บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
321
2 นาที
10 เมษายน 2568
ทุนจีน! รุกหนักย่านการค้า 40% เป็นของคนจีน


กระแสของทุนจีนที่บุกหนักรุกตลาดธุรกิจเมืองไทยยังคงสร้างความกังวลใจอย่างต่อเนื่อง ถ้ามองดูตัวเลขขณะนี้พบว่ามีคนไทยเชื้อสายจีนมากกว่า 9 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 7 ของประชากรทั้งประเทศ แต่อันที่จริงคนจีน กับคนไทยก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ และการเข้ามาของคนจีนก็มีมาตั้งแต่อดีต แต่ที่ไม่เป็นปัญหาเพราะสมัยก่อนมักเป็นการเข้ามาแบบเสือผืนหมอนใบ มาหล่อหลอมรวมกับสังคมไทย มีเป้าหมายในการทำมาหากินเพื่อสร้างฐานะ 
 
แต่ปัจจุบันนั้นแตกต่างสิ้นเชิง เริ่มตั้งแต่ในเรื่องของเงินทุนและสายป่านที่ยาวกว่า การมีคอนเนคชั่นกับโรงงานการผลิตในจีน และอื่นๆ อีกมากที่ล้วนเป็นปัจจัยให้ทุนจีนในยุคนี้โตเร็วแบบก้าวกระโดด ประเด็นสำคัญที่กังวลกันมากที่สุดคือการเบียดแย่งพื้นที่ในการทำธุรกิจของคนไทย ซึ่งถ้าสังเกตให้ดีจากบริเวณย่านการค้าสำคัญๆ ทุกวันนี้เจอร้านคนจีนเป็นจำนวนมาก
 
คนจีน ที่เข้ามาในไทยตอนนี้มาในฐานะ “พ่อค้า” ไม่ใช่เสือผืนหมอนใบเหมือนเมื่อก่อน แถมมาพร้อมสินค้า + เงินทุนมหาศาล และมักใช้คนไทยเป็นนอมินี ในการทำธุรกิจ ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของกฎหมายในเมืองไทย หลังจากนั้นก็จะนำสินค้าจากจีน เข้ามาวางขายที่หน้าร้านโดยตรง และด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า เงินทุนที่มีมากมาย ทำให้นายทุนจีนเหล่านี้ กล้าที่จะใช้วิธีทุ่มตลาด ดัมป์ราคาสินค้าให้ต่ำ จนทำให้ร้านค้าดั้งเดิม อาจไม่สามารถแข่งขันได้ 

ซึ่งนายทุนจีน ก็จะเข้าเทกโอเวอร์ร้านค้าเหล่านี้ และขยายใหญ่ไปเรื่อย ๆ ร้านค้าที่ได้รับผลกระทบ ก็มีตั้งแต่ร้านขายสินค้า ร้านนวด ไปจนถึงร้านอาหารที่เปิดมานานหลายสิบปี และถูกบริหารโดยลูกหลานชาวไทยเชื้อสายจีน มาแล้วหลายรุ่นสุดท้ายก็กลายเป็นเจ้าของพื้นที่เดิมไม่มีกำลังพอจะสู้กับทุนจีนรุ่นใหม่ การถูกกลืนหายไปจากย่านการค้าจึงเป็นเรื่องที่เราเห็นชัดเจนในปัจจุบัน ถ้าหากไปดู 3 ย่านการค้าสำคัญพบว่า
 
ย่านประตูน้ำ
 

ภาพจาก www.facebook.com/Pratunam.Market.BKK

พบว่ามีทุนจีนเปิดร้านค้าจำหน่ายสินค้าโดยตรงหลากหลายหมวดหมู่ ตั้งแต่เครื่องประดับ ของใช้ส่วนตัว ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ซูเปอร์มาร์เก็ต สินค้าสำเร็จรูปต่างๆ หรือถ้าดูข้อมูลภายในห้างซิตี้คอมเพล็กซ์ ซี่งมีล็อคในการเปิดให้เช่าจำนวนมาก โดยพ่อค้าแม่ค้าคนไทยบางส่วนได้เปลี่ยนไปทำอาชีพอื่น เนื่องจากสู้พิษเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ไม่ไหว ปัญหาหลักคือยอดขายไม่มี แถมเจอค่าเช่าสุดแพง ล็อคร้านค้าขนาด 1.5 x 1 แต่มีค่าเช่าเริ่มต้นที่ 1-2 แสนบาท สำหรับคนไทยที่ทุนน้อยราคานี้สู้ไม่ไหว ส่งผลให้กลุ่มทุนจีนเริ่มเข้ามาแทนที่มากขึ้น
 
ย่านห้วยขวาง
 
ภาพจาก https://bit.ly/3E0E59a

เป็นย่านการค้าที่ชัดเจนในเรื่องทุนจีนมากที่สุด สำรวจข้างทางตั้งแต่ต้นซอยถึงท้ายซอยเต็มไปด้วยร้านอาหารจีน ร้านหม่าล่า ชาบู มินิมาร์ท ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน ร้านนวดแผนโบราณ คาเฟ่ โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ-จีน ฯลฯ โดยตกแต่งและมีป้ายชื่อร้านเป็นภาษาจีนขนาดใหญ่ ที่น่าสนใจ

หลายร้านเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เพียงเท่านั้น ยังพบเห็นเดลิเวอรี่สัญชาติจีนชื่อ E-Gets ถึงขนาดที่บางคนเรียกย่านการค้านี้ว่าเป็นมณฑลห้วยขวางกันเลยทีเดียว แต่ก็ใช่ว่าในย่านนี้จะไม่มีของคนไทย ก็มีหลายแบรนด์ที่ยังเป็นของไทย แต่ก็ต้องมีสายป่านที่ยาวเพื่อสู้กับเหล่าทุนจีนพวกนี้ได้
 
สำเพ็ง
 
ภาพจาก https://bit.ly/3G1fh1g

เป็นย่านการค้าที่เก่าแก่แต่ตอนนี้ก็โดนทุนจีนรุกหนักเช่นกัน นอกจาทุนจีนก็ยังมีลาว กัมพูชา เมียนมา ที่มาดำเนินธุรกิจในรูปแบบรถเข็นแข่งกับคนพื้นที่ ประมาณการว่ามีสัดส่วนกว่า 40%

ข้อมูลน่าสนใจยังระบุว่าเมื่อก่อนคนจีนจะเป็นเพียงคนส่งของให้คนไทยมาใช้ค้าขาย แต่ตอนนี้ทุนจีนนำสินค้าเหล่านั้นมาเปิดขายเองทุกร้านเผชิญกับการตัดราคาและอำนาจเงินที่มากกว่า ลูกค้าก็หนีไปอยู่กับกลุ่มทุนจีน แถมทุนจีนเหล่านี้ยังนิยมลูกจ้างเมียนมาและกัมพูชา ลูกจ้างคนไทยแทบไม่มีให้เห็น

ทำให้ในย่านนี้จากเดิมที่เคยเป็นศูนย์กลางการค้าผ้าและสินค้ากิ๊ฟช็อป ปัจจุบันมีร้านค้าจีนเพิ่มขึ้นมาก ผู้ค้าไทยจำนวนไม่น้อยต้องย้ายออก หรือเปลี่ยนแนวทางการทำธุรกิจ
 
วิเคราะห์เหตุผลว่าทำไมทุนจีนรุกหนักย่านการค้าเมืองไทยก็สรุปรวมง่ายๆคือ
  • ทุนจีนส่วนใหญ่มีคอนเนคชั่นกับโรงงานผู้ผลิตที่ทำให้ได้เปรียบพ่อค้าแม่ค้าคนไทย
  • เงินทุนในการสู้กับค่าเช่าที่แพงขึ้น ทุนจีนสู้ได้แต่พ่อค้าแม่ค้าคนไทยรับไม่ไหว 
  • เรื่องของ Economies of Scale คือได้ต้นทุนต่อหน่วยที่ต่ำมาก ในการสั่งซื้อแต่ละล็อต
  • พ่อค้าแม่ค้าคนไทยสู้สงครามตัดราคาไม่ไหว เพราะมีต้นทุนอื่นที่ต้องแบกรับ
ไม่นับรวมในเรื่องค่าเช่าที่เจ้าของทำเลเองอาจถือคติ “น้ำขึ้นให้รีบตัก” เมื่อเห็นทุนจีนเงินหนาก็พาเหรดกันขึ้นค่าเช่า โดยมีข้อมูลน่าสนใจว่าค่าเช่าอาคารพาณิชย์ ในโซนเยาวราช-สำเพ็ง ปรับตัวสูงขึ้น จากช่วงก่อนเกิดโรคระบาด ค่าเช่าอยู่ที่ 70,000-100,000 บาทต่อเดือน ปรับขึ้นกลายเป็น 100,000-500,000 บาทต่อเดือน โดยค่าเช่าที่ปรับตัวสูงขึ้น ก็กระทบกับผู้เช่าคนไทยชัดเจน เป็นปัจจัยเสริมเพิ่มเติมให้ทุนจีนรุกย่านการค้าของไทยได้มากขึ้น
 
 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
Anchor text คืออะไร สำคัญยังไงกับการทำ SEO
493
Trung Nguyen Legend กาแฟท้องถิ่นเวียดนาม ชนะสตาร..
347
เจ้าของ สุคิยะ บริษัทเชนร้านอาหาร ใหญ่สุดในญี่ปุ..
347
Joe Wings ไก่ทอดไทย น้องใหม่โอ้กะจู๋ ลุยตลาด 3 ห..
344
กลยุทธ์ "ชาสามม้า" ตำนานน้ำชา 88 ปี ที่หลายคนเคย..
335
หลังบ้านของธุรกิจร้านอาหารที่โตไว มีอะไรซ่อนอยู่!
328
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด