ดาวเด่นแฟรนไชส์    บ้านรักภาษา แจ้งเกิดแฟรนไชส์น้องใหม่ นำประสบการณ์ 12 ปี เสริมแ...
7.1K
26 พฤศจิกายน 2557
บ้านรักภาษา แจ้งเกิดแฟรนไชส์น้องใหม่ นำประสบการณ์ 12 ปี เสริมแกร่งแฟรนไชซี่มุ่งสู่การลงทุนที่ยั่งยืน


จับตาแฟรนไชส์น้องใหม่ในวงการธุรกิจการศึกษา “บ้านรักภาษา”  แม้จะเพิ่งประกาศขายแฟรนไชส์อย่างเป็นทางการไปในปี 57 แต่ก็มีผู้ให้ความสนใจติดต่อแฟรนไชส์เป็นจำนวนมาก  จนในขณะนี้สามารถขยายสาขาแฟรนไชส์ไปแล้ว 5 สาขา ในเขตกรุงเทพและต่างจังหวัด   และคาดว่าในปี 58  จะเปิดเพิ่มได้อีก 10 แห่ง 

อะไรคือสิ่งที่ผู้ลงทุนสนใจและจะประสบสำเร็จในการขายแฟรนไชส์บ้านรักภาษา นี้  ดร.มุขรินทร์ หวง หรือ ครูเก๋  ผู้บริหารของสถาบัน “บ้านรักภาษา”  ได้เล่าถึงที่มาที่ไปของโรงเรียนสอนภาษา “บ้านรักภาษา” นี้ว่า “สถาบันนี้ เริ่มจาก ครูซุ่น เจ้าของสถาบัน ท่านมีใจรักด้านการศึกษาและท่านเป็นครู ที่เริ่มสอนภาษาจีน-อังกฤษที่บ้านตั้งแต่ปี พ.ศ.2545  นักเรียนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

จนกระทั่งที่บ้านไม่สามารถรองรับจำนวนเด็กนักเรียนได้ จึงย้ายเข้าไปสอนที่สโมสรของหมู่บ้านคริสตัล ถ.ไทรม้า ถึงแม้ว่าในซอยจะค่อนข้างห่างไกล มิได้มีการโฆษณามากนัก แต่ด้วยคุณภาพการสอน ทำให้ลูกศิษย์และผู้ปกครองบอกเล่า ปากต่อปาก นักเรียนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  ทำให้บ้านรักภาษาของเราเติบโตขึ้น

จนกระทั่งในปีนี้ เป็นปีที่ 12  มีผู้ปกครองนักเรียนได้เล็งเห็นการทำงานของทีมงานบ้านรักภาษา ที่มีคุณภาพและเน้นการดูแลนักเรียนเป็นรายบุคคล จึงได้ติดต่อซื้อแฟรนไชส์และให้ทีมงานได้มีโอกาสเข้าไปบริหารและขยายธุรกิจแฟรนไชส์ นั่นจึงเป็นที่มาที่ทำให้เราเปิดธุรกิจในระบบแฟรนไชส์ค่ะ” 

ซึ่งหลังจากที่บ้านรักภาษาได้เปิดตัวแฟรนไชส์ไปได้ 3 เดือน ปรากฎว่ามีผู้สนใจติดต่อแฟรนไชส์และอยู่ระหว่างพิจารณาแฟรนไชส์อีกเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันสามารถเปิดไปแล้ว 5 สาขา สาขาสโมสรหมู่บ้านคริสตัล   ถ.ไทรม้า ,สาขาไวท์มอล ข้างวัดสร้อยทอง ถนนประชาราษฎร์ และสาขาแฟรนไชส์ คือ สาขาศรีราชา ตรงข้ามค่ายลูกเสือวชิราวุธ , สาขาบางนา ในหมู่บ้านไพโรจน์  และ สาขาสามพราน (ซอยวัดไร่ขิง) ซึ่งคาดว่าปีหน้าจะขยายเพิ่มอีก 10 สาขาค่ะ”


