กฤษฎ์ กาญจนบัตร General Manager บริษัท คาร์แลค (ไทย-เยอรมัน) จำกัด กล่าวว่า ก่อนที่บริษัทจะเปิดตัวในรูปแบบแฟรนไชส์ สินค้าคาร์แลค 68 ได้เข้าสู่ประเทศไทยมาประมาณ 20 ปี โดยเน้นการทำตลาดโมเดิร์นเทรด และดิสเคาส์สโตร์เป็นหลัก แต่ปัจจุบันศึกษาพบว่าผู้ประกอบการหรือลูกค้ามีความต้องการ ลงทุนเปิดบริการรองรับการล้างรถ ขัดเคลือบสี ซักเบาะพรมมากขึ้นจึงเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้บริษัทหันมาให้บริการดังกล่าว 

 

บริษัทฯเปิดศูนย์บริการคาร์แลค 68 เมื่อไตรมาส 3 ของปีที่ผ่านมาจนถึง ปัจจุบันมีศูนย์บริการ 8 สาขาซึ่งเป็นศูนย์บริการของบริษัทแม่ และขณะนี้ กำลังมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เป็นแฟรนไชส์ เนื่อง จากเชื่อว่าการขยายสาขาแบบแฟรนไชส์จะสามารถ ขยายสาขาได้รวดเร็วกว่าการขยายด้วยตัวเอง 

 

"ผู้ประกอบการเขารับรู้ว่าเราไม่ได้มุ่งเน้นให้เขาใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา แต่เราให้ในเรื่องของคำปรึกษาทั้งเรื่องของพื้นที่ ทำเล ช่วยดูในเรื่องของการออกแบบ สิ่งก่อสร้างเรื่องของอำนวยความสะดวกในเรื่องของผู้รับเหมา และให้ความช่วยเหลือในเรื่องการรับสมัครพนักงาน พร้อมฝึกอบรมเพื่อให้พนักงานมีความชำนาญ หลังจากนั้นเราจะมีครูฝึกอบรม และเทรนเนอร์เข้าไปประจำในทุกสาขาที่มีการเปิดดำเนินการแล้ว" 

 

คาดว่าบริษัทจะสามารถขายแฟรนไชส์ได้จำนวน 12-15 สาขา ภายในปี 2547 นี้ และได้ตั้งเป้าหมายว่าในปี 2548 จะสามารถขยายสาขาแฟรนไชส์เพิ่มขึ้นอีก 20 สาขา ซึ่งรูปแบบของร้านที่เป็นแฟรนไชส์จะเน้นโทนของร้านเป็นสีเหลืองกับสีเงิน เพื่อสื่อถึงความอบอุ่น มีสไตล์ 

 

สำหรับสาขาในเขตกรุงเทพฯ นั้นจะมีการกำหนดขอบเขตทำเลหรือโซนนิ่งให้มีรัศมีห่างกันประมาณ 2-5 กิโลเมตรเพื่อทำให้การแข่งขันไม่หนาแน่นจนเกินไป 

 

ส่วนเขตต่างจังหวัดจะมีหนึ่งจังหวัดหนึ่งสาขา โดยบริษัทจะส่งพนักงานเข้าไปตรวจสอบถึงความเป็นไปได้ของแต่ละทำเลก่อน ซึ่งทำเลที่ดีของแต่ละสาขาควรอยู่ใน แหล่งชุมชน มีการจราจรที่ค่อนข้างมาก ต้องมีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 150 ตารางเมตร แต่หากมีพื้นที่ไม่พอก็สามารถปรับใหม่ได้ตามความเหมาะสม โดยบริษัทฯ จะมีการอบรมในเรื่องเทคนิคทุกอย่างให้แฟรนไชซี่ตั้งแต่กระบวน การรับรถจนส่งมอบรถ งานเอกสาร งานติดตามลูกค้าทุกอย่าง คุณสมบัติและการใช้ผลิตภัณฑ์ ขณะที่การเปิดสาขาของบริษัทเองคงต้องดูในเรื่องของโลเกชั่นอีกทีหนึ่ง 
 

 
 

บริษัทฯ ยังเปิดโอกาสการลงทุนในรูปของดีลเลอร์ด้วย ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ ประกอบการที่ทำศูนย์บริการอยู่แล้ว แต่ไม่คิดที่จะเป็นแฟรนไชซี่เนื่องจากปัญหาของพื้นที่หรืองบประมาณที่ไม่มาก ซึ่งดีลเลอร์จะต้องลงทุนด้วยการซื้อสินค้ากับบริษัท 70,000 บาทบริษัทก็จะมีการฝึกอบรมเกี่ยวกับเรื่องของการใช้น้ำยาคาร์แลค 68 ให้กับดีลเลอร์ด้วย 

 

คอนเซ็ปท์ของร้านดีลเลอร์จะมีหน้าตา และสีสันที่แตกต่างจากแฟรนไชซี่ เนื่องจากดีลเลอร์จะเน้นเรื่องของ สีดำ แดง และเหลือง เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงคาร์แรคเตอร์ที่บ่งบอกถึงความรวดเร็ว และทันสมัย ซึ่งเป็นคนละอารมณ์ของศูนย์บริการ แต่จะมีการรับรองมาตรฐานด้วยข้อความที่ว่า High Quality Product for you by Car-Lack 68 บริษัทยังมีบริการซัพพอร์ตเตอร์ซึ่งเป็นการซื้อสินค้า ของบริษัทไปใช้เพื่อให้บริการลูกค้า โดยไม่จำกัดมูลค่าในการซื้อ 

 

เราเชื่อมั่นว่าถ้ามีตัวเลือกมาก ลูกค้าจะรู้สึกว่าเขาไม่ได้ถูกจำกัดในเรื่องของเงินลงทุน เมื่อไม่ถูกจำกัดในเรื่องของเงินลงทุนวันหนึ่งที่พร้อม อัปเกรดตัวเองขึ้นมาเป็นดีลเลอร์ จากดีลเลอร์ก็เป็นแฟรนไชซี่ ซึ่งลูกค้าที่รัตนาธิเบตน์กับรามคำแหงก็เป็นลูกค้าที่ปรับจากดีลเลอร์เป็นแฟรนไชซี่ ดังนั้นเราจะให้บริการกับผู้ประกอบการ เอสเอ็มอีทุกระดับไม่ว่าจะเป็นระดับเอ บี หรือซี 

 

กฤษฎ์ กล่าวต่อว่า การแข่งขันของตลาดคาร์แคร์ถือว่าเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง แต่เป็นการแข่งขันที่ไม่มีภาพลักษณ์หรือความชัดเจน เพราะเป็นตลาดที่ต่างคนต่างทำ โดยคาร์แคร์ส่วนใหญ่จะอยู่ตามห้างสรรพสินค้า หรือถ้าอยู่ข้างนอกก็จะอยู่ตามปั้มน้ำมันต่างๆ 

 

อย่างไรก็ตามคาร์แลค 68 จะพยายามสร้างความแตกต่างให้ชัดเจน เนื่องจากมีเป้าหมายจะก้าวไปสู่มาตรฐานของคาร์แคร์เคลือบสีรถยนต์อย่างแท้จริง โดยคาร์แคร์ของบริษัทจะมุ่งจับกลุ่มเป้าหมาย ที่เป็นลูกค้าระดับบีถึงเอ มีการสร้างระบบ Networking เพื่อในอนาคต สาขาบริษัททุกสาขาจะสามารถออนไลน์ถึงกันได้ และมีการทำบัตร Member เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้บริการคาร์แลคได้ทุกสาขา ซึ่งบริษัทจะมีโปสการ์ดที่ส่งไปเตือนลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ พร้อมทั้งยังมีวารสารสำหรับ Member ซึ่งจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับสาขาของบริษัท และการให้บริการของบริษัท โดยลูกค้าที่สนใจสมัครเป็น Member จะต้องเสียค่าสมัครประมาณ 3,800-5,000 บาท 

 

ปัจจุบันคาร์แลค 68 ให้บริการงานล้างสี งานอัดฉีด เคลือบสี ซักเบา พรม ล้างทำความสะอาดห้องเครื่อง เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง แบตเตอรี่ และเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝน แล้วก็เป็นพวกงานเปลี่ยนถ่ายทั่วไป สำหรับในอนาคตอาจจะมีการเพิ่ม บริการต่างๆ เช่นการให้บริการเกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศภายในรถ หรือการให้บริการเกี่ยวฟิลม์รถ 

 

รายได้ในปีที่ผ่านมาเติบโต 100 % เมื่อเทียบกับ 4-5 ปีก่อน และคาดว่าปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% จากปีที่ผ่านมา โดยรายได้ของบริษัทจะมาจากบริการ (แฟรนไชส์ ดีลเลอร์ ซัปพลายเตอร์) 60% ส่วนอีก 40% มาจากการขายสินค้าคาร์แลค 68 ไปยังห้างสรรพสินค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เทสโก้โลตัส โรบินสัน เดอะมอลล์ และร้านประดับยนต์ทั่วไป 

 

อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์