ถือเป็นธรรมเนียมไปแล้ว ห้างค้าปลีกทางฟากตะวันตกประกาศปิดกิจการ ปลดพนักงาน เพื่อลดค่าใช้จ่าย เพราะการเกิดขึ้นของอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ ห้างค้าปลีกอเมริกากว่า 400 แห่งต้องปิดกิจการ 
 

วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com ไม่รอช้าที่จะนำเสนอสาเหตุ ที่ทำให้ Sainsbury’s ซูเปอร์มาร์เก็ตอังกฤษ ค้าปลีกใหญ่อันดับที่ 2 รองจากวอลมาร์ทต้องปลดพนักงานในครั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ Sainsbury’s ซูเปอร์มาร์เก็ตอันดับสองของอังกฤษ ประกาศปลดพนักงานพร้อมกัน 2,000 ตำแหน่งครั้งนี้

ส่วนใหญ่เป็นพนักงานฝ่ายเสมียนและทรัพยากรบุคคล โดยผู้บริหารอ้างว่าเป็นการปรับโครงสร้างธุรกิจ พร้อมทั้งต้องการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายลง เพื่อให้สามารถรับมือและแข่งขันกับคู่แข่งธุรกิจค้าปลีกที่มาแรงในอังกฤษ
 

 

ไม่เพียงเท่านี้รายงาน Sainsbury’s ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา การพิจารณาปลดพนักงานในส่วนอื่นๆ อีก 1,000 ตำแหน่ง เพื่อที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายเป็นจำนวน 500 ล้านปอนด์ (659 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)  
 

Sainsbury’s เป็นห้างเก่าแก่ในอังกฤษ ก่อตั้งเมื่อปี 1869 เคยประสบปัญหายอดขายมาแล้ว โดยในปี 2004 Sainsbury’s มียอดขายลดลง 2.2% เพราะราคาสูงกว่าคู่แข่ง

ปัญหาการตั้งโชว์สินค้า เมื่อแก้ปัญหาแล้ว แต่ยอดขายก็เพิ่มเพียง 2.1% ในปีต่อมา และ Brief เป้าหมายจากผู้บริหารก็เกิดขึ้น โจทย์ คือต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อให้มียอดขายเพิ่มขึ้น 2,500 ล้านปอนด์ภายใน 3 ปี หรือภายในเดือนกันยายน 2008 หรือยอดขายต้องเพิ่มขึ้นปีละ 833.33 ล้านปอนด์
 

ภาพจาก goo.gl/KHtbhs

 

เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า ไม่ว่าใครจะใหญ่แค่ไหน ถ้าไม่รู้จักตั้งรับ ปรับตัวให้ทันต่อโลกยุคใหม่ จะไม่สามารถอยู่รอดได้ เช่นเดียวกับห้างค้าปลีกอเมริกา 400 แห่ง ที่ทยอยปิดตัวไปก่อนหน้านี้

รวมถึงยักษ์ธุรกิจของเล่นเด็กอย่าง LEGO ก็ประกาศปลดพนักงานไปแล้วก่อนสิ้นปี 2560 แต่ก็ยังเชื่อว่า ค้าปลีกในเมืองไทย ยังจะไม่ได้รับผลกระทบจากอีคอมเมิร์ซมากนัก เพราะผู้บริโภคชาวไทยยังต้องการที่จะไปเดินซื้อสินค้าตามห้างสรรพสินค้าครับ
 

อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://www.thaifranchisecenter.com/home.php

อ้างอิงข้อมูลและรูปภาพจาก goo.gl/F3DpXr