บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การตลาด บริหารธุรกิจ    ความรู้ทั่วไปทางการตลาด
3.6K
2 นาที
16 มิถุนายน 2560
มือใหม่หัดเล่นหุ้น ต้องรู้อะไรบ้าง 

 
ภาพจาก goo.gl/5pqEj5

คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น ดูเหมือนจะเป็นคำพูดที่ล้าสมัยไปแล้วปัจจุบันนี้ไม่เกี่ยวกับความจนความรวย มนุษย์เงินเดือนหลายคนก็เปิดโอกาสการลงทุนให้ตัวเองด้วยการเล่นหุ้น แม้กระทั่งนักเรียนนักศึกษาบางคนก็ใช้การลงทุนหุ้นในการใช้เงินต่อเงิน บางคนเล่นหุ้นรวยตั้งแต่ยังเรียนไม่จบบางคนมีรายได้เสริมจากการเล่นหุ้น

แต่ทั้งนี้ก่อนจะเริ่มลงมือเล่นหุ้นนั้น www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่าเราควรมาทำความรู้จักกับคำว่า หุ้น ให้ลึกซึ้งมากขึ้น ก่อนที่จะก้าวไปสู่บทเรียนต่อไปคือการเป็นเจ้าของหุ้นทั้งนี้การศึกษาเบื้องต้นก่อนการลงทุนก็จะทำให้เรามีโอกาสเติบโตและลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นให้น้อยลงด้วย
 
สำรวจตัวเองก่อนว่าพร้อมเล่นหุ้นแล้วหรือยัง
 
การจะเริ่มเล่นหุ้นนั้นก่อนอื่นต้องดูก่อนว่าเราพร้อมแค่ไหน กับการที่จะเข้ามาทำกำไรในตลาดทุนแห่งนี้ สิ่งที่มือใหม่ควรทำอันดับแรกคือหาข้อมูลเบื้องต้นว่าการเล่นหุ้นคืออะไร

ศึกษาตลาดการลงทุน วิธีการลงทุน  ชนิดของหุ้นแต่ละประเภท พฤติกรรมของนักลงทุนในตลาด และควรศึกษาเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการเล่นหุ้นร่วมด้วย เมื่อมีความรู้พร้อมเงินทุนพร้อมก็เท่ากับว่าเราสามารถเริ่มต้นก้าวแรกของการเล่นหุ้นได้แล้ว
 
การเล่นหุ้นกับจำนวนเงินในการลงทุน
 
 
ภาพจาก goo.gl/QmsioJ

ในการลงทุนนั้นเงินทุนยิ่งมากก็ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว แต่สำหรับมือใหม่แนะนำว่าเริ่มต้นที่ 100,000 บาทน่าจะดีที่สุดและอาศัยเก็บความรู้เก็บประสบการณ์ไปก่อน ถ้าเก่งแล้วค่อยเพิ่มทุนทีหลังที่จริงแล้วการจะใช้เงินทุนเท่าไหร่นั้น มันก็ขึ้นอยู่กับว่ารูปแบบการลงทุน ของเพื่อนๆ นักลงทุนเป็นแบบไหน  

และลงทุนในหุ้นตัวไหน มีน้อยก็เริ่มจากลงทุนน้อยๆ ได้ แต่สำคัญที่ว่าเงินที่นำมาลงทุนในหุ้นนี้ ต้องเป็นเงินเย็น เงินที่เรากันไว้จากเงินที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันปกติแล้ว เป็นเงินที่เราไม่ได้จำเป็นต้องดึงกลับมาใช้ในเวลาอันใกล้นี้ เพราะอาจจะเกิดปัญหาที่ว่าเงินยังไม่ได้ออกดอกออกผลตามที่ควรจะเป็น กลับต้องดึงกลับมาใช้จ่ายซะแล้ว จะเสียประโยชน์ในระยะยาว 
 
3 สิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มเล่นหุ้น

1.ต้องรู้ว่าเราสิ่งที่เรากำลังจะลงทุนด้วยคืออะไร

 
ภาพจาก goo.gl/XTqMxL

อย่าลืมว่าราคาของหุ้นจะขึ้นจะลงได้ แท้จริงแล้วจะขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของธุรกิจนั้นๆ เราควรศึกษาไปให้ลึกถึงขั้นรู้ความเป็นมาของหุ้นแต่ละตัวว่า เขาทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร ใครเป็นผู้บริหาร สัญญาอะไรไว้ทำได้ตามนั้นหรือไม่ มีผลการดำเนินงานที่ผ่านมาเป็นอย่างไร มีเป้าหมายในอนาคตอย่างไร อะไรเป็นจุดอ่อนจุดแข็งของธุรกิจนี้บ้าง เป็นต้น ถึงแม้ในตลาดหลักทรัพย์ในบ้านเราจะมีหุ้นอยู่ 500 กว่าตัว ให้เราเลือกตัวหุ้นที่เราสนใจ และอยู่ในธุรกิจที่เราเข้าใจดี แล้วเข้าซื้อขายให้ถูกจังหวะก็เพียงพอแล้ว
 
