บทความทั้งหมด    บทความแฟรนไชส์    การเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์    ความรู้ทั่วไประบบแฟรนไชส์
5.6K
2 นาที
16 ธันวาคม 2564
หลักเกณฑ์การคิดค่า Royalty Fee ในธุรกิจแฟรนไชส์
 

ระบบแฟรนไชส์ในปัจจุบันมีทั้งรูปแบบเจ้าของแฟรนไชส์เรียกเก็บค่า Royalty Fee จากผู้ซื้อแฟรนไชส์เป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดขายรายเดือนประมาณ 1-3% และไม่เก็บค่า Royalty Fee แต่ถ้าถามว่าหากต้องคิดค่า Royalty Fee จากผู้ซื้อแฟรนไชส์จะต้องมีหลักเกณฑ์อย่างไรจึงจะสร้างความยุติธรรมให้ทั้งสองฝ่าย คำตอบก็คือคิดตามราคาตลาดทั่วไป 1-3% แล้วหลักเกณฑ์การคิดค่า Royalty Fee ทำอย่างไร วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com จะนำเสนอให้ทราบครับ

 
ตามหลักการแล้วการคิดค่า Royalty Fee จะต้องคำนึงถึงรายรับด้านอื่นๆ ด้วย เพราะทุกอย่างเป็นค่าใช้จ่ายของผู้ซื้อแฟรนไชส์ หรือต้นทุนของเจ้าของแฟรนไชส์ ถ้าต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายสูงก็จะกระทบกับผลกำไรหรืออัตราผลตอบแทนของผู้ซื้อแฟรนไชส์ โดยเหตุผลที่เจ้าของแฟรนไชส์ต้องคิดค่า Royalty Fee ก็เพราะเจ้าของแฟรนไชส์ได้นำเอาเงินจำนวนนี้ไปบริหารทีมงานแฟรนไชส์สำหรับการช่วยสนับสนุนหรือแก้ปัญหาให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์) หรือนำไปพัฒนาสินค้าและบริการ 
 
หลักเกณฑ์การคิดค่า Royalty Fee  
 

การคิดค่า Royalty Fee หากคิดสูงอาจทำให้แฟรนไชส์ซีไม่สามารถอยู่รอดได้ สิ่งสำคัญต้องดูด้วยว่ายอดขายของธุรกิจแฟรนไชส์แต่ละสาขามากน้อยแค่ไหน หากยอดขายน้อยคิดแพง แฟรนไชส์ซีก็ขาดทุน แต่ถ้าคิดสูงยอดขายแต่ละสาขาแฟรนไชส์ต้องมากด้วย อย่างกรณีแบรนด์แฟรนไชส์ไก่ย่าง “เชสเตอร์” ในเครือซีพี คิดค่าแฟรนไชส์ 700,000 บาท ส่วนค่า Royalty Fee 4% ต่อเดือน ซึ่งถือว่าเหมาะสม เพราะยอดขายดี เป็นแบรนด์ใหญ่มีชื่อเสียง ค่าแฟรนไชส์หลักแสนบาท 
 
หรืออย่างแฟรนไชส์ร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน คิดค่า Franchise Fee 150,000 บาท และคิดค่า Royalty Fee 3% ก็ถือว่าเหมาะสม เพราะยอดขายแต่ละสาขาของร้านกาแฟคาเฟ่ อเมซอน เฉลี่ย 300 แก้ว/สาขา แต่ถ้าเป็นแบรนด์แฟรนไชส์ใหญ่ๆ ที่คิดค่าแฟรนไชส์แรกเข้า 3-5 ล้านบาทขึ้นไป อาจคิด Royalty Fee อยู่ที่ 1-1.5% ก็เพียงพอแล้ว

 
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่คิดว่ายุติธรรมทั้ง 2 ฝ่าย และทำรายได้แก่แฟรนไชส์ซอร์ ซึ่งอาจจะต้องดูองค์ประกอบอื่นๆ อีกเช่น ภาวะเศรษฐกิจ คู่แข่งทางการค้า ระยะเวลาของสัญญาความสำเร็จของแฟรนไชซอร์ในปัจจุบันและอนาคต เป็นต้น 
 
หรือถ้าแบรนด์แฟรนไชส์ไหนคิดค่า Royalty Fee น้อยๆ หรือไม่คิดเลย ก็จะต้องเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ที่ได้กำไรจากการขายสินค้าและวัตถุดิบเป็นหลัก ไม่มีการทำตลาดและส่งเสริมการขายให้กับสาขาแฟรนไชส์ อย่างกรณีแฟรนไชส์รถเข็นชายสี่บะหมี่เกี๊ยว ขายสินค้าและวัตถุดิบเป็นหลัก ไม่คิดค่า Royalty Fee จากยอดขาย แต่คิดค่าธรรมเนียมรายปี 4,000 บาท ซึ่งวิธีการแบบนี้ก็สามารถทำได้ จะทำให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์รู้สึกว่าเจ้าของแฟรนไชส์ไม่ได้ไปแบ่งรายได้ของพวกเขา 
 
ปัญหาธุรกิจแฟรนไชส์คิดค่า Royalty Fee
 

แม้ว่าการคิดค่า Royalty Fee จากยอดขายรายเดือน จะส่งผลดีต่อเจ้าของแฟรนไชส์ที่จะนำเงินส่วนนี้ไปพัฒนาธุรกิจและสนับสนุนผู้ซื้อแฟรนไชส์เมื่อเกิดปัญหา แต่อย่าลืมว่าการเก็บค่า Royalty Fee จากยอดขายรายเดือน ถ้าผู้ซื้อแฟรนไชส์ทำยอดขายดีค่าสิทธิ์ก็คิดสูงได้ะ ถ้าขายไม่ดีก็คิดค่าสิทธิ์ลดลงตามไปด้วย 
 
วิธีการแบบนี้อาจทำให้แฟรนไชส์ซอร์อาจจะมีปัญหา ตรงที่ต้องมีการตรวจสอบยอดขายของแฟรนไชส์ซี ระบบควบคุมยอดขายเป็นระบบหนึ่งที่แฟรนไชส์ซอร์ต้องมีพร้อม เพราะไม่ใช่แค่กระทบยอดค่าสิทธิ์ของแฟรนไชส์ซอร์เท่านั้น แต่ถ้าระบบตรวจสอบควบคุมยอดขายไม่ดีจริง ก็เป็นช่องทางให้พนักงานในร้านของแฟรนไชส์ซีทุจริตเงินยอดขายไปได้
 
บางแฟรนไชส์หนีจากเก็บเปอร์เซ็นต์จากยอดขาย ไปเก็บแบบเหมาจ่าย ซึ่งในแต่ละงวดต้องจ่ายค่าสิทธิ์เท่านั้นเท่านี้ เช่น เดือนละ 5,000 บาท หรือรายปีละ 40,000 บาท แบบนี้ก็ไม่ต้องลงทุนระบบตรวจสอบยอดขายมาก
 
สรุปแนวคิดค่า Royalty Fee 

  1. คิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดรายรับ หรือจากผลกำไรของธุรกิจ
  2. แบบอัตราคงที่หรือแบบเหมาจ่าย ไม่ว่าแฟรนไชส์ซีจะมีรายได้มากน้อยเท่าไร
  3. แบบผสมหรือแบบขั้นบันได ก็คือ มีอัตราคงที่จำนวนหนึ่งไม่มากนัก เรียกว่าอัตราขั้นต่ำ และถ้าทำรายรับมากขึ้นก็จะบวกตามเปอร์เซ็นต์ที่มากขึ้น
  4. คิดจากยอดสั่งสินค้าหรือคิดรายหัว
หลักเกณฑ์การคิดค่า Royalty Fee จำเป็นต้องยึดหลักให้ทั้งสองฝ่ายอยู่รอดได้ ธุรกิจแฟรนไชส์ไหนทำยอดขายและรายได้มาก ก็สามารถคิดค่า Royalty Fee สูงได้ แต่ไม่เกิน 3-5% แต่ถ้าแฟรนไชส์ไหนได้กำไรจากการขายสินค้าและวัตถุดิบในแต่ละสัปดาห์ หรือเดือน ก็ไม่ควรคิดค่า Royalty Fee แต่ควรที่จะเก็บค่าสิทธิเป็นรายปีก็น่าจะเพียงพอ  
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document
 
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
 
บริการของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ (Service of ThaiFranchiseCenter) คลิก https://bit.ly/3oYpocc
 
ธุรกิจแฟรนไชส์หลายๆ แบรนด์ในเมืองไทยนอกจากจะคิดค่าสิทธิ Royalty Fee ยังคิดค่าการตลาด (Marketing Fee/ Advertising Fee) หรือค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ธุรกิจจากแฟรนไชส์ซีเป็นรายเดือนอีกด้วย ซึ่งค่า Marketing Fee ถือว่ามีความสำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจแฟรนไชส์เป็นอย่างมาก เพราะเงินส่วนนี้แฟรนไชส์ซอร..
47months ago   2,566  3 นาที
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
บทความแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
6 แฟรนไชส์บริการ! สร้างรายได้ 24 ชม.
984
ลงทุนตามเทรนด์ฮิต! 7 แฟรนไชส์ไอเดียเงินล้าน ปี ..
704
ตั้งแถวใหม่ 10 แฟรนไชส์ น่าลงทุน ครึ่งปีหลัง 68
643
แฟรนไชส์ชาจีน Good Me 古茗 ดังจนถูกก๊อป 600 สาขา
593
“ปิ้งย่าง” ธุรกิจหมื่นล้าน! มีแฟรนไชส์ไหน น่าลง..
576
Shake Shack จากรถเข็นขายฮอทดอกในนิวยอร์ก สู่แฟรน..
556
บทความแฟรนไชส์มาใหม่
บทความอื่นในหมวด