ดาวเด่นแฟรนไชส์    เขย่าสมรภูมิโลจิสติกส์ “เบสท์ เอ็กซ์เพรส” ปูพรมแฟรนไชส์
1.8K
20 เมษายน 2564
เขย่าสมรภูมิโลจิสติกส์ “เบสท์ เอ็กซ์เพรส” ปูพรมแฟรนไชส์
 

ธุรกิจที่เติบโตสวนกระแสโควิด-19 หนีไม่พ้นอีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์ เพราะเมื่อผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ธุรกิจโลจิสติกส์ย่อมได้รับอานิสงส์ไปด้วย จึงไม่แปลกที่จะมีผู้เล่นหน้าใหม่กระโดดเข้าสู่ธุรกิจนี้ต่อเนื่อง
 
“เบสท์ เอ็กซ์เพรส” ผู้ให้บริการขนส่งพัสดุจากประเทศจีนก็เป็นหนึ่งในนั้นแม้จะเพิ่งเข้ามาได้ 2 ปี เป็นน้องใหม่ในตลาดเมืองไทย แต่ในประเทศจีนถือเป็นพี่ใหญ่ ด้วยว่าเริ่มต้นธุรกิจตั้งแต่ปี 2550 ปัจจุบันมียอดจัดส่งพัสดุมากถึง 200 ล้านชิ้นต่อวัน และเปิดให้บริการในกว่า 15 ประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย เยอรมนี ญี่ปุ่น และเกาหลี
 
ถึงเวลาบุกตลาดไทย
 
นายเจสัน เชียน ผู้จัดการทั่วไปภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประธานกรรมการบริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “เบสท์ เอ็กซ์เพรส” กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เป็นบริษัทโลจิสติกส์สัญชาติจีนในเครือ “Best Inc.” ซึ่งติดอันดับ 1 ใน 3 ธุรกิจขนส่งที่ใหญ่สุดในประเทศจีน
 
มีบริการครอบคลุมตั้งแต่การขนส่งพัสดุในประเทศ (best express) การจัดการคลังสินค้า (best supply chain) การขนส่งพัสดุขนาดใหญ่ (best freight) ระบบคลาวด์ (best cloud) บริการสินเชื่อกับผู้ประกอบการร้านค้า (best finance) และการขยายเครือข่ายในต่างประเทศ (best global)
 
สำหรับในประเทศไทย เริ่มเมื่อปี 2561 ถือเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มี 3 บริการหลัก ได้แก่ บริการขนส่งสินค้าในประเทศ (best express) การจัดการคลังสินค้า (best supply chain) และการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (cross border) ก่อนขยายไปในอีก 4 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ และกัมพูชา
 
“สาเหตุที่เลือกไทยเป็นประเทศแรก เพราะไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค ประกอบกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ส่วนใหญ่เป็นลักษณะ C2C หรือ consumer to consumer ขณะที่อีคอมเมิร์ซที่เป็น B2C business to consumer ยังมีน้อยตลาดอีคอมเมิร์ซไทยจึงมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ทั้งในแง่จำนวนพัสดุและปริมาณการขนส่งสินค้าออนไลน์ ซึ่งธุรกิจขนส่งสินค้าเป็นเหมือนรากฐานที่สำคัญของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เราจึงต้องการเข้ามาเป็นตัวช่วยให้ผู้ประกอบการไทยประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ”
 
ชูโมเดลโลจิสติกส์แฟรนไชส์
 
อย่างไรก็ตาม บริษัทเป็นผู้ให้บริการ “โลจิสติกส์” เจ้าเดียวในประเทศไทยที่ใช้โมเดลการขยายธุรกิจแบบ “แฟรนไชส์ 100%” ทำให้สามารถขยายสาขาได้รวดเร็ว แบ่งเป็น 4 โมเดล ได้แก่
  1. first franchise หรือแฟรนไชส์หลัก ให้บริการครอบคลุมทั้ง first-mile และ last-mile logistic เป็นทั้งจุดรับและกระจายพัสดุ
  2. subfranchise เป็นที่รับและกระจายพัสดุต่อจากแฟรนไชส์หลัก
  3. shop จุดรับพัสดุ
  4. drop point ตัวแทนรับพัสดุ
ขณะที่รูปแบบแฟรนไชส์ของผู้เล่นรายอื่นมักเป็นเพียงจุดรับพัสดุ ต่างจากของ “เบสท์ เอ็กซ์เพรส” ที่เป็นทั้งจุดรับและกระจายสินค้า โดยให้สิทธิเจ้าของแฟรนไชส์บริหารจัดการเต็มที่ตั้งแต่การหาลูกค้า การหาพาร์ตเนอร์คนขับ (คูเรียร์) และการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มปริมาณพัสดุ
 
“หน้าที่ของเบสท์ฯ หลัก ๆ จะดูแลคลังสินค้า ระบบขนส่งทางบก (line-haul) และการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน ข้อดีของโลจิสติกส์แฟรนไชส์คือ เจ้าของแฟรนไชส์เป็นคนในพื้นที่ จึงมีความชำนาญในการจัดการต้นทุน และหาพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจได้ดีกว่าคนนอกพื้นที่”
 
ในฝั่งผู้บริโภคมักเลือกใช้บริการโลจิสติกส์จาก 3 ปัจจัย คือ “เร็ว ปลอดภัย ราคาถูก” ทำให้บริษัทต้องควบคุมแฟรนไชส์ทั่วประเทศให้มีมาตรฐานทั้งในแง่การขนส่ง และคุณภาพบริการ โดยมีการเปิดอบรมและจัดทดสอบการนำเข้าสินค้า การขนส่งสินค้า และรับสินค้าให้แฟรนไชส์ใหม่และเก่าทุกเดือน รวมถึงพัฒนาระบบกลางในการจัดการรับส่งพัสดุสำหรับแฟรนไชส์ขึ้นมา
 
นอกจากนี้ยังพยายามทรานส์ฟอร์มองค์กรด้วยการนำระบบออโตเมติกแมชีนเข้ามาใช้ในการบริหารจัดการคลังสินค้า และเร่งสร้างอีโคซิสเต็มของธุรกิจด้วยการทำอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน นำสินค้าไทยส่งออกไปยังประเทศที่มีเครือข่ายของเบสท์ฯ ปัจจุบันนำร่องเปิดให้บริการระหว่างไทยและมาเลเซียแล้ว เพื่อให้ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด
 
ตั้งเป้าขยับขึ้นเบอร์ 3
 
นายเจสันมองว่า แม้ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยจะเติบโตจากวิกฤตโควิด-19 แต่เทียบกับประเทศอื่น คนไทยยังซื้อสินค้าออนไลน์น้อยกว่า และส่วนใหญ่ยังจับจ่ายด้วยเงินสด ทำให้อัตราค่าบริการเก็บเงินปลายทาง (COD) ของไทยสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นโจทย์ยากสำหรับธุรกิจโลจิสติกส์ อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นหน้าใหม่มีแนวโน้มที่จะโดดเข้ามาในตลาดไทยอีกหลายราย
 
“เราไม่ได้มองว่าผู้เล่นรายอื่น ๆ เป็นคู่แข่ง เพราะมุ่งโฟกัสไปที่การพัฒนาบริการให้มีประสิทธิภาพ”
 
สำหรับในประเทศไทย เบสท์ฯเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์อันดับ 1 ใน 5 มีจำนวนพนักงาน 4,000 คน แบ่งเป็นพนักงานออฟฟิศ 1,000 คน อีก 3,000 คน เป็นพนักงานในสาขา มียอดจัดส่งพัสดุประมาณ 300,000 ชิ้นต่อวัน หากจัดส่งในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล สามารถจัดส่งเร็วสุดได้ภายใน 1 วัน มีรายได้หลักมาจากค่าแฟรนไชส์ ค่าธรรมเนียมในการขนส่งพัสดุในประเทศ (จีพี) และค่าขนส่งพัสดุข้ามประเทศ
 
ส่วนแผนธุรกิจในปี 2564 จะเดินหน้าจับมือกับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ หลังจากในช่วง 2 ปีแรกบริษัทมุ่งไปยังการหาพาร์ตเนอร์ที่เป็นอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นลาซาด้าหรือช้อปปี้ เป็นต้น โดยตั้งเป้าเพิ่มยอดจัดส่งพัสดุให้โตขึ้นเท่าตัว หรือเพิ่มขึ้นเป็น 600,000 ชิ้นต่อวัน และมีแผนการลงทุนระยะยาว 5 ปี กว่า 5,000 ล้านบาท
 
ซึ่งปีนี้จะเปิดศูนย์กลางกระจายสินค้าที่พระราม 2 จากเดิมมีที่บางนา, สุราษฎร์ธานี และขอนแก่น รวมถึงลงทุนเพิ่มเครื่องจักรจัดการคลังสินค้าเพื่อลดต้นทุน เช่น สายพานคัดแยกพัสดุอัตโนมัติ และขยายสาขาเพิ่มอีก 2,000 สาขาทั่วประเทศ มีเป้าหมายขึ้นเป็นโลจิสติกส์เบอร์ 3 ของไทยในปี 2565
 
“ในไทยเราเพิ่งเข้ามา 2 ปี เงินที่ลงทุนไปก็เพื่ออนาคต อาจยังไม่เห็นผลกำไรในช่วงแรก แต่เมื่อสร้างฐานลูกค้าให้ใหญ่แล้ว กำไรก็จะงอกเงยตามมาด้วย”


ที่มา : https://bit.ly/3x79M8d
ดาวเด่นแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
รวบรวมขนมปัง 20 บาท มาเอาใจคนอยากมีร้าน
156,537
ชานมไข่มุกปลุกตลาด 7 พันล้าน เทรนด์‘ไต้หวันกลับซ..
99,314
กาแฟสด ชาวดอย ลงทุนน้อย ความเสี่ยงต่ำ ความคล่องต..
81,013
เนสท์เล่ ปูพรมร้านไอศกรีมลงทุนเอื้ออาทร สานฝันคน..
77,243
ปั่นแหลก น้ำผลไม้สด แซงโค้งเข้าวินสร้างอาชีพ
76,394
“เคพีเอ็นพลัส” แฟรนไชส์อะไหล่มอ’ไซด์ ลั่นขยาย100..
54,402
ดาวเด่นแฟรนไชส์มาใหม่
ดาวเด่นแฟรนไชส์อื่นในหมวด