มีดีที่หลักสูตร  กลั่นกรองพิสูจน์ การวิจัย และเรียนรู้ถูกผิด 12 ปี

การเรียนภาษาที่ บ้านรักภาษา มีระบบการเรียนแบบบูรณาการผ่านเกมส์และกิจกรรม ให้ผู้เรียนเกิดความสามารถสื่อสาร ฟัง-พูด-อ่าน-เขียนภาษาอังกฤษและภาษาจีนได้โดยใช้เทคนิคแบบ TPR(Total Physical Response)   ที่คิดค้นโดยครูซุ่น ออกแบบหลักสูตรที่ได้มาตรฐานและสอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ของกระทรวงศึกษาธิการ วิเคราะห์จากความต้องการของนักเรียน ,คัดสรรอาจารย์ ที่เน้นว่าต้องเป็นเจ้าของภาษา มีประสบการณ์ในการสอนนักเรียนไทยอย่างน้อย 3 ปี มีจิตวิทยาในการสอนเด็ก 

รวมถึงวางระบบการอบรมอย่างน้อย 2 เดือนครั้ง เพื่อเพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพให้กับครูผู้สอน  มีการจัดทำแผนการสอนตามหลักสูตร  การพัฒนาหลักสูตรพัฒนาอาจาย์อย่างต่อเนื่อง  สุดท้ายคือเรื่องการประเมินผล ทั้งนักเรียนและคุณภาพของอาจารย์

ครูเก๋ อธิบายความน่าสนใจของหลักสูตรนี้ว่า  “TPR เป็นเทคนิคของครูซุ่นค่ะ ท่านได้คิดค้นและวิจัยที่ผ่านการกลั่นกรองมา 12 ปีแล้ว เป็นเทคนิคเฉพาะของเราที่ได้ผ่านการลองผิดลองถูกมาพอสมควร พัฒนาจนมั่นใจว่าว่า  เป็นทฤษฎีที่เหมาะกับการใช้เรียนภาษามากที่สุด  เป็นการสอนโดยธรรมชาติที่เด็กใช้การทำความเข้าใจโดยที่เด็กไม่ต้องท่องจำ 


ซึ่งเป็นการคงทนในการจดจำบทเรียนได้นานกว่า รวมถึงสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง   เรามีสโลแกน  “เรียนสนุกได้ความรู้ ต้อง...บ้านรักภาษา”   เราจะทำให้เด็กมีความสุขกับการเรียนรู้  เพราะเราพิสูจน์มาแล้วว่าสิ่งนี้จะช่วยให้เขามีความคงทนในการเรียนรู้  ซึ่งหลักสูตรที่บ้านรักภาษา จะแบ่งเป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษและภาษาจีน  แต่ละภาษาจะมี 16 หลักสูตรสำหรับเด็ก  และ 6 หลักสูตรสำหรับผู้ใหญ่  ราคาค่าเรียนประมาณ 5,200 บาท/หลักสูตร 

โดยการสอนจะแบ่งตามช่วงอายุให้เหมาะสมกับวัยเป็นหลัก อายุผู้เรียนรับสมัครตั้งแต่ 3 ขวบ จนถึง วัยผู้ใหญ่  อย่างวัย 70 ปี ก็เคยมีมาเรียนแล้วค่ะ ซึ่งครูเก๋มองว่าปัจจุบันเรื่องภาษาสามารถเรียนได้ทุกเพศทุกวัยค่ะ   ยิ่งตอนนี้คนไทยตื่นตัวกันมากเรื่อง AEC  ภาษาอังกฤษก็ต้องใช้ ภาษาจีนก็จำเป็น  หลักสูตรที่นี่ก็พัฒนามา เพื่อตอบโจทย์ทุกเพศทุกวัย  ราคาเรียนไม่แพงอยู่ในระดับกลาง

ที่สำคัญเรายังมีจุดเด่นอีกเรื่อง การเปิดสอนที่อนุญาตให้ผู้ปกครองเรียนฟรี  กรณีที่มีลูกเรียนกับเรา เพราะต้องการช่วยพัฒนาภาษาไปด้วยกัน เด็กที่มาเรียนเขาไม่รู้จะพูดกับใคร   แม่ส่งมาเรียน แต่กลับไปพูดกับพ่อแม่ ก็พูดไม่ได้ ตรงนี้เราตั้งใจที่จะให้ผู้ปกครองพูดภาษากับลูกได้เมื่อเขากลับไปที่บ้านค่ะ นี่คือความใส่ใจจากเรา เป็นอีกหนึ่งในหลายปัจจัยที่ทำให้มีผู้สนใจสมัครเรียนอย่างต่อเนื่องค่ะ”
 
กระบวนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

บ้านรักภาษา ก่อตั้งในปี 45 และเริ่มเปิดขาย แฟรนไชส์ “บ้านรักภาษา”   ในปี  57  โดยสาเหตุสำคัญในการเปิดแฟรนไชส์ก็คือ ผู้ปกครองที่ส่งบุตรหลานมาเรียนและเกิดความสนใจในธุรกิจ สนใจหลักสูตรที่สามารถพัฒนาลูกหลานของเขาได้  ทำให้ผู้บริหารจึงได้พัฒนารูปแบบการขยายสาขาด้วยระบบแฟรนไชส์  โดยมีการวางระบบที่น่าสนใจรองรับการขยายตัวในรูปแบบนี้ 

“เราได้พัฒนารูปแบบแฟรนไชส์  โดยสถาบันจะจัดเตรียมหลักสูตร ครู อาจารย์เจ้าของภาษา หนังสือ ตำรา อุปกรณ์การเรียนการสอน ข้อสอบประเมินผล เสมือนเราเตรียมมาม่าไว้ในชาม แค่ทางผู้ประกอบการจัดการเรื่องสถานที่ เติมน้ำร้อนลงในชามมาม่าค่ะ 

งบลงทุนต่อสาขาประมาณ 7แสน - 1 ล้านบาท ค่าแฟรนไชสฟี คิดหลักสูตรละ 290,000 บาท สามารถเลือกเปิดภาษาใดภาษาหนึ่งได้ และพิเศษสุดๆคือหากเปิด 2 หลักสูตรพร้อมกัน จะได้รับส่วนลดในหลักสูตรที่2 เป็นเงิน 1แสนบาท หรือหลักสูตรที่2 จ่ายเพียง 190,000 บาทเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วแฟรนไชส์ก็จะเปิดทั้ง 2 หลักสูตรเนื่องจากเป็นการเรียนจะเอื้อซึ่งกันและกันค่ะ  

นอกจากนี้ผู้ที่เปิดแฟรนไชส์ช่วงนี้ เรามีแถม ชุดนวัตกรรมการสอนมูลค่า 45,000 บาท เป็นสื่อการสอนที่เป็นประโยชน์กับเด็กในด้านคำศัพท์ ประโยคใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน นิทาน บทกลอน รวมถึงเรื่องราวเกี่ยวกับคุณธรรมจริยธรรม ทำให้เด็กได้ความเพลิดเพลินอีกด้วย 


หากสนใจแฟรนไชส์ก็สามารถสมัคร โดยการส่งประวัติของตนเองในด้านการศึกษา ประสบการณ์ทำงาน ผ่านอีเมล์  kaes19999@gmail.com หรือ krukay@banrakpasa.com  เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนตรวจสอบคุณสมบัติ สถานที่ เพื่อวางแผน ความเป็นไปได้ และวางแผนธุรกิจ จากนั้นก็จะทำการชำระค่ามัดจำค่าเช่าสถานที่กับเจ้าของตึก และค่าจองทำเลที่ตั้ง  และขั้นตอนสุดท้ายคือ ดำเนินการตามแผนธุรกิจ ใช้เวลา ประมาณ 5 สัปดาห์ เปิดสอนได้เลยค่ะ

สำหรับคุณสมบัติคนที่จะมาทำธุรกิจนี้  ครูเก๋ บอกว่า ไม่จำเป็นต้องเคยทำธุรกิจการศึกษาหรืออยู่ในแวดวงธุรกิจการศึกษามาก่อน แต่อย่างแรกเลยขอให้มีใจรักการศึกษา รักการเรียนรู้   มีการสื่อสารที่ดี เนื่องจากผู้ประกอบการจะเปรียบเสมือนผู้อำนวยการซึ่งจะต้องเป็นสื่อกลาง  สื่อสารกับนักเรียน และปฐมนิเทศก์ผู้ปกครอง   สิ่งนี้จะเป็นปัจจัยอย่างที่หนึ่งที่จะให้เราทำได้อย่างยั่งยืน

อย่างที่สอง คือ ต้องมีจิตวิทยาการศึกษา  มีการพัฒนาการเรียนการสอนตลอดเวลา ตระหนักในเรื่องการพัฒนาคน พัฒนาศิษย์ พัฒนาครู ซึ่งการอบรมครูทางบ้านรักภาษามีคอร์สอบรมทุกเดือน ขอให้ทางผู้ประกอบการส่งครูเข้าร่วมอย่างน้อย 3 เดือน /ครั้ง  อำนวยความสะดวกครูในการใช้สื่ออุปกรณ์การเรียนการสอน  

อย่างที่สาม ก็ต้องรู้จักยืนหยัดไม่ท้อถอย ในการอดทนและรอคอยความสำเร็จ การศึกษาคือการบ่มเพาะเมล็ดพันธ์ เราจะเห็นความเจริญงอกงาม ออกดอกออกผล ไม่เพียงแค่ ผลประกอบการ แต่เรายังได้รับความภูมิใจในการสร้างคนให้เป็นคนที่มีคุณค่า สร้างคนให้เขามีอาชีพการงานที่ดี ซึ่งคิดว่าข้อนี้ผู้ประกอบการธุรกิจอื่นๆ อาจไม่ได้รับนะคะ ..

ปัญหาที่อาจพบในการทำธุรกิจนี้ ครูเก๋ กล่าวว่า “เชื่อว่าการทำงานทุกการทำงานมีปัญหาและอุปสรรค อย่าอยู่กับปัญหา ปรับทุกปัญหาให้เป็นโอกาส มองปัญหาเป็นเรื่องท้าทาย ทำความเข้าใจและแก้ไขโดยเร็ว ผู้ประกอบการมีโค้ชคือเรา โดยปกติมีปัญหาอะไรก็โทรเลยค่ะ ทีมทำงานเราก็จะเข้าไปแก้ไข ผู้ประกอบการที่จะทำธุรกิจการศึกษาจะไม่รอให้ปัญหาเกิดขึ้นและแก้ไข โดยมากเราจะปฏิบัติการในเชิงป้องกันมากกว่า

ดังนั้น ผู้ประกอบการจะต้องเป็นนักวางแผน ครอบคลุมทั้ง 3 ด้านคือ เรื่องงาน เรื่องคน และเรื่องเวลา ต้องมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ทำให้ผู้เรียนเห็นประโยชน์ที่เขาได้รับ  ที่สำคัญที่สุดต้องคำนึงถึงหลักการศึกษาที่เราจะให้ผู้เรียนให้สนุก ประกอบกับได้รับความรู้ นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง สื่อสารภาษาได้


โอกาสธุรกิจการศึกษา แนวโน้มดีมีอนาคต

เรื่องแนวโน้ม รร สอนภาษา คือคนไทยในปัจจุบัน ภาษาเป็นเครื่องมือในการสื่อสารที่สำคัญ จึงถือเป็นอาวุธทางปัญญา ประกอบกับการเข้าสู่ยุค  AEC  ยิ่งทำให้ภาษาที่มีความสำคัญอยู่แล้วยิ่งสำคัญทวีคูณ โดยความสำคัญของภาษาเองและโดยจุดด้อยของเด็กไทย ที่ต้องเร่งพัฒนาด้านภาษามากกว่าประเทศอื่นในเอเชีย ที่รอบด้านเรา อย่าง คนฟิลิปปินส์ สิงคโปร เวียดนามก็มีภาษาอังกฤษ หรือภาษาจีน ก็ค่อนข้างเด่นอยู่แล้ว ดังนั้นพอเราเข้าไปอยู่สู่ยุคแข่งขันปี 2558  ก็ควรตระหนักในการเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพของตัวเอง ถ้าไม่มีความสามารถทางภาษาที่จะสื่อสารกับใครได้ จะทำธุรกิจหรือจะออกไปขายอะไรกับใครนอกประเทศ

