บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
1.6K
2 นาที
6 พฤศจิกายน 2562
Digital Tax ของมาเลเซียในต้นปีหน้า
 
ภาพจาก engt.co/2NIJSSt

ที่ผ่านมาผมมีโอกาสเดินทางไปมาเลเซียเพื่อร่วมงานประชุมของ Lazada โดยได้มีการเชิญบรรดาผู้ประกอบการเกือบ 2,000 รายเข้าร่วมงาน ดูเหมือนผมจะเป็นตัวแทนบริษัทจากไทยบริษัทเดียวที่ได้ไปร่วมงานประชุมครั้งนี้ ผมได้ไปพูดคุยถึงว่าผู้ประกอบการมาเลเซียจะนำสินค้าเข้ามาขายในประเทศไทยได้อย่างไร พร้อมกับได้พาผู้ประกอบการไทยบางรายให้นำสินค้าเข้าไปแสดงและดูลู่ทางหากต้องการที่จะไปขายออนไลน์ที่โน่นด้วย 
 
การไปครั้งนี้ได้อัปเดตหลายอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์อีคอมเมิร์ซในมาเลเซีย มีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจมากก็คือเรื่องของ Digital Tax หรือการเก็บภาษีดิจิทัล ซึ่งภาษีดิจิทัลเมื่อมองกันจริง ๆ แล้วมีหลายมุมมาก เช่น การขายของผ่านอีคอมเมิร์ซ จำนวนเงินเข้าบัญชีเกิน 400 ครั้งอย่างที่ผมเคยนำเสนอกันไปแล้วก็ใช่
 
มาเลเซียกำลังจะเริ่มนำ Digital Tax มาใช้ เพราะเห็นว่าผู้ให้บริการด้านดิจิทัลยักษ์ใหญ่ เช่น Google, Facebook, Spotify, Netflix ฯลฯ ทั้งหลายเหล่านี้รวมถึงบริการต่าง ๆ ที่มีการจ่ายเงินออกไปนอกประเทศผ่านทางออนไลน์ ผู้ให้บริการเหล่านี้ไม่เคยเสียภาษีให้แก่ประเทศ รัฐเองไม่สามารถมีรายได้กลับเข้ามาเลย 

ภาพจาก bit.ly/2oQMS6N
 
ทางการมาเลเซียจึงแจ้งว่าในเดือนมกราคมของปีหน้า รัฐบาลมาเลเซียจะขอให้บรรดาผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น Facebook, Google, Amazon, Netflix ฯลฯ บวกค่าบริการเพิ่มขึ้นอีก 6% สำหรับทุกบริการที่คนมาเลเซียใช้ นั่นก็คือภาษีที่ผู้ให้บริการเหล่านี้จะต้องเป็นคนเก็บเพิ่มให้ และให้ผู้ให้บริการเหล่านี้นำ 6% ที่เก็บเพิ่มนี้นำจ่ายกลับมาให้กับรัฐบาลมาเลเซีย 
 
นี่ถือเป็นภาษีดิจิทัลของมาเลเซียที่มีรูปแบบคล้ายกับภาษี VAT ของไทย เมื่อมาเลเซียทำตรงนี้ผมว่าภาระอย่างแรกตกอยู่ที่ประชาชนผู้ใช้บริการ เพราะจะต้องจ่ายในส่วนของภาษี 6% ที่เพิ่มเข้าไป ประชาชนต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
 
ทางการมาเลเซียเองคาดการณ์ว่าน่าจะเก็บเงินภาษีได้สูงถึง 2.4 พันล้านริงกิต หรือประมาณ 1.73 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว หากประเทศไทยเราจะนำมาใช้บ้างอาจจะยังมีปัญหาตรงที่เราไม่เคยมีข้อมูลมาก่อนว่าคนไทยใช้เงินกับการดูหนังฟังเพลง หรือทำอะไรต่าง ๆ ผ่านออนไลน์ แล้วจ่ายเงินออกไปนอกประเทศเป็นจำนวนเท่าไหร่กันแน่

