโมเดลเปิดในห้าง และ Standalone ขนาดตั้งแต่ 300-35,000 ตารางเมตร ส่วนใหญ่จะเปิดในห้างขนาดใหญ่ เมื่อปี 2563 ร้านค้า KKV เปิดสาขาที่เซ็นทรัลพาร์ค ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ห้างชื่อดังในอินโดนีเซีย และได้รับกระแสตอบรับดีมาก
 
 
ร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ KKV ขายสินค้าหลากหลาย 11 หมวด เช่น ของใช้ในชีวิตประจำวัน อาหาร เครื่องเขียน สกินแคร์ครบวงจร และเครื่องสำอางแฟชั่น ในพื้นที่ขนาดกว่า 300 - 3,500 ตารางเมตร มีจำนวนสินค้ากว่า 20,000 SKU มีทั้งแบรนด์นำเข้าที่กำลังมาแรงและแบรนด์ในจีน KKV เป็นร้านค้าปลีกสไตล์เดียวกับ MINISO นั่นแหละ ขายสินค้าแบบเดียวกันสารพัดอย่าง ทั้ง 2 แบรนด์ยังเป็นคู่แข่งกันในจีนอีกด้วย 
 
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ KK Group เป็น GEN Z ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 14 - 35 ปี ดังนั้น KK Group จึงใช้กลยุทธ์ 2 ทาง "สุนทรียศาสตร์ + เทคโนโลยี" เพื่อมอบประสบการณ์การช็อปปิ้งรูปแบบใหม่ ที่มีรูปลักษณ์และล้ำสมัยสูง เพื่อสนองความต้องการมีวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่ดีขึ้น 
 

ภาพจาก https://www.kkgroup.cn/kkv
 
สำหรับในประเทศไทยร้านค้าสารพัด KKV น่าจะอยู่ภายใต้การบริหารของมีบริษัท เคเควี ซัพพลาย เชน จำกัด จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2567 ทุนจดทะเบียน 190 ล้านบาท โดยมีนายชิน กวานกุ้ย และนางสาวธิตานันท์ ซุน มีรายชื่อเป็นกรรมการ คาดว่าเตรียมจะเปิดสาขาแรกในไทยไม่ช้าก็เร็วๆ นี้ ต้องติดตามดูต่อไป 
 
สุดท้าย ไม่ว่าเราจะมองไปทางไหน ก็เจอแต่ธุรกิจที่เป็นทุนจีนไปหมด ถ้าผู้บริโภคคนไทยเห็นแก่ของถูกจากต่างประเทศ พอเข้าใจในยามเศรษฐกิจเป็นแบบนี้ แต่ในวันข้างหน้าเชื่อว่าสินค้าและธุรกิจของคนไทยอาจไม่เหลืออะไรเลย คาดว่าอาจซึมยาว ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดีด้วย ได้ผลกระทบไปทั่วทุกพื้นที่ ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัวให้เร็วเพื่ออยู่รอดไปก่อน 
 

ภาพจาก https://www.kkgroup.cn/kkv
 
อ้างอิง
 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 

ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
Anchor text คืออะไร สำคัญยังไงกับการทำ SEO
493
Trung Nguyen Legend กาแฟท้องถิ่นเวียดนาม ชนะสตาร..
347
เจ้าของ สุคิยะ บริษัทเชนร้านอาหาร ใหญ่สุดในญี่ปุ..
347
Joe Wings ไก่ทอดไทย น้องใหม่โอ้กะจู๋ ลุยตลาด 3 ห..
344
กลยุทธ์ "ชาสามม้า" ตำนานน้ำชา 88 ปี ที่หลายคนเคย..
335
หลังบ้านของธุรกิจร้านอาหารที่โตไว มีอะไรซ่อนอยู่!
328
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด