“แฟรนไชส์ เกาลัด” ของบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู้ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด แม้ก่อตั้งได้ไม่ถึงปีแถมเกิดจากน้ำพักน้ำแรงของเด็กวัยเพียง 20 เศษ แต่กลับเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันเถ้าแก่น้อยถือเป็นผู้สั่งเข้าเกาลัดเฉพาะขายติดอันดับต้นๆ ของไทย เดือนละ 20 ตัน ทำให้มีอำนาจต่อรองผู้ขายค่อนข้างมากทั้งเครดิต และ ราคาซื้อ ที่สำคัญทำให้กำไรจากการขายเกาลัดของเถ้าแก่น้อยเพิ่มมากขึ้นด้วย 

 

อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ ผู้ก่อตั้ง เล่าว่า ทุกวันนี้ เกาลัดภายใต้แบรนด์ “เถ้าแก่น้อย” ที่เขาเปิดเองลงทุนเองทั้งหมด 12 สาขา กำไรวันละ 1,000 บาท บางสาขาที่ขายดีกำไรวันละ 3-4 พันบาท รายได้จะเพิ่มขึ้นถึง 3-4 หมื่นบาทต่อเดือน ขณะนี้เกาลัดเถ้าแก่น้อยเปิดขายแฟรนไชส์ด้วยการลงทุนทั้งแบบเช่าและซื้อขาด เพื่อเป็นตัวเลือกเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ต้องการลงทุนร้านเกาลัดตอนนี้ 

 

“เราเปิดบริการให้เช่าตู้ด้วย คือ เสียค่ามัดจำตู้ 3 หมื่นบาท ค่ามัดจำบูธ 2 หมื่นบาท รวมแล้ว 5 หมื่นบาท คุณก็ได้ทุกอย่างพร้อมขายได้เลย แต่ถ้าเลิกขายอุปกรณ์ทั้งหมดให้เรา แต่สัญญาต้องขายอย่างน้อย 6 เดือนอย่างต่ำ แต่ถ้าซื้อขาดก็จะอยู่ที่ราว 1 แสนบาท ส่วนใครที่ไม่มีทำเลก็สามารถเอาสาขาที่เราเปิดขายอยู่แล้ว มีตลาดอยู่แล้ว ไปทำต่อได้ โดยเราก็จะคิดค่าเซ้งไป รวมทั้งหมดก็ประมาณ 200,000 บาท คุณจะสามารถทำกำไรได้เดือนละ 3-4 หมื่นบาท เรียกว่า 5 เดือนก็คืนทุนแล้ว”
  

นอกจากนี้ ทางเถ้าแก่น้อยจะมีโปรโมชั่นพิเศษ โดยให้สินค้าตัวอื่นมาวางขายพ่วงกับคีออสเกาลัด ถ้าขายได้กำไรจะเพิ่มขึ้น โดยจะให้สินค้ามาขาย 3 ตัว คือ สาหร่ายญี่ปุ่นทอด ลำไยอบแห้ง และลูกพลับ เมื่อซื้อแฟรนไชส์เกาลัด จะทำสัญญาให้เป็นตัวแทนจำหน่ายสาหร่ายญี่ปุ่นทอดควบคู่กันไปด้วย โดยสามารถรับสาหร่ายญี่ปุ่นทอดในราคาต้นทุนไปทำตลาด ทำให้สามารถมีกำไรเพิ่ม ทั้งนี้ กลยุทธ์การตลาดของสาหร่ายญี่ปุ่นคือใช้แพ็กเกจจิ้งเล็ก เมื่อใครมาซื้อเกาลัดก็ให้สาหร่ายญี่ปุ่นไปชิม ปรากฏว่าทุกคนติดใจกลับมาซื้อกันใหญ่ บางคนซื้อที 10 ถุงเพราะชอบมาก 

 

“สาหร่ายเถ้าแก่น้อยตอนนี้มี 2 รส คือ รสเผ็ด และรสคลาสสิค ในเร็วๆ นี้ เตรียมจะนำสาหร่ายเพิ่มอีกรสเพื่อลงเซเว่นฯ ทำสัญญาแล้ว นอกจากนี้ จะทำไซส์ใหม่ 20 บาท เอาลงปั๊มเจ็ท และห้างฯ คาร์ฟูร์ แฟมิลี่มาร์ท ต้นปีนี้ (2548) ผมจะเพิ่มรสใหม่อีก 2 รส ประกอบกับการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้มีอายุการเก็บรักษายาวนานขึ้นปรับปรุงโรงงานผลิตจนได้มาตรฐาน พร้อมกับขยายช่องทางการตลาดใหม่ๆ เพิ่มขึ้น“ 

 

อิทธิพัทธ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “เมื่อให้สิทธิตัวแทนจำหน่ายไปแล้ว คุณต้องขายนะ เพราะเราจะมีระยะเวลาภายใน 3 เดือนคุณต้องขายให้ได้เท่านี้ มีเป้าให้ เอาไปแล้วไม่ทำก็จะเสียโอกาสเรา เสียโอกาสคนอื่น นี่ถือว่าเป็นการขยายไลน์ธุรกิจแบบที่คุณไม่ต้องเหนื่อยและได้ผลกำไรเร็วด้วย ทั้งเกาลัด ทั้งสาหร่าย เพราะเกาลัดผมถูกกว่าที่อื่น ผมสั่งเยอะอยู่แล้ว ผมตั้งเป้าธุรกิจเถ้าแก่น้อยในอนาคตจะอยู่ในฐานะโรงงานผู้ผลิตและผู้ส่ง ผมต้องการสร้างแบรนด์เถ้าแก่น้อยนี่คือแผนต่อไป” 

 

สนใจติดต่อ โทร.0-2924-6274 , 0-2924-6127

 

อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์