2.รู้จักตัวเองว่าชอบการลงทุนแบบไหน
 
นั้นคือเวลาในการเล่นว่าจะเลือกแบบ เล่นสั้น กลาง หรือว่าลงทุนระยะยาว หรือเป็นการชอบแบบเน้นตั้งรับกินปันผล หรือว่า ชอบเชิงรุกแบบแนววิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งการลงทุนแต่ละแบบ วิธีการแต่ละแบบก็จะแตกต่างกัน

ดังนั้นเราต้องรู้ตัวเองให้ได้ว่าเหมาะกับแบบไหน และทุกแบบก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน เช่นเล่นสั้นจะเห็นผลได้เร็วกว่า การเล่นระยะยาว แต่ก็ต้องใช้การตัดสินใจที่บ่อยครั้งกว่า และใช้เวลาในการติดตามราคามากกว่าการเล่นระยะยาวเป็นต้น 

3.รู้จักการเลือกใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ได้ถูกต้อง

 
ภาพจาก goo.gl/ZGNAkV

โดยหลักๆแล้วจะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบคือ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน(Fundamental Analysis)ซึ่งก็ต้องติดตามผลการดำเนินงานของบริษัท ดูบัญชีเป็น ดูงบการเงินเป็น ดูแนวโน้มการเติมโตของบริษัทนั้นๆ ได้ และเข้าซื้อเมื่อเห็นว่าราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงมากๆ วิธีนี้ส่วนใหญ่ในบ้านเราจะรู้จักกันในนาม VI การลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investor)
 
อีกรูปแบบหนึ่งคือการวิเคราะห์ทางเทคนิค(Technical Analysis) ซึ่งก็ต้องติดตามความเคลื่อนไหวของราคาของหุ้นนั้นๆ อ่านกราฟเป็น ใช้อินดิเคเตอร์เป็น เข้าใจแนวโน้มของราคา (Trends) เข้าใจรูปแบบของราคา (Patterns) เพื่อประกอบการตัดสินใจในการซื้อขายให้ถูกจังหวะ
 
เริ่มการเปิดบัญชีกับโบรคเกอร์
 

 
ภาพจาก goo.gl/76xPvu

หลักฐานสำคัญในการเปิดบัญชีเพื่อเล่นหุ้นคือ สำเนาบัตรประชาชน , สำเนาทะเบียนบ้าน , สำเนาสมุดเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน , แบบคำขอให้หักบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ (ATS) , ค่าอากรแสตมป์ 30 บาท

หากทุนน้อยและต้องการเทรดบ่อยๆ ก็สามารถเลือก โบรกเกอร์ที่ไม่มีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำเช่นบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กับ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ซึ่งเราสามารถโทรให้เขามาหาถึงบ้านพร้อมกับเอกสารการสมัครได้เลย โบรกเกอร์ต้องการลูกค้าใหม่ๆ อยู่แล้วเลยแข่งกันบริการเต็มที่
 
ส่วนการเปิดบัญชีนั้นควรเปิดแบบบัญชีเงินฝาก (Cash Balance Account) ซึ่งเราต้องฝากเงินเข้าไปมีเงินเท่าไหร่ซื้อหุ้นได้เท่านั้น เพิ่งเริ่มอย่าเพิ่งเปิดแบบบัญชีเงินกู้ยืม (Credit Balance Account) ไว้เราบริหารจัดการการเงิน ได้เก่งแล้วค่อยมาว่ากันอีกที

และแนะนำว่าให้เปิดบัญชีแบบเล่นหุ้นออนไลน์จะสะดวกมากๆ โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์จะกำหนดวงเงินที่ต้องใช้เงินในการเปิดบัญชีออนไลน์ขั้นต่ำที่ประมาณ 5,000 ถึง 50,000 บาท แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าเงินของเราจะไปนอนนิ่งเฉยๆ ไม่ยอมทำงาน เพราะโบรกเกอร์เขาก็มีดอกเบี้ยเงินฝากให้ด้วย
 
ทั้งนี้การลงทุนเล่นหุ้นนั้นในเบื้องต้นให้ลองเล่นแบบหาประสบการณ์กันไปก่อน เพราะการสู้กันในเวทีนี้ใช้ความรู้และประสบการณ์เป็นหลัก คนที่ประสบความสำเร็จในการเล่นหุ้นนั้นมีมาก แต่คนที่ไม่ประสบความสำเร็จก็มีจำนวนไม่น้อยเช่นกัน วิธีเล่นหุ้นคือการลงทุนในรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจแต่จะน่าสนใจยิ่งขึ้นหากเราคิด วิเคราะห์ ให้เป็น จะยิ่งทำให้การเล่นหุ้นสนุกขึ้นอีกมากทีเดียว
 
สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
612
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
518
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
477
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
436
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
423
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
419
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด