บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
1.9K
3 นาที
9 สิงหาคม 2564
10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้! ยาฟาวิพิราเวียร์


ปัจจุบันชื่อของยาฟาวิพิราเวียร์กลายเป็นยาที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี โดย ยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) เป็นชื่อสามัญของยากลุ่ม Avigan ของบริษัท Fujifilm Toyama Chemical ที่ได้รับการอนุมัติใช้รักษาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในญี่ปุ่น ยาตัวนี้เคยถูกนำมาใช้กับการรักษาไข้หวัดใหญ่ อีโบล่า และโรคติดต่อจากไวรัสอื่นๆ มาก่อนหน้าที่จะใช้เป็นยาต้านCOVID 19 และถึงตอนนี้ประเทศไทยก็ได้สิทธิในการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ใช้เอง หลายคนแม้จะรู้จักและได้ยินชื่อของยานี้แต่ www.ThaiFranchiseCenter.com เชื่อว่ามีอีกหลายเรื่องที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก
 
1.ทำความรู้จักยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) 
 
ภาพจาก https://citly.me/CGVtK

ยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) เป็นยาต้านไวรัสที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัส SARS CoV2 ที่ก่อให้เกิดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ COVID-19 ปัจจุบันยาฟาวิพิราเวียร์ถือเป็นยาหลักในการรักษาผู้ป่วย COVID-19 ตามแนวทางการดูแลรักษา COVID-19 โดยกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากยานี้มีประสิทธิภาพในการลดปริมาณไวรัสได้ดี และจากการวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังของผู้ป่วย COVID-19 ในประเทศไทย พบว่าการรักษาด้วยยาฟาวิพิราเวียร์ เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะรุนแรงของ COVID-19
 
2.หลักการทำงานของยาฟาวิพิราเวียร์
 
ยาฟาวิพิราเวียร์จะออกฤทธิ์ 2 แบบ คือ ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัสและทำให้เชื้อไวรัสกลายพันธุ์ คือ เข้าไปยับยั้งเอนไซม์ RNA-dependent RNA polymerase,RdRP ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่มีในไวรัสเท่านั้น เมื่อยาเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนเป็นสาร Active Form) ให้ไวรัสกลายพันธุ์จนภูมิต้านทานในร่างกายมนุษย์สามารถเข้าไปกำจัดไวรัสจนหมด หรือเหลือปริมาณน้อยจนไม่สามารถก่อโรคในร่างกายได้อีก
 
3.ผู้ป่วยแบบไหนที่ควรใช้ยาฟาวิพิราเวียร์

แพทย์จะพิจารณาเริ่มยาฟาวิพิราเวียร์ในผู้ป่วยที่มีภาวะปอดอักเสบ ที่มีอาการรุนแรง โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง ได้แก่ อายุมากกว่า 60 ปี มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอดเรื้อรัง โรคตับ ไตเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวาน รวมถึงในผู้ป่วยที่มีภาวะอ้วนหรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง
 
4.การรับประทานยาฟาวิพิราเวียร์
 
ภาพจาก https://citly.me/Oj91Y

ยาฟาวิพิราเวียร์อยู่ในรูปแบบยาเม็ด ขนาดยาที่ใช้สำหรับผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 9 เม็ดทุก 12 ชั่วโมงในวันแรก และลดเหลือครั้งละ 4 เม็ด ทุก 12 ชั่วโมงในวันที่เหลือ ผู้ที่น้ำหนักมากกว่า 90 กิโลกรัม ขนาดยาจะสูงขึ้น โดยในวันแรกจะรับประทานครั้งละ 12 เม็ดทุก 12 ชั่วโมง และลดเหลือครั้งละ 5 เม็ด ทุก 12 ชั่วโมงในวันที่เหลือ สำหรับผู้ป่วยเด็กจะต้องมีการคำนวณขนาดยาตามน้ำหนักตัว ผู้ป่วยควรรับประทานยาตามวันและเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ระยะเวลาในการรักษาอยู่ที่ 5-10 วัน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและการตอบสนองต่อการรักษาของผู้ป่วยแต่ละราย 
 
5.ทำไมยาฟาวิพิราเวียร์ไม่ควรใช้กับผู้ป่วย COVID ทุกคน

ยาฟาวิพิราเวียร์เป็นยาต้านไวรัสที่ออกฤทธิ์ในการยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัส ในกลุ่มที่มีอาการ ซึ่งขึ้นกับการตอบสนองของร่างกายแต่ละคนแตกต่างกัน ข้อดีของยาฟาวิพิราเวียร์ คือ ยานี้ดูดซึมง่าย แบ่งหรือบดเม็ดยา และให้ทางท่อหลอดอาหารได้ในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ไม่ต้องปรับขนาดยา แต่เนื่องจากไวรัสปรับตัวเร็ว มีหลายสายพันธุ์ที่เริ่มดื้อยา ถ้าใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ฟุ่มเฟือย โดยไม่มีข้อบ่งชี้อาจเกิดเชื้อดื้อยา ทำให้ไม่มียารักษาผู้ป่วย COVID ที่มีอาการรุนแรง จะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตมากขึ้นได้ยาฟาวิพิราเวียร์จึงไม่ควรจ่ายให้สำหรับผู้ป่วยทุกคน จะจ่ายสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์เท่านั้น
 
6.ผลข้างเคียงจากการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์


ภาพจาก https://citly.me/5ykxf

ข้อดีของยาฟาวิพิราเวียร์ คือดูดซึมง่าย แต่ก็มีผลข้างเคียงที่ควรระวังไว้เช่น อาการคลื่นไส้อาเจียน, อาจทำให้ทารกในครรภ์มีความพิการ หากรับประทานยาในช่วงตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก และอาจมีผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือกผิดปกติ เมื่อรับประทานร่วมกับยาบางชนิด นอกจากนี้ยังมีผลต่อการทำงานของตับ ดังนั้นจึงไม่ควรรับประทานร่วมกับยาฟ้าทะลายโจร หรือยาที่มีผลต่อตับ และควรรับประทานภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
 
7.ความต้องการใช้ยาฟาวิพาราเวียร์ สูงขึ้นกว่า 20 เท่า

คำนวณว่าการติดเชื้อรายใหม่ที่เฉลี่ย 20,000 คน/วันจะต้องใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ประมาณ 30 ล้านเม็ดต่อเดือน ซึ่งตัวเลขการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาใช้เฉลี่ยวันละ 40,000-50,000 เม็ด และหากตัวเลขผู้ติดเชื้อยังสูงต่อเนื่องอาจต้องใช้เฉลี่ยถึงวันละ 1 ล้านเม็ด ถือว่าสูงขึ้นกว่า 20 เท่าในช่วงเวลา 3 เดือน โดยยาฟาวิพิราเวียร์ต่อผู้ป่วย 1 คนที่ตรวจพบเชื้อ ต้องใช้ยาชนิดนี้ 50-70 เม็ดต่อคน และความต้องการเพิ่มขึ้นเมื่อขณะนี้มีแนวทางการรักษาตัวที่บ้าน (Home Isolation) ที่โรงพยาบาลที่รับดูแลผู้ป่วยต้องเป็นผู้จ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ให้คนไข้ตามการประเมินของแพทย์
 
8.กำลังการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ในประเทศอยู่ที่ 160 ล้านเม็ดต่อเดือน
 
หน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลเรื่องยาฟาวิพิราเวียร์ คือ องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ซึ่งก่อนหน้านี้ประเทศไทยนำเข้าเพียงอย่างเดียว แต่ปัจจุบัน อภ. ได้สิทธิบัตรในการนำมาวิจัยพัฒนา และผลิตเอง โดยขึ้นทะเบียนกับ อย. เมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา โดยมีกำลังการผลิตในเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 2.5 ล้านเม็ด อย่างไรก็ตาม อภ. ได้ระบุว่าจะเพิ่มปริมาณการผลิตด้วยการเปิดสายการผลิตที่ 5 โรงงานผลิตยาขององค์การเภสัชกรรมเองที่คลอง 10 อีกแห่ง จะทำให้ผลิตได้เดือนละไม่น้อยกว่า 160 ล้านเม็ดต่อเดือน
 
9.พัฒนายาน้ำเชื่อม ฟาวิพิราเวียร์ ช่วยผู้ป่วยเด็ก-สูงอายุ
 

ภาพจาก https://citly.me/LlpWG

โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ร่วมกับ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ พัฒนายา ฟาวิพิราเวียร์ สูตรน้ำเชื่อม ตำรับแรก ใช้สำหรับ ผู้ป่วยโควิด ในเด็ก ผู้สูงอายุ หรือกลืนยาเม็ดลำบาก โดยตำรับยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์นี้ปราศจากน้ำตาล มีการคัดเลือกและควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบตัวยาสำคัญ ตลอดจนมีการควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ยาตามมาตรฐานสากล ลักษณะเป็นยาน้ำใส สีส้ม รสราสเบอรี่ มี 2 ขนาด คือ ขนาด 800 มิลลิกรัมใน 60 มิลลิลิตร และ ขนาด 1,800 มิลลิกรัมใน 135 มิลลิลิตร
 
10.ระวังเจอ “ฟาวิพิราเวียร์” ปลอม
 
องค์การอาหารและยาออกมาเตือนว่าการซื้อยาฟาวิพิราเวียร์มารับประทานเอง อาจเสี่ยงต่อการเจอยาปลอมที่ไม่มีสรรพคุณในการรักษา หรือการใช้ฟาวิพิราเวียร์โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์อาจมีอันตรายถึงชีวิตได้เพราะ ยาฟาวิพิราเวียร์จัดเป็นยาควบคุมพิเศษ ที่ต้องสั่งจ่ายและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ จำเป็นต้องติดตามอาการข้างเคียงและผลการรักษาระหว่างการใช้ยา การใช้ยาในผู้ป่วยบางกลุ่มจำเป็นต้องคำนึงถึงประโยชน์และความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่จะตามมาโดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์
 
การใช้ยาฟาวิพิราเวียร์คือวิธีที่จะช่วยบรรเทาอาการป่วยและลดอัตราการเสียชีวิตในระดับหนึ่งแต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ COVID ซึ่งเราเชื่อว่าขณะนี้ทุกคนต่างก็ยกการ์ดตัวเองให้สูง เพราะทุกคนก็มีครอบครัว มีคนที่รัก ซึ่งโรคนี้ถือว่าติดต่อได้ง่าย การฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ดูจะเป็นทางออกที่ดี แต่ก็ไม่รู้ทำไมว่าการฉีดวัคซีนในตอนนี้ถึงได้หายากเย็นและเข้าถึงประชาชนได้ยากเหลือเกิน
 
สามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document/
 
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
  
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
612
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
514
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
477
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
433
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
419
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
417
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด