บทความทั้งหมด    บทความแฟรนไชส์    กฎหมายและข้อบังคับ    แฟรนไชส์ต่างประเทศ
2.1K
3 นาที
4 มกราคม 2564
เจ้าของแฟรนไชส์ไทยต้องรู้! กฎหมายการลงทุนแฟรนไชส์ในเวียดนาม
 

ปัจจุบันประเทศในกลุ่มอาเซียนเริ่มมีกฎหมายแฟรนไชส์ (Franchise Law) บังคับใช้แล้ว โดยปัจจุบันมี 3 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ส่วนประเทศที่ยังไม่มีกฎหมายแฟรนไชส์โดยเฉพาะมี 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ เมียนมาร์ สปป.ลาว กัมพูชา และบรูไน สำหรับประเทศที่เจ้าของแฟรนไชส์ต้องการเปิดตลาด อาจต้องปฏิบัติตามกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนของประเทศนั้นๆ ผู้ประกอบการแฟรนไชส์ที่คิดขยายแฟรนไชส์ในต่างประเทศ
 
วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com มีข้อมูลการลงทุนแฟรนไชส์ในตลาดเวียดนามมาฝากเจ้าของแบรนด์แฟรนไชส์ครับ
 
Single Unit Franchising ได้รับความนิยมในเวียดนาม


ภาพจาก bit.ly/3nfVHPz
 
ปัจจุบันรูปแบบการขยายแฟรนไชส์ไปในประเทศเวียดนามมีหลายรูปแบบ ทั้งแบบสัญญาแฟรนไชส์โดยตรง (Direct franchising) ที่มีการพัฒนาให้สิทธิ์ในการเปิดกิจการได้มากกว่า 1 แห่ง เช่น รูปแบบแฟรนไชส์ที่มีการให้สิทธิ์ในการเปิดดำเนินธุรกิจได้หลายสาขา (multi-unit) หรือการให้สิทธิ์แบบ Development agreements 
 
รวมทั้งแบบสัญญาแฟรนไชส์หลัก (Master franchise agreements) ซึ่งตามปกติแล้วการขายสิทธิ์แฟรนไชส์ในเวียดนาม เจ้าแฟรนไชส์ (Franchisor) มักจะต้องการหาผู้ซื้อแฟรนไชส์ (Franchisee) ที่สามารถขยายธุรกิจในพื้นที่ให้เติบโตได้ ดังนั้นการขายสิทธิแฟรนไชส์แบบมีสิทธิ์ในการดำเนินธุรกิจได้เพียง 1 แห่ง (single unit franchising) จึงไม่เป็นที่นิยมในเวียดนาม
 
เทคนิคเปิดตลาดแฟรนไชส์ในประเทศเวียดนาม


ภาพจาก skyluckthailand
 
เจ้าของแฟรนไชส์ที่จะเข้าไปเปิดตลาดแฟรนไชส์ในเวียดนาม จะต้องดำเนินกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค และกฎระเบียบข้อบังคับของกฎหมายการลงทุนแฟรนไชส์ในเวียดนาม เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง 
  1. ควรทำการสำรวจตลาดก่อนที่จะมีการตั้งราคาของผลิตภัณฑ์และค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์
  2. เลือกผลิตภัณฑ์/บริการที่มีศักยภาพหรือเป็นที่นิยม แม้ว่าธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มจะยังคงเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
  3. เน้นกลุ่มเป้าหมายที่มีรายได้ปานกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่มีการเติบโตสูง
  4. เข้าร่วมงานแสดงสินค้าหรือเยี่ยมชมงานแสดงสินค้าที่เกี่ยวข้องในเวียดนามอย่างต่อเนื่อง เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ สร้างความรับรู้และจดจำสินค้าแก่ผู้บริโภค อย่างน้อย 3 ปีติดต่อกัน จะทำให้คู่ค้าเกิดความคุ้นเคยต่อแบรนด์สินค้า
  5. เลือกทำเลที่เหมาะสมและราคาไม่แพง ในเมืองที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เช่น นครโฮจิมินห์ และกรุงฮานอย ที่ยังมีทำเลให้เลือกมาก
  6. ปรับกลยุทธ์ให้เข้าถึงตลาดที่มีวัฒนธรรมแตกต่าง ด้วยการศึกษาวัฒนธรรม นิสัยและรสนิยมของคนในท้องถิ่นนั้นๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จของธุรกิจ
ภายใต้ข้อกำหนดการลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ของเวียดนาม ที่ใช้ Decree No. 35/2006/ND-CP (ซึ่งถูกแก้ไขด้วย Decree 120/2011/ND-CP ในเดือนมกราคมปี 2016 and Decree No. 8/2018/ND-CP ในเดือนมกราคม 2018) เป็นกรอบแนวทางสำหรับการดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ ภายใต้กฎระเบียบดังกล่าว อนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติสามารถทำธุรกิจแฟรนไชส์ได้ทั้งแบบเจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์ (Franchisor) และแบบผู้รับสิทธิดำเนินธุรกิจ (Franchisee) ในเวียดนาม 
 
โดยมีข้อกำหนดว่าเจ้าของสิทธิแฟรนไชส์ต่างชาติจำเป็นต้องดำเนินการหรือทำธุรกิจอย่างน้อย 1 ปี ก่อนที่จะเปิดธุรกิจแฟรนไชส์ในเวียดนาม และต้องขึ้นทะเบียนประกอบธุรกิจแฟรนไชส์กับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม
 
แฟรนไชส์ต่างชาติไม่ต้องจดทะเบียนบริษัท แต่ต้องขึ้นทะเบียนแฟรนไชส์ในเวียดนาม


ภาพจาก bit.ly/2LiYVEG
 
แม้ว่าเจ้าของแบรนด์แฟรนไชส์ต่างประเทศ สามารถขยายตลาดแฟรนไชส์โดยไม่ต้องจดทะเบียนบริษัทในประเทศเวียดนาม (บริษัทจดทะเบียนธุรกิจในต่างประเทศ) แต่จะต้องขึ้นทะเบียนประกอบธุรกิจแฟรนไชส์กับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม มิฉะนั้นต้องเสียค่าปรับในอัตรา 220–440 ดอลลาร์สหรัฐ ถึงแม้จะเป็นจำนวนที่ไม่มาก 
 
แต่บริษัทมีความเสี่ยงที่อาจจะต้องถูกเรียกคืนกำไรที่ได้รับจากการดำเนินกิจการทั้งหมดในบางกรณี ทั้งนี้ หากเจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์เป็นชาวเวียดนาม จะได้รับยกเว้นไม่ต้องขึ้นทะเบียนกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม
 
1. เอกสารประกอบการขึ้นทะเบียนประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ ประกอบไปด้วย สำเนาเอกสารแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์ (The Franchise Introduction Statement) และข้อตกลงของแฟรนไชส์ รวมไปถึงใบสมัครและเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น เอกสารการขึ้นทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา โดยที่เอกสารเหล่านี้ต้องแปลเป็นภาษาเวียดนาม
 
2. ข้อตกลงแฟรนไชส์ในเวียดนาม กฎหมายของประเทศเวียดนามไม่ได้บังคับให้มีข้อกำหนดเพิ่มเติมใดๆ ในข้อตกลงธุรกิจแฟรนไชส์ ผู้เป็นเจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์และผู้รับสิทธิ์ดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ มีอิสระที่จะเจรจาข้อกำหนดและเงื่อนไขของข้อตกลงแฟรนไชส์ โดยที่ข้อตกลงแฟรนไชส์จะต้องเขียนเป็นภาษาเวียดนาม และมีผลบังคับใช้แม้จะเลือกพิจารณาตัดสินข้อพิพาทด้วยอำนาจศาลต่างประเทศ
 
3. ภาษีธุรกิจแฟรนไชส์ในเวียดนาม ถึงแม้ว่าเจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์ต่างชาติจะไม่ได้จดทะเบียนธุรกิจในเวียดนาม แต่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้รับสิทธิดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ในเวียดนาม และถือเป็นการทำสัญญาระหว่างบริษัทเวียดนามกับบริษัทต่างชาติ จึงจะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับค่าธรรมเนียมใดๆ ที่เรียกเก็บจากผู้รับสิทธิดำเนินกิจการ ซึ่งประกอบด้วย
  • ค่าธรรมเนียมแรกเข้า (Franchise fees)
  • ค่าธรรมเนียมต่ออายุ (Royalties)
  • ค่าธรรมเนียมการบริหาร (Administrative fees)
  • ค่าโฆษณา (Advertising fees)
  • ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management fees)
โดยเจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์ชาวต่างชาติในเวียดนามต้องเสียภาษี ณ ที่จ่ายสำหรับการให้บริการในเวียดนามดังต่อไปนี้
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) : 5%
  • ภาษีเงินได้นิติบุคคล (CIT) : 5%
ขณะเดียวกัน เจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์ในประเทศจะต้องเสียภาษีในอัตราภาษี ดังนี้
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) : 10%
  • ภาษีเงินได้นิติบุคคล (CIT) : 20%
4. การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในเวียดนาม การเข้ามาลงทุนธุรกิจในเวียดนาม เจ้าของสิทธิแฟรนไชส์ควรจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า รวมถึงการจด URL และเว็บไซต์กับสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติเวียดนาม (the National Office of Intellectual Property of Vietnam) เพื่อป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
 
5. การเป็นผู้รับสิทธิดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ต่างประเทศในเวียดนาม นักลงทุนต่างชาติสามารถเป็นผู้รับสิทธิ์ดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ได้ เมื่อมีการจัดตั้งนิติบุคคลในเวียดนาม อย่างไรก็ตาม สามารถเปิดธุรกิจเฉพาะที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการโดยชาวต่างชาติตามที่เวียดนามได้ผูกพันไว้กับองค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) 

ตัวอย่างเช่น หากต้องการเปิดกิจการโรงแรมและให้บริการด้านการท่องเที่ยวก็จำเป็นต้องจัดตั้งแบบ Joint venture กับบริษัทด้านการท่องเที่ยวท้องถิ่นของเวียดนามที่มีใบอนุญาตประกอบการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ (International Tourism License) เท่านั้น ในขณะที่การเปิดร้านอาหารหรือร้านค้าปลีกในเวียดนามนักลงทุนต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของคนเดียวได้
 
6. การจัดตั้งธุรกิจค้าปลีกในเวียดนาม โดยส่วนใหญ่ไม่มีการกำหนดเงินทุนขั้นต่ำสำหรับการดำเนินการธุรกิจในเวียดนาม จากรายงานของ International Grocery Research Organization (IGD) คาดว่า ภายในปี 2564 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อของเวียดนามจะเติบโตร้อยละ 37.4 ทำให้เวียดนามเป็นตลาดร้านสะดวกซื้อที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย เนื่องจากธุรกิจค้าปลีกในประเทศเวียดนามเปิดกว้างสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ นักลงทุนต่างชาติจึงสามารถสร้างธุรกิจค้าปลีกได้โดยไม่ต้องมีหุ้นส่วนจากคนในท้องถิ่น
 
แบรนด์แฟรนไชส์ใหม่ๆ ควรใช้บริการที่ปรึกษากฎหมาย
 
นอกจากนี้ นักลงทุนชาวเวียดนามยังคงมีความลังเลที่จะลงทุนในแบรนด์ใหม่ๆ ที่ต้องการเงินลงทุนสูงและยังไม่มีข้อมูลผลประกอบการในภูมิภาคมาก่อน ดังนั้น จึงควรใช้บริการบริษัทที่ปรึกษากฎหมายในการจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ และจดทะเบียนธุรกิจแฟรนไชส์ เพื่อให้มีความรัดกุมและเป็นไปตามกฎหมายของเวียดนามกำหนด
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 

 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
อ้างอิงข้อมูล
 
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
บทความแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
6 แฟรนไชส์บริการ! สร้างรายได้ 24 ชม.
871
ลงทุนตามเทรนด์ฮิต! 7 แฟรนไชส์ไอเดียเงินล้าน ปี ..
614
ตั้งแถวใหม่ 10 แฟรนไชส์ น่าลงทุน ครึ่งปีหลัง 68
539
แฟรนไชส์ชาจีน Good Me 古茗 ดังจนถูกก๊อป 600 สาขา
504
“ปิ้งย่าง” ธุรกิจหมื่นล้าน! มีแฟรนไชส์ไหน น่าลง..
491
Shake Shack จากรถเข็นขายฮอทดอกในนิวยอร์ก สู่แฟรน..
467
บทความแฟรนไชส์มาใหม่
บทความอื่นในหมวด