บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การบริหารจัดการองค์กร    สร้างความสมดุลของชีวิตกับการทำงาน
3.5K
3 นาที
1 สิงหาคม 2562
ทำไมคนรุ่นใหม่ ถึงเกลียดอาชีพตัวเอง ?


คุณอาจจะเป็นคนหนึ่งที่ทำงานได้แปบเดียวก็รู้สึกอยากเปลี่ยนงาน หรือเราอาจจะเห็นผู้คนกลุ่มหนึ่งที่มักจะเบื่อหน่าย ไม่มีแรงบันดาลใจหรือที่เรียกว่า “แพชชั่น (Passion)”  ในงานที่ตัวเองกำลังทำอยู่ ซึ่งก็ทำให้มีการเปลี่ยนงาน ลาออกจากงานกันอยู่บ่อย ๆ  ซึ่งมันก็คงเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากจะให้เกิดขึ้นบ่อย ๆ กับตัวเองหรือคนรอบข้าง
 
วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com จะพาคุณผู้อ่านไปอ่านบทความหนึ่งที่พูดถึงกลุ่ม Millennial ซึ่งก็คือ กลุ่มคนที่เกิดในช่วงปีค.ศ. 1986 ถึงปีค.ศ.1995 เป็น Generation ระหว่าง Gen Y กับ Gen Z ว่าทำไมคนในช่วงวัยนี้ถึงเกลียดอาชีพของตัวเอง และเราจะมีวิธีรับมือกับความรู้สึกเหล่านี้ได้อย่างไร
 

ภาพจาก https://cnb.cx/2ZhElGY
 
จากบทความของนักบำบัดที่ทำงานร่วมกับกลุ่ม Millennial ได้กล่าวว่า ในขณะที่ต่อแถวที่ร้านขายของชำในคืนหนึ่ง ฉันได้ยินชายคนหนึ่งกำลังระบายเรื่องพนักงานที่เป็นกลุ่ม Millennial ของเขาว่า “จิตใจของพวกเขาอยู่ที่อื่นเสมอ” เขาพูดขณะที่ภรรยาของเขาก็พยักหน้าเห็นด้วย “พวกเขามีสิทธิ์โดนไล่ออก เพราะขี้เกียจและทำงานยาก” 
 
ในฐานะ Gen X’er ฉันได้ยินอะไรแบบนี้เกี่ยวกับกลุ่ม Millennial  บ่อยครั้ง แต่ในฐานะนักบำบัดที่ทำงานกับกลุ่ม Millennial  (คิดเป็น 90% ของผู้ป่วย) มานานกว่าห้าปี ฉันพบว่าพวกเขาเป็นกลุ่มที่ชาญฉลาดมีอุดมคติ มีความหลากหลายและทะเยอทะยาน
 
เช่นเดียวกับคนรุ่นอื่น ๆ ไม่ใช่แค่กลุ่ม Millennial  ก็มีปัญหามากมายในการทำงาน แต่ฉันต้องเห็นด้วยกับเขาที่ว่า Millennial  มีปัญหาในการทำงาน ซึ่งผู้ป่วย Millennial  ของฉันแต่ละคน และทุกคนมีช่วงหนึ่งที่บอกกับฉันว่า 
 
“ ฉันเกลียดงานของตัวเอง” (มันทำให้ฉันนึกถึงการตีคลาสสิกของ Johnny Paycheck“ Take This Job and Shove It”)
 
ทำไมคนหนุ่มสาวถึงเกลียดงานของพวกเขา ?
 

ภาพจาก https://pixabay.com

กลุ่ม Millennial  ครองการเป็นกลุ่มแรงงาน แต่จากการสำรวจของ Gallup ปี 2559 พบว่า 71% ของพวกเขาไม่ได้ทำงาน แต่ประมาณ 60% กำลังมองหาการทำงานใหม่
 
การวิจัยของ Gallup ซึ่งรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ กว่า 30 สาขา และข้อมูลจากผู้ที่ตอบแบบสอบถามกว่า 1 ล้านคน พบว่า กลุ่ม Millennial  ส่วนใหญ่ชอบลาออก
 
“พวกเขาไม่ได้ใส่พลังงานหรือความหลงใหลลงไปในงานของพวกเขา” นักวิจัยของ Gallup กล่าว 
“พวกเขาไม่สนใจเกี่ยวกับการทำงาน และเพียงแค่ทำให้เห็นผ่าน ๆ ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง”
 
มีเหตุผลที่เป็นไปได้หลายประการว่า ทำไมการทำงานของกลุ่ม Millennial จึงต่ำ แต่เหตุผลหลัก ๆ ได้แก่
  • มีความคาดหวังที่สูงเกินจริงเกี่ยวกับการทำงานในแต่ละวันของพวกเขาว่าจะทำงานเป็นเช่นไร
  • ความอดทนและความผิดหวัง จากการที่พวกเขาต้องการความก้าวหน้าในอาชีพในแต่ละเดือน แต่ละปี
  • เสพโซเชียลมีเดียมากเกินไป ซึ่งทำให้มองเห็นความจริงที่บิดเบี้ยวได้ เพราะทุกคนดูเหมือนจะมีชีวิตที่น่าอัศจรรย์
  • นายจ้างที่ไม่ได้ให้โอกาสใหม่ ๆ หรือมีเหตุผลที่น่าสนใจแก่พวกเขา
เอาคำว่า “ฉันเกลียดงานของฉัน” ออกไปจากความคิด
 

ภาพจาก https://pixabay.com

ไม่ใช่ทุกคนที่เกลียดงานของตัวเองด้วยเหตุผลเดียวกัน บางทีพวกเขาอาจทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีการทำงานที่เป็นพิษหรือขาดการสนับสนุนเชิงบวกเกี่ยวกับการทำงาน
แต่จากประสบการณ์ของฉันที่ทำงานกับผู้ป่วยกลุ่ม Millennial เหตุผลที่ใหญ่ที่สุดคือ ความเป็นจริงของสถานที่ทำงานไม่ตรงกับความคาดหวังของพวกเขา หากคุณเป็นกลุ่ม Millennial ที่อยู่ในหมวดหมู่นี้ นี่คือคำแนะนำของฉัน :
 
1. หยุดพูดว่า“ ฉันเกลียดงานของฉัน”
 
เกือบทุกคนที่ฉันรู้จัก (รวมถึงช่วงวัยอื่น ๆ) เขาทำงานที่พวกเขาเกลียด ซึ่งมันเป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่วัยผู้ใหญ่
 
แต่การบ่นไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ดังนั้นแทนที่จะพูดว่า“ ฉันเกลียดงานของฉัน” แต่ควรจะท้าทายตัวเองให้ลึกลงไปในสิ่งที่เกี่ยวกับงานของคุณที่ทำให้คุณไม่มีความสุข บางทีคุณอาจอารมณ์เสีย คุณไม่ได้รับการโปรโมท หรือคุณคิดว่าคุณก้าวหน้าเกินไปสำหรับความรับผิดชอบที่คุณได้รับ
 
เมื่อคุณระบุเหตุผลของคุณเรียบร้อบแล้วก็ให้ถามตัวเองว่า อะไรคือสิ่งที่ฉันพอจะทำได้เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ?
 
หากคุณไม่ได้รับข้อเสนอดี ๆ ทำไมไม่ถามหัวหน้าของคุณว่าจะต้องทำอย่างไร หากคุณคิดว่าคุณพร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่กว่า ทำไมไม่ลองใช้ความคิดริเริ่มกับงานอื่น ๆ เพื่อพิสูจน์ว่า คุณสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทได้มากกว่าเดิม
 
2. ลดความคาดหวังเกี่ยวกับการยกระดับมาตรฐานของคุณ
 

ภาพจาก https://pixabay.com
 
ความคาดหวังและมาตรฐานนั้นไม่เหมือนกัน เราลองมาแยกความแตกต่างกัน : 
 
ความคาดหวังคือความเชื่อที่แข็งแกร่งของบุคคลว่า มีบางสิ่งที่จะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้น เนื่องจากเป็นเรื่องที่ ‘ไม่ตรง’กับความจริงมากกว่าเรื่องจริง บ่อยครั้งอาจนำไปสู่ความผิดหวัง เมื่อผลลัพธ์ที่คาดการณ์ไม่ประสบความสำเร็จ สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าความคาดหวังนั้นเป็นความเชื่อไม่ใช่ข้อเท็จจริง
 
ในทางกลับกันมาตรฐานของบุคคล คือ ระดับคุณภาพที่พวกเขายินดีที่จะยอมรับว่าจะเอาเป็นบรรทัดฐาน ซึ่งมันจะกลายเป็นรากฐานของการตัดสินในเรื่องต่าง ๆ  โดยมาตรฐานนี้มีรากฐานมาจากข้อเท็จจริง ข้อมูล หรือรูปแบบ และสามารถสร้างกรอบการทำงาน และการตัดสินใจให้สอดคล้องกับค่านิยม และเพื่อสร้างความสมดุลให้กับชีวิต 
 
ทำงานในมาตรฐานของคุณ ในขณะที่ไม่คาดหวังว่ามาตรฐานเหล่านั้นจะทำได้อย่าง 100% และนี่จะเป็นสิ่งเดียวที่อยู่ในการควบคุมของคุณคือ มาตรฐานที่คุณตั้งไว้สำหรับตัวคุณเองและต่อคนรอบข้าง
 
3. ชั่งน้ำหนักระหว่างตัวเลือกของคุณกับความอดทน
 
เป็นที่รู้จักกันดีว่า กลุ่ม Millennials ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องเงินมากกว่า เมื่อพูดถึงการเลือกงาน 
 
แต่ก่อนที่คุณจะตัดสินใจลาออกและเริ่มสมัครงานที่ใหม่ ๆ ลองใช้เวลาสักครู่เพื่อหาว่า คุณให้ความสำคัญกับอะไร ? และสิ่งที่ต้องกระทบกับคุณมีอะไรบ้าง ?
 
เมื่อคุณเริ่มเข้าใจสิ่งที่สำคัญกับคุณจริง ๆ แล้ว มันจะง่ายกว่าที่จะหางานที่เหมาะกับคุณที่สุด พึงระลึกไว้เสมอว่าคุณจะไม่ได้เปลี่ยนงานใหม่ปุ๊บแล้วจะได้ทำงานในฝันของคุณทันที
 
คนที่ประสบความสำเร็จจะมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถเรียนรู้ได้จากบทบาทในปัจจุบัน วิธีการทักษะและประสบการณ์ที่พวกเขาเผชิญ ซึ่งมันจะสามารถดึงดูดโอกาสที่ใหญ่กว่า ความอดทนเป็นกุญแจสำคัญและอาจใช้เวลาหลายปีกว่าที่คุณจะพูดได้อย่างภาคภูมิใจว่า “ฉันรักงานของฉัน”
 
4. เป็นคนใจดีกับตัวเอง
 
สองสิ่งที่ไม่ควรทำ เมื่องานของคุณทำให้คุณรู้สึกโกรธเครียดหรือหงุดหงิด:
  1. ไม่เก็บกดความรู้สึกเหล่านั้นไว้
  2. ไม่หันไปใช้โซเชียลมีเดียเพื่อหาความสบายใจ

ภาพจาก https://pixabay.com
 
สิ่งที่ควรทำคือ ควรติดต่อกับเพื่อน ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน พี่เลี้ยง หรือแม้แต่นักบำบัดเพื่อขอความช่วยเหลือ การไปหาผู้คนที่มีความใส่ใจอย่างแท้จริง และรับฟังคุณ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการรับมือกับความเครียด
 
Tess Brigham เป็นนักจิตวิทยาอายุรแพทย์และไลฟ์โค้ช ที่ผ่านการรับรองจากซานฟรานซิสโก เธอมีประสบการณ์มากกว่า 10 ปีในสาขานี้และส่วนใหญ่ทำงานกับผู้เยาว์และผู้ปกครองของกลุ่ม Millennials
 
หากใครที่กำลังมีความรู้สึกเบื่อหน่ายกับงานที่ทำอยู่ รู้สึกท้อแท้เบื่อหน่าย ไร้แรงบันดาลใจกับงานที่ตัวเองกำลังทำอยู่ www.ThaiFranchiseCenter.com ก็เห็นว่าบทความนี้อาจช่วยให้คุณผู้อ่านได้กลับมาคิดทบทวนเกี่ยวกับตัวเองในการตัดสินใจเกี่ยวกับอาชีพที่กำลังทำอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าความรู้สึกที่ชอบและหลงใหลในงานอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นอย่างทันที คงจะต้องใช้ระยะเวลากันสักหน่อย 
 
แต่ถ้าหากเราลองชั่งน้ำหนักกับเงื่อนไขหลาย ๆ อย่างในชีวิตแล้ว และอยากลองเปลี่ยนเส้นทางจากการเป็นลูกจ้างมาลงทุนทำธุรกิจ ซึ่งก็อาจจะเป็นทางเลือกที่เวิร์คก็ได้ เพราะเราก็จะได้ลองเป็นนายตัวเองและได้ลองจัดการอะไรหลาย ๆ อย่างได้ด้วยตัวเองมากขึ้น และอาจจะได้พบสิ่งที่ตอบโจทย์ ประสบการณ์ที่แตกต่างจากการทำงานเป็นลูกจ้างทั่วไป
 
คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ www.thaifranchisecenter.com/document
เลือกซื้อแฟรนไชส์ไทยขายดี เปิดร้าน www.thaifranchisecenter.com/directory/index.php
 
อ้างอิงข้อมูล   https://cnb.cx/2ZhElGY
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
612
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
514
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
477
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
436
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
421
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
417
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด