สปันจ์ เบเกอรี่เงินล้านลุยแฟรนไชส์

“สปันจ์” ร้านเบเกอรี่สร้างชื่อมากว่า 20 ปี จากจุดเด่นการแต่งสีสัน และรูปลักษณ์ให้เค้กดูมีชีวิตชีวา ขณะที่ระดับราคาไม่สูงนัก เจาะลูกค้าระดับกลาง โดยช่องทางตลาด นอกจากมีหน้าร้านของตัวเอง และส่งเข้าห้างสรรพสินค้าแล้ว ล่าสุดกำลังขยายสู่รูปแบบแฟรนไชส์เต็มรูปแบบ
ภัชรา จันทร์สุวรรณ์ เจ้าของร้านเบเกอรี่ “สปันจ์” (Sponge) เผยว่า เธอ และสามี ทำธุรกิจเบเกอรี่มายาวนานนับแล้วถึงปัจจุบัน ไม่ต่ำกว่า 20 ปี โดยจุดเด่น คือ การออกแบบเค้กให้ดึงดูดความสนใจของลูกค้าตั้งแต่แรกเห็น เน้นสีสันสวยงาม ตกแต่งหน้าเค้กด้วยเครื่องเคียงต่างๆ พร้อมแต่งหน้าเค้กด้วยครีมวาดเป็นลายต่างๆ

ส่วนขนาดจะเน้นเป็นเค้กชิ้นเล็ก เหมาะกับพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายในการพกพา และเหมาะที่มอบเป็นของขวัญ โดยจัดใส่ในบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม แล้วขายระดับราคาไม่สูงนัก เริ่มต้นที่ชิ้นละ 6 บาทถึง 69 บาท เพื่อมุ่งกลุ่มลูกค้าระดับกลาง เช่น กลุ่มพนักงานออฟฟิศ นักเรียน และนักศึกษา เป็นต้น
ขณะที่รสชาติหอมหวาน ด้วยเคล็ดลับทำสดใหม่วันต่อวัน ไม่ใช่สารกันเสีย รวมถึงมีสูตรลับของแป้งที่แม้จะนำเค้กเข้าแช่ในตู้เย็นก็ยังสามารถรักษาความนุ่มของเนื้อเค้กไว้ได้ โดยสามารถเก็บไว้กินได้ 3-7 วัน
ด้านช่องทางขาย เริ่มจากผ่านหน้าร้านของตัวเองที่แถวคลอง 3 จ.ปทุมธานี ก่อนจะขยายส่งเข้าห้างสรรพสินค้าต่างๆ เช่น เครือเดอะมอลล์ เป็นต้น และออกงานแสดงสินค้าต่างๆ นอกจากนั้น ยังขายส่งผ่านร้านตัวแทนจำหน่ายกว่า 40 ราย กระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งจากยอดขายทุกทาง ทำรายได้ให้ประมาณ 1 ล้านบาทต่อเดือนทีเดียว

ทั้งนี้ การบริหารภายในเวลานี้ ก้าวสู่องค์กรในรูปของบริษัทแล้ว มีพนักงานทั้งสิ้นกว่า 50 คน ส่วนโรงงานผลิตพัฒนาจนได้มาตรฐานอาหารและยา (อย.) และกำลังปรับปรุงในสู่มาตรฐาน GMP เร็วๆนี้
“เคล็ดลับที่จะทำให้เค้กอร่อย คือ เราต้องเข้าใจธรรมชาติของวัตถุดิบแต่ละชนิด เพื่อนำมาทำเป็นเค้กแต่ละชนิดได้เหมาะสม ประกอบการมีข้อได้เปรียบยอดผลิตต่อวันค่อนข้างสูง และมีโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐาน ซึ่งช่วยให้ผลิตได้สินค้าใหม่สดสะอาดเสมอ” ภัชรา เผยเทคนิคการคิดค้นเค้กแต่ละชนิด