ดังนั้น แนวโนัม การเปิดโรงเรียนสอนภาษาก็น่าจะมีเปิดเพิ่มขึ้นเรี่อยๆ ทำธุรกิจโรงเรียนนอกจากได้ประโยชน์กับลูกศิษย์ คนที่มีลูก ลูกของเราเองก็ได้เรียนรู้ และเราได้ดูแลเรื่องพฤติกรรมการเรียนของลูกเราอย่างใกล้ชิดพร้อมไปกับลูกศิษย์ด้วย แต่ทั้งนี้ ขอให้ผู้มีความคิดในการประกอบธุรกิจด้านการศึกษา เป็นคนทำอะไรทำจริง ในธุรกิจนี้ ไปได้ดีและสำเร็จแน่นอน อยากเปิดโรงเรียนสอนภาษา ง่ายๆ เมื่อติดต่อเรา คุณสมบัติผ่าน สถานที่ผ่าน  5 สัปดาห์ สถานที่ของคุณก็จะกลายเป็นสถานศึกษาแล้ว ก้าวต่อไปคือความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาคุณภาพให้เติบโตอย่างยั่งยืน

สุดท้ายหากถามว่า ทำไมต้องซื้อแฟรนไชส์บ้านรักภาษา ก็เพราะว่า โรงเรียนบ้านรักภาษาเป็นตัวอย่างของความสำเร็จค่ะ โรงเรียนภาษาในเมืองไทยถึงจะมีมากหน้าหลายตา แต่จะมีไม่มากที่ประสบความสำเร็จ บ้านรักภาษา มีระบบการเรียนการสอนแบบครบวงจร มีประสบการณ์ในการทำโรงเรียนครบถ้วน ให้คุณลองถูก ไม่ต้องลองผิด  ส่งผลให้ลูกค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ยอดนักเรียนเพิ่มมากขึ้นทุกปี 
 
 
ฉะนั้นเป็นประสบการณ์กลั่นกรอง มีการวิจัยอย่างต่อเนื่อง  ทำให้ระบบของเรา ใช้ได้จริง เด็กประมาณ 85%  ที่เรียนและเรียนต่อเนื่องนานถึง 6 ปี   ลูกค้าบอกกันปากต่อปาก นี่จึงเป็นสิ่งที่จะพิสูจน์ได้ว่า เราทำระบบได้ดี  เพราะบ้านรักภาษา คำนึงถึงหลักการศึกษาที่จะให้ผู้เรียนต้องเรียนให้สนุก ประกอบกับได้รับความรู้  นักเรียนของเราต้องนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง คือ สื่อสารภาษาได้ สมกับพันธกิจว่า  "เรียนสนุก ได้ความรู้ บูรณาการ ต้อง..บ้านรักภาษา" 

สนใจอยากเปิดโรงเรียนสอนภาษาแบบนี้บ้าง ติดต่อ ดร.มุขรินทร์ หวง
ที่อยู่ 81/232 สโมสรหมู่บ้านคริสตัล ซอยไทรม้า ถ.รัตนาธิเบศร์ อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
 
โทร. 083-009-4999, 02-985-2887
ดาวเด่นแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
รวบรวมขนมปัง 20 บาท มาเอาใจคนอยากมีร้าน
156,536
ชานมไข่มุกปลุกตลาด 7 พันล้าน เทรนด์‘ไต้หวันกลับซ..
99,312
กาแฟสด ชาวดอย ลงทุนน้อย ความเสี่ยงต่ำ ความคล่องต..
81,013
เนสท์เล่ ปูพรมร้านไอศกรีมลงทุนเอื้ออาทร สานฝันคน..
77,240
ปั่นแหลก น้ำผลไม้สด แซงโค้งเข้าวินสร้างอาชีพ
76,393
“เคพีเอ็นพลัส” แฟรนไชส์อะไหล่มอ’ไซด์ ลั่นขยาย100..
54,399
ดาวเด่นแฟรนไชส์มาใหม่
ดาวเด่นแฟรนไชส์อื่นในหมวด