ภาพจาก on.ft.com/2riiUcQ
 
ในมุมกลับกัน สิ่งที่จะเริ่มเห็นชัดเจนเมื่อมาเลเซียทำสิ่งนี้ก็คือ ทางการมาเลเซียจะรู้เลยว่า มูลค่าที่แท้จริงที่คนมาเลเซียจ่ายเงินออกไปนอกประเทศคือจำนวนเงินเท่าไหร่ (หากบรรดาผู้ให้บริการดิจิทัลทั้งหลายยอมเก็บ 6% กลับไปให้รัฐบาลมาเลเซียนะครับ) ตรงนี้จะเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราได้เห็นเศรษฐกิจดิจิทัลที่แท้จริงว่าคนในประเทศเรามีการจ่ายเงินออกนอกประเทศไปขนาดไหน ตัวเลขตรงนี้ผมไม่แน่ใจว่ามาเลเซียเองมีอยู่แล้วหรือไม่ แต่ประเทศไทยยังไม่เคยมีตัวเลขนี้กันจริง ๆ 
 
ผมเข้าใจว่าตอนนี้ทางกรมสรรพากรของไทยเองก็กำลังหาวิธีที่จะทำให้บริษัทใดก็ตามที่ทำด้านออนไลน์และอยู่นอกประเทศไทย เมื่อใดก็ตามที่บริษัทเหล่านี้มียอดขายเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีต้องมีภาระในการเก็บภาษี VAT 7% ผมมองว่าเป็นอารมณ์เดียวกับของมาเลเซีย สำหรับของไทยเราผมไม่แน่ใจว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่ของมาเลเซียเองนับไปข้างหน้าอีกไม่ถึงสามเดือนเขาจะบังคับใช้แล้ว
 
ในกรณีของมาเลเซีย สิ่งที่ผมยังสงสัยอยู่ก็คือ บรรดาผู้ให้บริการออนไลน์ต่าง ๆ จะมาขึ้นทะเบียนกับมาเลเซียหรือไม่ ถ้าไม่ไปขึ้นทะเบียนรัฐบาลจะมีมาตรการจัดการอย่างไรต่อไป ในแง่กฎหมายผมไม่แน่ใจว่าจะไปจัดการกับเขาได้หรือไม่ ซึ่งผมก็แอบลุ้นอยู่ว่าเมื่อถึงเดือนมกราคมปีหน้ามาเลเซียจะมีบริษัทด้านดิจิทัลเข้ามาในระบบกี่ราย เมื่อมาเลเซียเขาทำแล้ว ผมเองก็อยากจะฝากทางกรมสรรพากรให้ต้องเริ่มดูมาเลเซียเป็นตัวอย่างว่าเขาทำได้มากน้อยแค่ไหน 

ภาพจาก bit.ly/2K9LILl
 
ยักษ์ใหญ่ด้านดิจิทัลควรต้องมีการจ่ายภาษี เราควรมีมาตรการอะไรบางอย่างที่เชิญชวนให้เขามาร่วมอย่างน้อยคือเราควรได้อะไรบางอย่างกลับมาบ้าง เพราะเงินมันออกไปข้างนอกหมดโดยที่เราไม่รู้เลย ในขณะที่คนไทยเริ่มใช้อินเทอร์เน็ตเกือบ ๆ 50 ล้านคนแล้วและจะใช้หนักขึ้นเรื่อย ๆ บริการต่าง ๆ รอบตัวจะเข้าสู่อินเทอร์เน็ตมากขึ้น เม็ดเงินที่เราใช้จ่ายต่อไปมันจะเริ่มออกไปข้างนอกมากขึ้นเรื่อย ๆ ฉะนั้น หากเราไม่มีมาตรการอะไรบางอย่างในวันนี้บอกได้เลยว่าในอนาคตเราอันตรายมากเลยทีเดียว 
 
โดยส่วนตัวผมเชียร์กฎหมายตัวนี้เพราะมันจะทำให้เกิดความเท่าเทียมกัน เราทำบริษัทในไทยเราโดน 7% แต่บริษัทยักษ์ใหญ่จากเมืองนอกปรากฎเข้ามาไม่เสียอะไรเลย และสูบเงินจากประเทศไทยออกไปอยู่ตลอดเวลา หากมีกฎหมายนี้ขึ้นมาจะทำให้เกิดความแฟร์มากขึ้น แต่ตรงนี้เองก็ต้องยอมรับว่าประชาชนก็ต้องเป็นคนแบกรับภาระที่เพิ่มมาขึ้นอีก 7% นะครับ
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
610
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
508
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
430
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
413
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
408
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด