บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเงิน บัญชี ภาษี การลงทุน    ความรู้ทั่วไปทางการเงิน
3.9K
2 นาที
23 มิถุนายน 2560
6 วิธีออมเงินความเสี่ยงต่ำมีกำไรแน่นอน


ในยุคที่เงินหายากและรายได้ก็ไม่แน่นอน ความเสี่ยงในชีวิตก็มีมาก หลายคนจึงคิดนักว่าจะทำอย่างไรให้เงินของตัวเองที่มีอยู่นั้นสามารถงอกเงยและเกิดคุณค่าได้มากที่สุด การเลือกลงทุนดูจะเป็นการเพิ่มรายได้ที่ดีแต่ทั้งนี้ก็มีความเสี่ยงที่สูงเช่นกัน เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วหลายคนเลือกความสบายใจกับการออมเงินที่แม้จะได้ผลตอบแทนที่ไม่ชัดเจนเท่าการลงทุนอื่นๆแต่ก็มั่นใจได้ว่าในระยะยาวจะมีเงินทุนเพียงพอสำหรับการจับจ่ายใช้สอยในชีวิต
 
www.ThaiFranchiseCenter.com มีรูปแบบของการออมในลักษณะต่างๆ ที่ถือว่าวิธีการเหล่านี้ล้วนแต่มีความเสี่ยงต่ำและในระยะยาวมีกำไรที่ดีกับผู้ที่ทำการออมอย่างแน่นอนที่สุด ทั้งนี้หากเรามีเงินก้อนหนึ่งก็ลองเลือกวิธีการออมเหล่านี้ดูว่าแบบไหนน่าสนใจที่รับประกันได้ว่าเห็นผลคุ้มค่าแน่ๆ
 
1.เปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์


การฝากเงินไว้กับธนาคารนั้นดูจะเป็นที่นิยมและเป็นวิธีที่คุ้นเคยกันอย่างมาก ผลตอบแทนของเงินฝากจะอยู่ในรูปของดอกเบี้ยซึ่งสามารถคำนวณได้แน่นอนตามระยะเวลาที่เราฝากเงินไว้ เมื่อถึงเวลาที่ต้องการนำเงินออกมาใช้ก็สามารถถอนเงินต้นคืนได้อย่างเต็มจำนวนรวมถึงได้ดอกเบี้ยของเงินฝากก้อนนั้นด้วย วิธีนี้มีความปลอดภัยสูงมากและหนึ่งคนอาจมีหลายบัญชีเพื่อรับเงื่อนไขของดอกเบี้ยที่แตกต่างกันเช่น
 
บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ มีข้อดีคือไม่จำกัดระยะเวลาในการรับฝากธนาคารคิดดอกเบี้ยเป็นรายวันจ่ายดอกเบี้ยให้ปีละ 2 ครั้งแต่อัตราดอกเบี้ยจะค่อนข้างต่ำไม่เกิน 0.5% ต่อปี 
 
บัญชีเงินฝากประจำ เป็นการออมที่มีระยะเวลาแน่นอนเช่น 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี ธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ยเมื่อครบกำหนดระยะเวลาฝากอัตราดอกเบี้ยจะสูงกว่าแบบออมทรัพย์ธรรมดาแต่ไม่เกิน 1.8% ต่อปีรวมถึงมีเงื่อนไขหากถอนก่อนกำหนดก็ไม่ได้รับดอกเบี้ยที่ตั้งเงื่อนไขไว้ด้วย
 
บัญชีเงินฝากประจำพิเศษ มีลักษณะคล้ายบัญชีเงินฝากประจำทั่วไปแต่มีขั้นต่ำในการฝากเช่น 10,000 บาท , 50,000 บาท เป็นต้น กำหนดเวลาในการฝากก็ต่างออกไปเช่น 4 เดือน , 8 เดือน , 10 เดือน เป็นต้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีเงินก้อนและต้องการผลตอบแทนแบบมีเวลาแน่นอน

2.ซื้อสลากออมสินหรือสลาก ธ.ก.ส.
 
 
เป็นการเสี่ยงโชคในรูปแบบหนึ่งของธนาคารแต่มีข้อได้เปรียบคือเงินทุนในการซื้อยังอยู่ครบถ้วนแต่มีระยะเวลาในการถอนส่วนใหญ่อัตราดอกเบี้ยของการออมแบบนี้จะต่ำแต่มีสิทธิ์ที่ผู้ซื้อสลากจะได้รับรางวัลจากการออกหมายเลขอัตราขั้นต่ำในการซื้อคือหน่วยละ 50 บาท

คนที่มีเงินก้อนสามารถซื้อครั้งละมากๆได้โอกาสที่จะถูกรางวัลทั้งเลขท้ายหรือได้รางวัลพิเศษก็มีมากและถ้าเราไม่รับเงินรางวัลนั้นก็จะถูกสะสมในเงินต้นของเราเมื่อครบกำหนดเวลาก็สามารถถอนออกมาใช้ได้ทั้งหมดหรือจะซื้อฉลากต่อไปรอลุ้นครั้งใหม่ในอีกระยะเวลาหนึ่งก็ได้
 
3.ซื้อพันธบัตรรัฐบาล

ภาพจาก goo.gl/FJkTQm

เป็นการขยับเอาเงินฝากมาเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำโดยสามารถเลือกการลงทุนได้ทั้งการซื้อพันธบัตรรัฐบาล และ ตั๋วเงินคลัง เมื่อครบกำหนดเวลาก็จะได้รับเงินต้นคืนพร้อมดอกเบี้ยตามอัตราที่ประกาศไว้โดยทั้งพันธบัตรและตั๋วเงินคลังมีความแตกต่างกันดังนี้
 
พันธบัตรรัฐบาล เป็นตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังหรือธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ออกเพื่อกู้ยืมเงินจากประชาชนมีอายุสัญญาตั้งแต่ 1-5 ปี หรือหากกู้ยืมในระยะยาวก็จะเป็นพันธบัตรที่มีอายุ 10 ปีขึ้นไป โดยรัฐจะเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนเป็นระยะๆเช่นหน่วยละ 1,000 บาท หรือ 10,000 บาท อัตราดอกเบี้ยก็จะแตกต่างกันตามเวลาที่กู้ยืมเช่นรุ่น 5 ปี ในปีแรกได้ดอกเบี้ย 1.75% ปีที่ 2-3 ดอกเบี้ย 2%  ปีที่ 4 ดอกเบี้ย 2.5% ปีที่ 5ดอกเบี้ย 3%  เป็นต้น
 
ตั๋วเงินคลัง เป็นตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังออกเพื่อกู้ยืมเงินประชาชนเช่นกันแต่จะมีระยะเวลากู้ยืมที่สั้นกว่าคืออายุไม่เกิน 1 ปี ผู้ที่ลงทุนในตั๋วเงินคลังจะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของส่วนต่างราคาซื้อขายโดยไม่มีดอกเบี้ย แต่การซื้อตั๋วเงินคลังต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้อขั้นต่ำส่วนใหญ่จึงเป็นการลงทุนของสถาบันการเงินต่างๆ มากกว่า
 
4.หุ้นกู้บริษัทเอกชน
 
คำว่าหุ้นกู้นั้นไม่ได้หมายถึงการเล่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เพราะหุ้นกู้บริษัทจัดเป็นตราสารหนี้ประเภทหนึ่งที่มีกำหนดระยะเวลาและผลการตอบแทนลงทุนที่แน่นอนคล้ายกับพันธบัตรเพียงแต่ผู้ออกหุ้นกู้จะเป็นบริษัทเอกชนที่ต้องการระดมเงินทุน ผู้ที่สนใจลงทุนออมในลักษณะนี้สามารถลงทุนได้ 2 วิธีคือ การลงทุนในตลาดแรก เป็นการซื้อขายตราสารหนี้ที่ออกจำหน่ายในครั้งแรก หรือ ลงทุนในตลาดรอง คือการซื้อขายตราสารหนี้ที่เคยจำหน่ายออกมาแล้ว  

