นาดี แฟรนไชส์ข้าวดิลิเวอรี เถ้าแก่เมืองคอนลุยตลาด กทม. 
 
 

       ข้าวถือเป็นอาหารหลักของคนไทย ที่ต้องมีติดบ้านไว้แทบทุกครัวเรือน โดยเฉพาะในกรุงเทพฯและปริมณฑล ที่มีการบริโภคข้าวมากที่สุดคือ 1 ล้านตันต่อปี จากจำนวนประชากรที่เข้ามาทำงานในเมืองหลวงเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคตามบ้านเรือน ร้านอาหารตั้งแต่รายเล็กไปจนถึงรายใหญ่ จากข้อมูลดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายข้าวสารรายใหญ่ในภาคใต้เล็งเห็นช่องทางการตลาดเมืองหลวง ด้วยการขายข้าวสารแบบดีลิเวอรี หลังจากที่ทำตลาดข้าวสารเคลื่อนที่ ในจ.นครศรีธรรมราช มาได้ระยะหนึ่ง

       นายธนกรณ์ จันทร์บุรีวงศ์ ผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดวิรัชทุ่งสง และบริษัท นาดีมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้สืบทอดกิจการรุ่นสอง เล่าว่า ธุรกิจการจำหน่ายข้าวสารเป็นของคุณพ่อที่จำหน่ายข้าวสารมานานกว่า 30 ปี และถือเป็นผู้จำหน่ายข้าวสารรายใหญ่ในภาคใต้ โดยมีโรงงานและโชว์รูมอยู่หลายแห่งในจ.นครศรีธรรมราช บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ มีข้าวสารให้ลูกค้าได้เลือกสรรหลากหลายชนิด หลายเกรด เช่น ข้าวหอมมะลิ ข้าวตาแห้ง เสาไห้ ข้าวกล้อง ที่ล้วนคัดสรรคุณภาพข้าวมาจากแหล่งผลิตที่ดีที่สุดของข้าวชนิดนั้นในแต่ละภูมิภาค ทำให้ข้าวสารของทางร้านเป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั้งในเรื่องราคา และคุณภาพสินค้า
      
       ส่วนแนวคิดการส่งข้าวถึงบ้านผู้บริโภค เกิดจากการสั่งซื้อข้าวสารของลูกค้าตามบ้านและร้านอาหาร ซึ่งบางครั้งต้องไปส่งเพียงเจ้าเดียว ทำให้คิดว่าในเมื่อรถยนต์ที่ขนส่งสินค้ายังมีพื้นที่เหลือเพื่อบรรจุสินค้าได้อีก แต่ทำไมต้องส่งเพียงเจ้าเดียว รถยนต์มีล้อสามารถเคลื่อนที่ไปไหนก็ได้ ดังนั้นหากสามารถส่งไปได้หลายเจ้าในครั้งเดียว หรือขายสินค้าให้แก่ลูกค้ารายอื่นด้วย เหมือนกับร้านขายข้าวสารเคลื่อนที่ก็น่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการกระจายสินค้าไปถึงมือผู้บริโภคได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น
 

 
       “เมื่อเราคิดที่จะทำร้านขายข้าวสารเคลื่อนที่ ซึ่งต้องมีการคิดแบรนด์ควบคู่กันไปด้วย โดยตั้งชื่อข้าวสารของทางร้านที่มีหลายเกรดเป็นชื่อดอกไม้ ได้แก่ พวงแก้ว (ข้าวหอมมะลิเกรดเอคัดพิเศษจากทุ่งกุลา) ห้าทิศ (คุณภาพข้าวลดลงมาจากพวงแก้ว) และสร้อยฟ้า (ข้าวหอมมะลิจังหวัดปทุมธานี) ซึ่งข้าวทุกชนิดของเราจะไม่มีการอบยาฆ่าแมลง ทำให้อายุของข้าวสารอยู่ที่ประมาณ 2 เดือน ตัวมอดก็จะขึ้น ต่อมาเมื่อแบรนด์ข้าวของทางร้านวิรัชทุ่งสงติดตลาดในภาคใต้แล้ว เราจึงคิดขยายตลาดมาที่กรุงเทพฯ เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของคนกรุงต้องการความสะดวกสบาย ถ้ามีข้าวสารคุณภาพดีมาส่งให้ถึงบ้าน หรือหาซื้อได้ตามร้านค้าใกล้บ้าน น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ลูกค้าหันมาใช้บริการ”
 

 
 
       สำหรับวิธีการดำเนินธุรกิจดังกล่าว นายฐนดล ลัญฉประสิทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า ใช้วิธีการหาตัวแทนจำหน่ายทุกเขตทั่วกรุงเทพฯ เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ โดยตัวแทนจำหน่ายสามารถกระจายสินค้าให้แก่ร้านโชวห่วย ร้านค้าในหมู่บ้าน ร้านอาหาร หรือบ้านที่อยู่อาศัย โดยจะได้สิทธิการขายเพียงผู้เดียวในแต่ละเขตพื้นที่ ทั้งการขายปลีก ขายส่ง ขายตรง (ดิลิเวอรี) และขายฝาก เป็นต้น โดยใช้เงินทุนเบื้องต้นประมาณ 500,000-600,000 บาท โดยต้นทุนส่วนใหญ่จะไปอยู่ที่รถข้าวสาร Mini-Truck ที่มีโลโก้ของบริษัท เพื่อใช้ในการส่งข้าวสาร
  
       ล่าสุดทางบริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เอาใจคนรักน้องหมา ด้วยข้าวคุณตูบ เจ้าแรกในไทย จากแนวคิดที่คนไทยส่วนใหญ่มักจะให้ข้าวหรือเศษอาหารที่รับประทานเหลือแก่สุนัข หรือใช้ข้าวที่รับประทานเองหุงให้กับสุนัข ซึ่งถือเป็นต้นทุนในการเลี้ยงสุนัขอย่างหนึ่ง ดังนั้นทางบริษัท ฯ จึงคิดนำข้าวที่เม็ดหัก สีไม่สวย ที่คนไทยมักไม่รับประทานมาบรรจุถุงเป็นข้าวคุณตูบ โดยราคาอยู่ที่ 13 บาท/กก. (บรรจุถุงขาย 5 กก.) ซึ่งเป็นข้าวพันธุ์ชัยนาท สีไม่สวย ที่เกิดจากเกษตรกรเร่งเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน โดยปลูก 5-7 รอบ/ปี ทำให้คุณภาพของข้าวสารไม่ตรงตามมาตรฐาน แต่ก็สามารถนำไปรับประทานได้ปกติ ซึ่งรสชาติจะมีความเปรี้ยวนิดๆ คนไทยนิยมนำมาทำเป็นไส้กรอกอีสาน
 

 
       “เรามองว่าปัจจุบันคนรักสุนัขมีหลายกลุ่ม ทุกระดับ ไม่ว่ามีเงินมากหรือเงินน้อยก็ตาม ซึ่งบางครั้ง เราจึงมองเห็นช่องว่างของตลาดที่จะสามารถนำสินค้าตัวนี้แทรกเข้าไปได้ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับกลุ่มคนที่เลี้ยงสุนัข และชอบบริจาคอาหารสุนัข สินค้าตัวนี้ทางตัวแทนก็ได้สิทธิ์ในการขายด้วย ซึ่งนอกจากการขายดิลิเวอร์รี่แล้ว ยังสามารถติดต่อกับโรงพยาบาลสัตว์, คลินิกรักษาสัตว์ และร้านเพ็ทช็อปในพื้นที่ เพื่อเสนอขายสินค้าหรือนำ Display ไปวางขายตามร้านต่าง ๆ ได้” นายฐนดลกล่าวทิ้งท้าย
       
สนใจติดต่อ 0-2539-7871, 08-5966-5063 และ 08-3911-8669
 
 
อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์