จากประสบการณ์ด้านกระบวนการผลิตที่สะสมมานาน ประกอบกับผลสำเร็จอันเป็นที่ยอมรับ ร้านเบเกอรี่ “สปันจ์” กำลังก้าวสู่การขยายธุรกิจในรูปแบบขายแฟรนไชส์ โดยเข้าโครงการอบรมหลักสูตรแฟรนไชส์พื้นฐานและต่อเนื่องของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ภัชรา เผยรูปแบบแฟรนไชส์ร้านเบเกอรี่ “สปันจ์” ว่า ระยะแรกจะเน้นหาตัวแทนจำหน่ายภายใต้แบรนด์ “สปันจ์” ก่อน ซึ่งใช้เงินลงทุนแค่หลักพันบาท โดยรับสินค้าสำเร็จรูปจากบริษัทไปวางขาย หากตัวแทนรายใดมียอดขายที่ดี และทำเลเหมาะสม จะผลักดันร่วมเป็นแฟรนไชส์ เปลี่ยนจากแค่รับสินค้าไปขายมาสู่ผลิตเอง

สำหรับผู้ที่มาร่วมเป็นแฟรนไชส์ต้องเข้ารับการอบรมกระบวนการทำตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ อบเค้ก การแต่งหน้าเค้ก การจัดหน้าร้าน ฯลฯ ในระยะเวลา 2 เดือน ซึ่งเหตุที่ต้องใช้เวลาอบรมนานเช่นนี้ เพราะเสน่ห์ของเค้ก “สปันจ์” คือ ความประณีตบนหน้าเค้ก ดังนั้น ผู้จะมาร่วมธุรกิจต้องยอมรับ และให้ความสำคัญกับมาตรฐานนี้ด้วย
ทั้งนี้ มีข้อกำหนดต้องรับวัตถุดิบ “แป้ง” จากบริษัทแม่เท่านั้น เพื่อป้องกันรสชาติเพี้ยน เพราะถือเป็นหัวใจแห่งความอร่อยของเค้ก ส่วนทำเลที่เหมาะสมจะเปิดร้าน ควรเป็นย่านธุรกิจ และหน้าสถาบันการศึกษา เงินลงทุนเบื้องต้นในการเปิดร้านแฟรนไชส์อยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านบาท ( เงินลงทุนดังกล่าว หมายรวมถึง ค่าพื้นที่ตั้งร้าน ค่าตกแต่งร้าน ค่าพนักงาน ค่าอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เตาอบ ตู้แช่ เครื่องนวดแป้ง ฯลฯ ค่าธรรมเนียมในการแรกเข้าแฟรนไชส์ เป็นต้น ) วางเป้าภายใน 3 ปี จะขยายแฟรนไชส์ในกรุงเทพฯ ประมาณ 10 ราย และต่างจังหวัด จังหวัดละ 1 ราย
“การขยายแฟรนไชส์ เพราะอยากจะได้คนที่มีศักยภาพสูงมาร่วมธุรกิจ โดยใช้จุดเด่นของเราที่มีประสบการณ์มานาน ชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ และมีกระบวนการผลิตได้มาตรฐาน และครบวงจร ซึ่งเราไม่ต้องการจะปล่อยแฟรนไชส์ให้แก่คนที่มีทุนก็จะมาซื้อได้ทันที ดังนั้น จึงใช้ระบบควรมาเป็นตัวแทนก่อน ให้รู้ว่า มีความตั้งใจจริง และธุรกิจมีผลตอบรับที่ดีจริง ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการรับประกันความสำเร็จของทั้งสองฝ่าย” ภัชรา กล่าว
ในมุมมองเธอ ทิ้งท้ายว่า แนวโน้มธุรกิจเบเกอรี่จะเพิ่มความนิยมขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนยุคใหม่นิยมกินเมนูเบเกอรี่ทั้งเป็นอาหารว่าง และอาหารหลักในบางมื้อ ถ้าสามารถทำสินค้าที่มีคุณภาพดี รสชาติอาหาร มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และราคาระดับกลาง เชื่อว่า ลูกค้าจะตอบรับอย่างสูง สร้างความสำเร็จแก่เจ้าของธุรกิจได้
สนใจ โทร.0-2569-6520
อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์