แนวทางการลงทุนในหุ้นกู้บริษัทนี้สิ่งสำคัญคือการศึกษาสถานะการเงินของบริษัทนั้นให้แน่ใจโดยการจัดอันดับเครดิตของแต่ละบริษัทนั้นสูงสุดคือ AAA ที่ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำมีความสามารถในการชำระหนี้ได้ตามกำหนดสูงมาก  

ส่วนอันดับที่ไม่น่าลงทุนคือตั้งแต่ระดับ A ที่ถือว่าความเสี่ยงยังต่ำพอจะลงทุนได้อยู่ ทั้งนี้เมื่อได้รับใบตราสารหนี้หุ้นกู้มาแล้ว ต้องตรวจสอบรายละเอียดให้เรียบร้อยโดยต้องมีชื่อของผู้ลงทุน ชื่อบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ ระยะเวลาครบกำหนดไถ่ถอน มูลค่าที่ต้องคืนเมื่อถึงกำหนด รวมถึงอัตราดอกเบี้ยผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับด้วย
 
5.ลงทุนกับประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์

ภาพจาก goo.gl/E7onmH

นับเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่นอกจากจะได้รับผลตอบแทนที่แน่นอนแล้วยังช่วยสร้างวินัยการออมและประกันความเสี่ยงในชีวิตได้อีกด้วย ข้อดีที่น่าสนใจคือช่วยให้เราสบายใจยามเจ็บป่วยที่ไม่ต้องจ่ายเงินเต็มจำนวนมีเงินทุนที่ช่วยจ่ายได้บ้างในบางส่วนรวมถึงหากเกิดอะไรขึ้นในชีวิตคนข้างหลังยังมีสิทธิ์ได้รับเงินทุนประกันที่เราทำไว้ หรือในกรณีที่เราทำประกันจนอายุครบสัญญาก็มีสิทธิ์ได้รับเงินคืนตามมูลค่าของกรรมธรรน์ที่ได้ทำการตกลงกันไว้อีกด้วย

6.ลงทุนกับบัญชีฝากสหกรณ์ออมทรัพย์

ภาพจาก goo.gl/BWTzP1

สหกรณ์ออมทรัพย์เป็นสถาบันการเงินที่มีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมการออมและการกู้ยืมเงินของสมาชิกที่มีอาชีพเดียวกันหรืออาศัยในชุมชนเดียวกัน ส่วนใหญ่แล้วเราจะพบเห็นสหกรณ์ออมทรัพย์ตามหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ เป็นทางเลือกในการออมเงินที่น่าสนใจเพราะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์ รวมถึงมีความเสี่ยงต่ำและทำให้เรามั่นใจเรื่องการเก็บเงินทุนไว้เป็นกองทุนสำรองสำหรับใช้จ่ายในอนาคตได้ดีอีกด้วย
 
อย่างไรก็ดีวิธีบริหารการเงินนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากหากเรามีเงินทุนเพียงพอก็ควรรู้จักบริหารการเงินเหล่านั้นให้เกิดคุณค่าเช่นส่วนหนึ่งแบ่งมาเก็บออมในวิธีการเหล่านี้ และหากมีมากพอก็ควรเลือกการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ ร่วมด้วย เช่นการเล่นหุ้น ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนในธุรกิจต่างๆ ฯลฯ แต่เราก็ควรดูกำลังความสามารถของตัวเองเป็นหลักว่ามีความพร้อมในระดับไหนอย่าทำอะไรที่เสี่ยงเกินกำลังเด็ดขาดเพราะอาจได้ไม่คุ้มเสียและเป็นปัญหาตามมาในภายหลังได้
 
สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
612
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
514
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
477
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
436
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
421
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
417
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด