บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การตลาด บริหารธุรกิจ    การตลาดออนไลน์ SEO
2.0K
3 นาที
10 มกราคม 2563
12 Thailand E-Commerce Trend 2020 โดย ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ
 

ภาพรวมอีคอมเมิร์ซไทยในปีที่ผ่านมา นับว่าเป็นปีที่หลายธุรกิจแข่งขันกันอย่างดุเดือดและร้อนแรง แต่เริ่มที่จะมองเห็นโมเมนตัมของการทำธุรกิจออนไลน์ในประเทศไทยได้ชัดเจนมากขึ้นและลากยาวไปถึงปี 2563
 
ในปี 2563 เทรนด์ของอีคอมเมิร์ซไทยจะเป็นอย่างไร ผมอยากเตรียมพร้อมให้กับคนที่ทำธุรกิจและคนที่ต้องการที่จะปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัลรู้ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ซึ่งอีคอมเมิร์ซไทยในปี 2563 จะมีอยู่ประมาณ 12 เทรนด์ใหญ่ ๆ คือ
 
JSL Marketplace เริ่มทำรายได้ให้เห็นแล้ว ปี 2563 จะเป็นปีที่ผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซ (J=JD Central, S=Shopee, L=Lazada) เริ่มทำกำไรมากขึ้น จริง ๆ เราเริ่มเห็นกันตั้งแต่ปีที่ผ่านมาแล้วว่า Shopee เริ่มเก็บค่าคอมมิชชั่น ค่าบริการต่าง ๆ แล้ว ในขณะที่ Lazada เองเก็บค่าคอมมิชชั่นมาพักใหญ่ ทุกคนกำลังเริ่มปรับตลาด และมีคนเข้ามาอยู่ในระบบมากขึ้น 
 
เมื่อคนเริ่มติดแล้ว ปี 2563 จะเป็นปีที่ผู้ให้บริการเหล่านี้จะทำรายได้ โดยจะมาจากการเก็บค่าคอมมิชชั่น ค่าโฆษณา ฯลฯ จะเริ่มเห็นว่ามีการเก็บค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของ JSL มากขึ้น
 
สงคราม E-Wallet แข่งกันดึงเงินลงกระเป๋า จากปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าธุรกิจ E-Wallet เริ่มมีการตั้งไข่ ฉะนั้น ในปี 2563 E-Wallet จะเติบโตมาก จากรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่าในไตรมาสแรกของปี 2562 การใช้งาน e-Money มีปริมาณการใช้งานทั้งสิ้น 473.27 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่า 67 พันล้านบาท ส่วนปี 2561 มีปริมาณการใช้ 1,510.84 ล้านรายการ มูลค่า 209 พันล้านบาท เติบโตจากปี 2560 ที่มีการใช้งานเพียง 1,272.22 ล้านรายการ มูลค่า 126 พันล้านบาท เรียกได้ว่าสงคราม E-Wallet ในเมืองไทยมาถึงแล้ว
 
 
ผมแบ่งรูปแบบ E-Wallet หรือกระเป๋าเงินดิจิทัลออกเป็น 4 รูปแบบคือ
  • Pure Wallet – คือเกิดมาเพื่อเป็นวอลเล็ตโดยเฉพาะ เช่น True Money, Rabbit Line Pay (mPay), xCash, Dolfin, Blue Pay, AirPay สำหรับปีนี้กลุ่ม Pure Wallet น่าจะมีการฟาดฟันกันหนักมากขึ้น
  • E-Commerce Wallet – เป็นวอลเล็ตของผู้ที่ให้บริการออนไลน์อยู่แล้วและขยับมาทำวอลเล็ตเพิ่มขึ้นด้วย เช่น Lazada Wallet, Shopee (AirPay), Grab Pay, Get Pay บรรดาอีคอมเมิร์ซวอลเล็ตจะแข่งกันหนักมากขึ้น เพราะทุกคนจะพยายามจะดึงเงินเข้ามาอยู่ในวอลเล็ตของตนเอง เช่น จะมีโปรโมชันอย่างส่วนลดต่าง ๆ หากลูกค้าจ่ายผ่านวอลเล็ตของตน 
  • Bank Wallet หรือ Mobile Banking – เป็นกลุ่มที่น่าสนใจมากและมีความได้เปรียบ เพราะหลาย ๆ คนจะใช้บัญชีธนาคารสำหรับรับเงินเดือน ฉะนั้นเงินจะถูกกองไว้อยู่แล้วในบัญชี และคนอาจจะไม่โอนออกไปที่วอลเล็ตอื่นเท่าใด กลุ่มนี้เหมือนเป็นกระเป๋าหลักและยังมีดอกเบี้ยให้อีก จึงมีความได้เปรียบกว่ากลุ่มอื่น อีกทั้งธนาคารเองยังมีการพัฒนาแอปพลิเคชันอย่างต่อเนื่อง 
  • Mobile Device Wallet – เช่น Samsung ก็มี Samsung Pay หรือนาฬิกา Fitbit และ Garmin เองก็มี Fitbit Pay และ Garmin Wallet รวมไปถึง Apple Pay ที่มีข่าวว่าจะเข้ามาเปิดบริการในประเทศไทย สงคราม Wallet จึงน่าจะดุเดือดอย่างแน่นอน
3.สงครามของบริษัทขนส่งสินค้า (E-Logistic) ในปี 2562 นั้นก็เริ่มเห็นกันได้ชัดแล้ว ตอนนี้บริษัทขนส่งที่โฟกัสไปที่ออนไลน์นั้นมีมากเป็นสิบบริษัท หลายบริษัทเพิ่งเปิด หลายบริษัทมาจากจีน ผมลองเก็บข้อมูลผลประกอบการของบริษัทขนส่ง Logistic ในประเทศไทยมาเปรียบเทียบกัน พบว่าไปรษณีย์ไทยยังครองแชมป์ทำรายได้สูงสุด กำไรมากสุด ทุนจดทะเบียนมากสุด และเปิดให้บริการนานสุด ส่วนบริษัทที่ขาดทุนมากที่สุดก็คือ J&T Express บริษัทที่เพิ่งเปิดให้บริการล่าสุดปีกว่า ๆ คือ Best Inc.  สนใจดูรายละเอียด การเปรียบเทียบบริษัทขนส่งผมสรุปไว้ที่นี่ครับ
 
 
สำหรับปี 2563 บอกได้เลยว่าจะมีบริษัทขนส่งผุดขึ้นมาอีกมาก ยังไม่รวมพวก Grab Express หรือ GET Express ซึ่งเริ่มกระโดดเข้ามาทำบ้างแล้ว ต่อไปการส่งของจะง่ายมากขึ้น เมื่อปีที่แล้วเราอาจพูดถึง การส่งของภายในวันเดียว (Same day Delivery) แต่เดี๋ยวนี้การส่งของภายในวันเดียวเป็นเรื่องปกติ ต่อไปจะเป็นการส่งภายใน 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น
 
 
4. ธุรกิจที่ให้บริการเก็บ-แพ็ก-ส่งสินค้า (Fulfillment) มาแรง คนจะไม่ค่อยแพ็กหรือเก็บสินค้าเองแล้ว จะมีบริการพวก fulfillment เริ่มให้บริการเยอะขึ้น คนจะเริ่มใช้บริการ outsource คือจ้างแวร์เฮ้าส์ จ้างคนแพ็กของหรือส่งของ ผมบอกได้เลยว่าปีนี้จะชัดมากขึ้นอีก สำหรับ e-Commerce Fulfillment ในเมืองไทยอาจมีอยู่ไม่เยอะมากนัก เช่น Trustbox Fulfillment, Siam Outlet, MyCloud Fulfillment นอกจากนี้บริษัทขนส่งหลายเจ้าก็เริ่มมาทำ Lazada หรือ Shopee ก็เริ่มมี fulfillment เป็นของตัวเอง
 

 
 
5.Brand จะกระโดดเข้าสู่ออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เพราะการมาของ Mall ต่าง ๆ เช่น Shopee Mall, LazMall และ JD Central เองที่เน้นสินค้าแบรนด์ ดังนั้น แบรนด์จะกระโดดเข้ามาขายออนไลน์มากขึ้น ๆ ส่งผลกระทบต่อบรรดายี่ปั๊ว ซาปั๊ว หรือบรรดาตัวแทนสินค้า เพราะผู้ผลิตสินค้าหรือโรงงานเริ่มขายตรงกับผู้บริโภคเอง
 
6.การค้าข้ามประเทศ Cross Border เติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งการขายข้ามประเทศจะแบ่งเป็น 2 แบบคือ Inbound Cross Border สินค้าที่มาจากต่างประเทศโดยเฉพาะสินค้าจากจีนที่อยู่ใน 3 มาร์เก็ตเพลสดังของไทยจะมีประมาณ 135 ล้านชิ้นหรือราว 77%  สินค้าที่เป็นของผู้ค้าไทยประมาณ 39 ล้านชิ้นหรือราว 23% เทรนด์ตอนนี้จะเริ่มชัดแล้วว่าสินค้าจีนเริ่มบุกเข้ามามากขึ้น และเริ่มส่งเร็วมากขึ้นด้วยการเปิด EEC ซึ่งผมมีโอกาสได้เข้าไปคุยกับ EEC ก็เริ่มทราบว่าทาง EEC เองก็มีความกังวลในเรื่องการจัดการ และพยายามที่จะคุยกับจีนในแง่ของการส่งออกโดยอาศัย Infrastructure ของเขา 
 
อีกเรื่องที่รัฐบาลต้องเน้นก็คือ Outbound Cross Border การนำสินค้าออกทางออนไลน์ ตอนนี้มีหลายมาร์เก็ตเพลสอย่าง Amazon, eBay, Wish, Rakuten และ Alibaba เป็นช่องทางที่สามารถเอาสินค้าไทยออกไปขายต่างประเทศได้ 
 
อย่างที่ทราบกันดีว่าตัวสินค้าไทยนั้นคุณภาพดีอยู่มาก แต่กลไกหรือวิธีการในการส่งออกเรายังไม่มีตัวช่วยมากเท่าไหร่ ผมจึงมองเห็นว่าเทรนด์ในปีนี้ คนที่จะนำสินค้าไทยออกไปขายต่างประเทศก็จะเริ่มมีจำนวนมากขึ้น ที่สำคัญรัฐอาจต้องเข้ามาร่วมมือกับกลุ่มคนที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้และเป็นผู้ประกอบการไทยด้วยโอกาสจึงจะมีเพิ่มมากกว่า
 

 
7.Social Commerce ยังโตทะลุ เม็ดเงินมหาศาลจากสื่อโฆษณาออนไลน์จะเทลงมาในโซเชียลมีเดียมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ปีที่ผ่านมามียิงการโฆษณาบนเฟซบุ๊กเดือนละเป็นล้านบาท ยิงไปแล้วยอดขายพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้โซเชียลคอมเมิร์ซโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทำให้ต่อเนื่องไปถึงเทรนด์ต่อไป

8.ปีของ Live & Conversational Commerce การค้าแบบไลฟ์และแชทจะมาจริง ๆ แล้ว ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่า Lazada มีไลฟ์สดขายของ Shopee ก็มีไลฟ์ขายของ ทุกคนมองการทำไลฟ์เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการขายของออนไลน์ไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ปีนี้เราจะเจอแพลตฟอร์มเพื่อการไลฟ์ขายของที่สามารถเก็บเงินได้เลย และมีการทำระบบการจัดการขายของบนไลฟ์อย่างเดียว
 
9.ข้อมูล E-Commerce นำไปสู่ธุรกิจอื่น ต่อไปคนที่ทำอีคอมเมิร์ซหรือคนที่มีข้อมูลทั้งหมดจะนำไปสู่ธุรกิจอื่น ๆ ปีที่ผ่านมาเราจะเห็นข่าวว่า Lazada จับมือกับ KBank มีการปล่อยกู้ หรือ SCB จับมือกับ GET มีการปล่อยกู้เช่นกัน ฯลฯ คนมี data มากขึ้นก็นำไปสู่การปล่อยกู้ได้มากขึ้น ทั้งปล่อยเองและปล่อยผ่านแบงค์ จะเห็นว่า data จะถูกนำมาใช้มากขึ้นในปีนี้
 
10.ยุครุ่งโรจน์ของ E-Commerce เฉพาะทาง หรือ Vertical E-Commerce เพราะเราคงไปสู้มาร์เก็ตเพลสใหญ่ ๆ ที่เป็น Horizontal E-Commerce ไม่ได้ ฉะนั้น อีคอมเมิร์ซอย่าง Konvy มาร์เก็ตเพลสขายเครื่องสำอาง Pomelo มาร์เก็ตเพลสที่ขายสินค้าเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแฟชั่น BUILK.com มีมาร์เก็ตเพลสที่ชื่อว่า Yello ขายอุปกรณ์ก่อสร้าง NocNoc ขายเฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ อีคอมเมิร์ซเฉพาะทางจะเริ่มโตมากขึ้น
 
11.Omni Channel มาแล้วของจริง ออนไลน์กับออฟไลน์ทุกช่องทางจะประสานเข้าด้วยกันอย่างเห็นได้ชัด

 
12.ปีที่กฎหมายด้านดิจิทัลมาครบชุด กฏหมาย 6 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับ Digital การค้าออนไลน์
  • พ.ร.บ. ภาษีอีเพย์เมนต์ เริ่มมีการตรวจสอบข้อมูล การโอนเงินต่าง ๆ รวมถึงจำนวนครั้งที่โอนแล้ว
  • พ.ร.บ. ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ต่อไปนี้การทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ทุกอย่างจะมีกฎหมายรองรับ จริง ๆ มีมานานแล้วแต่มีการปรับปรุงให้ดีขึ้น
  • พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์  มีมานานแล้วและมีการปรับปรุงเช่นเดียวกัน
  • พ.ร.บ. คุุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มาแล้วจริง ๆ 
  • พ.ร.บ. ว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ที่มอบอำนาจให้กับภาครัฐในการควบคุมความมั่นคงของประเทศ
  • พ.ร.บ. ภาษี E-Business จะเป็นการเก็บรายได้จากธุรกิจต่างชาติ
เมื่อกฎหมายทั้ง 6 ฉบับนี้ทำงานครบ จะสร้างความน่าเชื่อถือมากขึ้น บางอย่างก็เป็นข้อดี เช่น ภาษี E-Business ที่ต่อไปหากต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจในไทยก็ต้องมีการเสียภาษี และจะทำให้เราได้เห็นตัวเลขสำคัญหลายอย่าง จึงอาจต้องมีการกลับมาคุยกันมากขึ้นในเรื่องของการปรับตัวเนื่องจากกฎหมายเหล่านี้
 
เทรนด์ใหญ่ ๆ ทั้ง 12 เทรนด์นี้จะมีผลกับธุรกิจในปีนี้อย่างมาก สำหรับใครที่อยากได้ข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติม ดาวน์โหลดได้ที่นี่


ที่มา : https://bit.ly/2T7iX70
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สร้างรายได้จาก กระเบื้องยางSPC วัสดุปูพื้นยอดนิย..
528
ประกาศเซ้ง! แบรนด์แฟรนไชส์จีนหมดแรง แซงไทยไม่ไหว
448
ถอดรหัส Santa Fe Steak รีแบรนด์แล้วยังเหนื่อย?
446
สงครามเย็น จักรวาลชานมไข่มุก ใครจะอยู่ใครจะไป
408
รวมเทคนิค “ดิ้นสู้” วิกฤติร้านอาหารปี 2568 ทำยัง..
404
“Gap Model” ร้านค้าทำดีทุกอย่าง แต่ทำไมลูกค้าไม..
392
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด