“สุดธนา” ความลงตัวของสมุนไพรและสปา
“สุดธนา” สร้างจุดเด่นใหม่ดึงความแตกต่างระหว่างสมุนไพรมาผสมผสานกับสปา ภายใต้ชื่อ “กรีนทัช ซิมพลี สปา” เตรียมเจาะตลาดในประเทศ หลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในต่างประเทศ ตั้งเป้าขยายแฟรนไชส์ให้ได้ประมาณ 15 สาขาทั่วประเทศ ส่วนกรณีที่กระทรวงสาธาราณสุขเตรียม เข้มงวดผู้ประกอบการธุรกิจสปานั้นบริษัทฯ ได้มีมาตรการรองรับไว้แล้ว
นายพงษ์สรรค์ ลีลาหงส์จุฑา กรรมการผู้จัดการบริษัท สุดธนา (2543) จำกัด ผู้นำธุรกิจทางด้านการให้บริการรักษาผิวพรรณมากว่า 30 ปี กล่าวถึงที่มาของรูปโฉมการบริการใหม่ของบริษัทฯ ว่า เป็นการคิดค้นผลิตภัณฑ์และรูปแบบการให้บริการใหม่ ภายใต้ชื่อ “กรีนทัช ซิมพลี สปา” ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการให้บริการสปาและการดูแลรักษาผิวพรรณ รวมถึงการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯด้วย ทั้งนี้เนื่องจากเห็นว่ากระแสของสปากำลังมาแรง จึงได้มีการปรับตัวกรีนทัชให้เป็น “ซิมพลีสปา” โดยดึงจุดแข็งของสินค้าที่มีสมุนไพรมาเป็นตัวหลัก แต่ในส่วนของสปาจะเน้นบำบัดอารมณ์และจิตใจของลูกค้า ดังนั้นจึงเอา 2 อย่างนี้มารวมกัน
“จุดเด่นในส่วนของสินค้า เราได้มาตรฐานโดยมีการส่งออกในหลายประเทศ และการดีไซน์ก็ไม่เหมือนใคร ในขณะที่การบริการสปาก็มีท่านวดที่พัฒนามาจากของจีนและไทย อีกทั้งสมุนไพรของบริษัทฯจะแตกต่างจากที่อื่นๆ อย่างชัดเจน คือ จะมีเมนูสมุนไพร เช่น ลดความอ้วนสมุนไพร ซึ่งตรงนี้บริษัทฯจะมีความเชี่ยวชาญมาก สปาอื่นจะไม่มีตรงจุดนี้ และเป็นเมนูหลักที่เป็นจุดแข็ง” นายพงษ์สรรค์กล่าว
ส่วนกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขกำลังจะมีนโยบายให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ที่เกี่ยวข้องกับสปาต้องไปทดสอบนั้น นายพงษ์สรรค์ กล่าวว่า บริษัทฯมีมาตรการรองรับในส่วนนี้ไว้แล้ว โดยทางกระทรวงฯ ต้องการแยกสปาและสถานบริการอาบอบนวดออกจากกันให้ชัดเจน เพราะฉะนั้นในเรื่องของสถานที่ ร้าน“กรีนทัช ซิมพลี สปา” สาขาล่าสุดที่ชินเขต ก็ได้ปฏิบัติตามกระทรวงฯอยู่แล้ว เช่น การแยกห้องน้ำออกจากเตียงนวด หรือในห้องต่างๆ ต้องมีนาฬิกา เพื่อบ่งบอกเวลา นอกจากนี้ในส่วนของผู้จัดการและพนักงาน ทุกคนจะต้องไปทดสอบกับกระทรวงฯ โดยจะสอบเพียงครั้งเดียว จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจเยี่ยมทุกปี เพื่อคอยเช็คมาตรฐานสปาแต่ละแห่ง
สำหรับมาตรการในการควบคุมดูแลซิมพลี สปาในแต่ละแห่งว่า บริษัทฯ จะส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำร้านทุกอาทิตย์ และจะมีการสอบถามข้อมูลและตรวจสอบในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่ฝึก อบรมไปนั้นว่าสามารถทำได้ตามมาตรฐานหรือไม่ จะมีการฝึกอบรมทุกอาทิตย์
ปัจจุบันบริษัทฯ มีทั้งหมด 6 แบรนด์ อาทิ Green Palace, Green touch, O Green,Light Place และสุดปรารถนา โดยมีผลิตภัณฑ์ทั้งหมดประมาณ 300 รายการ และในปีนี้บริษัทฯ จะเริ่มทำตลาดในประเทศไทยมากขึ้น หลังจากที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในต่างประเทศกว่า 20 ประเทศ
เป้าหมายในการขยายแฟรนไชส์ต้องการขยายให้ได้ 15 สาขา ทั่วประเทศ โดยจะเป็นการขยายแฟรนไชส์ในรูปแบบชอป ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีสาขาอยู่ที่เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า (เดือนเมายนจะมีการปรับโฉมให้เป็นสปาแบบเต็มตัว) , สาขา2 ที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งจะเจาะลูกค้ากลุ่มไฮเอนท์, สาขา 3 ที่ศาลายา และล่าสุดที่ชินเขต
ส่วนงบประมาณลงทุนกับกรีนทัช เริ่มต้น 500,000 – 2,500,000 บาท ตรงนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนพื้นที่ โดยจะมีค่ารอยัลตี้ฟี 5% ของยอดขายและการบริการ และต่ออายุสัญญา 3 ปี ซึ่งสิ่งที่แฟรนไชซี่จะได้รับ อาทิ สัญญาการใช้สิทธิเครื่องหมายการค้า “Green Touch” , ฝึกอบรมนวดหน้าและผิวกายจำนวน 4 ท่าน, การบริหารจัดการ การให้คำปรึกษาและการสนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมการขาย เป็นต้น
โดยผู้ที่สนใจสามารถติดต่อบริษัทฯได้ที่เบอร์ 0-2208-9743 หรือ 0- 2208-9746
อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์