ดาวเด่นแฟรนไชส์    แฟรนไชส์ ‘Smart English’ 18 ปียืนตรงสอนอังกฤษเพื่อเด็กเล็ก
4.1K
26 กันยายน 2557
แฟรนไชส์ ‘Smart English’ 18 ปียืนตรงสอนอังกฤษเพื่อเด็กเล็ก

 
เมื่อปี พ.ศ.2539 หรือ18 ปีที่แล้ว “อาทิตย์ คงนคร” เดินทางกลับบ้านเกิด หลังใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศสหรัฐฯ กว่า 10 ปี พร้อมเจตนาบุกเบิกธุรกิจการศึกษา เต็มเติมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเด็กไทยให้ดีขึ้น เป็นที่มาของแฟรนไชส์ “สมาร์ท อิงลิช” (Smart English) ที่ยืนหยัดจุดยืนแรกจนถึงปัจจุบัน ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของภาวะภายนอก และการแข่งขันที่เข้มข้นเสมอมา


 
อาทิตย์ คงนคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ท อิงลิช จำกัด
 
“จากที่ผมเห็นการเรียนการสอนภาษาอังกฤษของเด็กไทยในเวลานั้น เน้น“ท่องจำ”และตัดสินด้วย“คะแนนสอบ” ซึ่งวิธีนี้ จะทำให้เด็กที่อ่อนภาษาอังกฤษเกิดทัศนคติ “กลัว” และ “เกลียด” ภาษาอังกฤษไปเลย เลยอยากปรับการสอนที่เน้นความเข้าใจและสร้างทัศนคติให้เด็กรักภาษาอังกฤษ เจาะจงสอนเด็กเล็ก ตั้งแต่อนุบาล 3 ถึงมัธยมต้น วัย 6-13 ปี เพราะเป็นวัยที่เรียนรู้ได้ดีที่สุด หากสร้างทัศนคติรักภาษาอังกฤษให้เด็กตั้งแต่เล็กได้ จะเป็นการปูทางให้เขาสามารถไปเรียนรู้เพิ่มเติมให้เกิดผลเลิศได้ด้วยตัวเอง” อาทิตย์ คงนคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ท อิงลิช จำกัด อธิบายถึงแนวคิดของ“สมาร์ท อิงลิช”
      
สำหรับหลักสูตรที่ใช้ คิดค้นโดยมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศสหรัฐฯ แล้วนำมาปรับให้เหมาะกับเด็กไทย เน้นเชิง“จิตวิทยา” เกิดความสนุก กล้าแสดงออก ผ่านกิจกรรมต่างๆ ทั้งในห้องและการบ้านที่มอบให้ เช่น จะใช้ตำรา D.I.Y. ซึ่งเวลานั้นถือเป็นเรื่องใหม่ ช่วยให้เด็กสนุกที่ได้ทำ และมีกิจกรรมร่วมกับผู้ปกครอง ให้รางวัลเป็นการวางเป้าหมายแก่เด็ก พัฒนาระบบการสอนผ่านออนไลน์เพิ่มเติม เป็นต้น

 ผลสำเร็จของเด็กที่เข้าเรียนกับสมาร์ท อิงลิช เจ้าของธุรกิจ บอกว่า ตัวชี้ผลที่จะเห็นชัดเจนคือความกระตือรือร้นอยากเรียนภาษาอังกฤษของเด็กจะเพิ่มขึ้น จากเด็กขี้อายไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษ กลายมาเป็นเด็กที่มารอเข้าเรียนก่อนเวลา หรือทำการบ้านเสร็จล่วงหน้า เหล่านี้จะเกิดขึ้นกับเด็กแต่ละคนในเวลาไม่เท่ากัน บางรายเพียง 1-2 สัปดาห์ บางราย 3 เดือน แต่สุดท้าย ทัศนคติต่อภาษาอังกฤษทุกคนจะดีขึ้น

 

สำหรับแนวคิดขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์นั้น อาทิตย์ บอกว่า ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงพาณิชย์ และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) คัดเลือกธุรกิจที่มองว่ามีศักยภาพมาต่อยอดพัฒนาเป็นระบบแฟรนไชส์ นับถึงปัจจุบันมีกว่า 140 สาขาทั่วประเทศ
      
เงื่อนไขลงทุนแฟรนไชส์ แบ่งเป็น ค่า Franchise fee มูลค่า 490,000 บาท สัญญา 5 ปี (ต่อสัญญาทุก 5 ปี ลดค่า Franchise fee 50%) รวมค่าตกแต่งสถานที่แล้ว เงินลงทุนเบื้องต้นประมาณ 600,000 บาท ได้รับอุปกรณ์ประกอบการเปิดธุรกิจ เช่น ตำรา แผ่นพับ ป้ายร้าน ฯลฯ และที่สำคัญ อบรมครูผู้สอนส่งให้แก่สาขาต่างๆ ซึ่งครูทุกคนจะสอนภายใต้ระบบเดียวกันของสมาร์ท อิงลิช วิธีนี้จะได้ครูมาตรฐานเดียวกัน และเด็กจะไม่ยึดติดกับตัวผู้สอนมากเกินไป แต่ละยึดติดกับระบบการเรียนการสอนแทน

 

“คุณสมบัติสำคัญที่สุดของผู้ลงทุนทำธุรกิจนี้ ต้องเป็นคนรักเด็ก เพราะคุณต้องทำงานดูแลดวงใจของพ่อแม่ นอกจากนั้น ควรมีใจเป็นผู้ประกอบการ ยอมรับความเสี่ยงได้ระดับหนึ่ง เพราะธุรกิจนี้ เราทำงาน 8 วัน คือเฉพาะเสาร์อาทิตย์ เพื่อเลี้ยง 1 เดือน อีกทั้ง มีทำเลดี สะดวกพ่อแม่มารับส่งลูกๆ ซึ่งทำเลดีที่สุด คือ สโมสรหมู่บ้านใหญ่ๆ ย่านชุมชน ห้างฯ ตามลำดับ”
      
“ด้านบริหารให้อิสระแก่สาขาดูแลเอง ไม่ว่าจะเป็นการคิดค่าคอร์ส ให้เหมาะสมกับสถานที่ เฉลี่ยอยู่ระหว่าง 3,900-4,500 บาทต่อ 1 คอร์ส (เวลา 3 เดือน) ส่วนการทำตลาด บริษัทแม่จะคอยเป็นที่ปรึกษา โดยสรุปแล้ว สาขาแฟรนไชส์จะมีค่าใช้จ่ายในทำธุรกิจนี้ ประมาณ 20,000-50,000 บาทต่อเดือน ส่วนใหญ่เป็นค่าเช่าสถานที่ กับค่าจ้างครูผู้สอน แต่ละสาขาควรมีผู้สอน 2 คน และมีผู้เรียนต่อเดือนประมาณ 30 คน โดยรายได้หลักของผู้ลงทุนแฟรนไชส์จะมาจากค่าคอร์ส โดยเฉลี่ยที่ผ่านมาอัตราคืนทุนอยู่ที่ 2-2.5 ปี” อาทิตย์ บอก และเสริมต่อว่า

ที่ผ่านมา แฟรนไชส์มีอัตราขยายเฉลี่ย 10 สาขาต่อปี ขณะที่ความนิยมธุรกิจการศึกษายังดีต่อเนื่อง เพราะผู้ปกครองยุคปัจจุบันอยากจะเตรียมความพร้อมให้แก่ลูกตัวเองมากที่สุด และภาษาอังกฤษนับวันจะเพิ่มความสำคัญ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของ “สมาร์ท อิงลิช” คือจุดยืนสำคัญที่จะมุ่งสอนเฉพาะภาษาอังกฤษเพื่อเด็กเล็กเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริง ผลกำไรน้อยกว่าการเปิดหลักสูตรอบรมให้แก่ผู้ใหญ่ หรือองค์กร

 
      

“นับถึงปัจจุบัน เราเป็นแบรนด์เดียวที่เจาะจงสอนภาษาอังกฤษเพื่อเด็กเล็กจริงๆ ในขณะที่แบรนด์อื่นๆ อาจจะมีสอนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ หรือสอนหลักสูตรอื่นๆ ตามเทรนด์ เช่น ภาษาจีน ฯลฯ นอกจากนั้น แบรนด์อื่น มักไม่ค่อยสนใจตลาดสอนเด็กเล็ก เพราะกำไรต่อหน่อยมันน้อยมาก แต่ผมคิดว่าเราควรทำในสิ่งที่ถนัดให้ดีที่สุด ไม่เสียจุดยืนของตัวเอง ซึ่งในปัจจุบัน การแข่งขันของธุรกิจการศึกษามากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะมีแบรนด์ต่างประเทศมาเปิดจำนวนมาก ซึ่งผมมองว่าเป็นเรื่องดี ช่วยให้ตลาดเกิดการตื่นตัว ในขณะที่เรามั่นใจในคุณภาพ ทำมานานมีความพร้อมอยู่แล้ว ทั้งความรู้และบุคลากร เมื่อตลาดรวมดี ผมเชื่อว่า เราก็จะได้รับประโยชน์มากกว่าโดนชิงลูกค้า” อาทิตย์ กล่าว

ด้านอารักษ์ ประมวลวิจารณ์ แฟรนไชส์สมาร์ท อิงลิช สาขาลาดพร้าว วังหิน เผยว่า สาเหตุที่ลงทุนธุรกิจนี้ เกิดจากลูกมีปัญหาอ่อนภาษาอังกฤษ เคยส่งไปเรียนพิเศษกับหลายสถาบัน ไม่เกิดผลดีขึ้น กระทั่งส่งเรียนกับสมาร์ท อิงลิช ลูกมีพัฒนาดีขึ้นชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องความมั่นใจและความรักภาษาอังกฤษ เกิดเป็นแรงบันดาลใจ อยากทำธุรกิจนี้เพื่อช่วยผู้ปกครองท่านอื่นๆ ที่กำลังพบปัญหาลูกมีทัศนคติไม่ดีกับภาษาอังกฤษ
      
นอกจากนั้น จากการหาข้อมูล ทำให้เชื่อมั่นถึงระบบบริหารแฟรนไชส์ที่เป็นมืออาชีพ และชื่อเสียงที่สะสมมายาวนาน รวมถึงเป็นการลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำ แม้จะคืนทุนได้ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ความยากของธุรกิจนี้ คือ การทำตลาด เพื่อสื่อสารให้พ่อแม่ผู้ปกครองเห็นความสำคัญของการส่งลูกมาเรียนที่นี้ ไม่ได้มุ่งเน้นให้คะแนนสอบดีขึ้นโดยทันที แต่เน้นปรับทัศนคติที่ดีต่อภาษาอังกฤษเสียก่อน
      
“ส่วนใหญ่พ่อแม่ที่ส่งลูกเข้าเรียน เพราะลูกมีปัญหาสอบได้คะแนนภาษาอังกฤษไม่ดี ถ้าเราสอนให้เขาท่องจำเพื่อจะสอบได้คะแนนดีขึ้น มันจะไม่เกิดประโยชน์ระยะยาว ดังนั้น สิ่งที่เราต้องสื่อแก่ผู้ปกครอง เราไม่ได้สอนเรื่องการติวข้อสอบ ไม่ได้เน้นเรื่องคะแนนสอบ แต่เราต้องการให้เด็กมีทัศนคติที่ดีต่อภาษาอังกฤษ เพราะถ้าเด็กเล็กๆ เขารักภาษาอังกฤษแล้ว จะมีผลดีติดตัวเขาไปจนโตเป็นผู้ใหญ่” เจ้าของแฟรนไชส์สาขาลาดพร้าว วังหิน กล่าว

 
ย้อนกลับมาที่ อาทิตย์อีกครั้ง บอกด้วยว่า การสนับสนุนสาขาแฟรนไชส์นั้น ทางบริษัทแม่จะดูแลในภาครวม ทั้งการวิจัยและพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน และการอบรมผู้สอน เพื่อให้ได้ระบบการสอนที่เกิดผลดีสูงสุดแก่ผู้เรียน นอกจากนั้น ประชาสัมพันธ์สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และบริหารการเปิดแฟรนไชส์แต่ละสาขาให้มีพื้นที่ไม่ทับซ้อนแย่งลูกค้ากันเอง เป็นต้น
 
 
มีของรางวัลเป็นหลักจิตวิทยาสร้างเป้าหมายให้แก่เด็กผู้เรียน

เมื่อถามถึงหัวใจแห่งความสำเร็จในการลงทุนแฟรนไชส์ สมาร์ท อิงลิช เจ้าของธุรกิจบอกว่า อันดับแรกมาจากความแข็งแรงของหลักสูตรที่ปรับจนได้สูตรสำเร็จ นานกว่า 18 ปี ต่อมา คือการวิจัยและพัฒนา การเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง จนได้รับรางวัลมาตรฐานคุณภาพแฟรนไชส์ดีเด่นจากกระทรวงพาณิชย์ต่อเนื่องมา 4 ปีซ้อน และสุดท้าย คือความซื่อสัตย์ระหว่างกัน ของทั้งตัวแฟรนไชส์ซอร์ และแฟรนไชส์ซี ซึ่งชื่อเสียงกับความสำเร็จที่ผ่าน ช่วยการันตีความสำเร็จได้ระดับหนึ่ง
      
โทร.09-5524-6469 และ 0-2931-7923 หรือ www.smartenglish.in.th
      
ตารางลงทุนแฟรนไชส์ “สมาร์ท อิงลิช” (Smart English)
  • ค่า Franchise fee มูลค่า 490,000 บาท สัญญา 5 ปี (ต่อสัญญาทุก 5 ปี ลดค่า Franchise fee 50%)
  • รวมค่าตกแต่งสถานที่ สรุปเงินลงทุนเบื้องต้นประมาณ 600,000 บาท
  • ได้รับอุปกรณ์ประกอบการเปิดธุรกิจ และการอบรมครูผู้สอนส่งให้แก่สาขาต่างๆ
  • ผู้ลงทุนต้องเป็นฝ่ายหาสถานที่เอง ทำเลเหมาะสม คือ สโมสรหมู่บ้าน ย่านชุมชน ห้างสรรพสินค้า
  • สาขาแฟรนไชส์ มีค่าใช้จ่ายในทำธุรกิจนี้ ประมาณ 20,000-50,000 บาทต่อเดือน ส่วนใหญ่เป็นค่าเช่าสถานที่ กับค่าจ้างครูผู้สอน
  • รายได้ของสาขาแฟรนไชส์ มาจากค่าเรียน คอร์สละ 3,900-4,500 บาท 1 คอร์ส ใช้เวลา 3 เดือน
  • ควรจะมีผู้เรียนอย่างน้อยเดือนละ 30 คน
  • อัตราคืนทุนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 2-2.5 ปี
อ้างอิงจาก  ผู้จัดการออนไลน์
ดาวเด่นแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
รวบรวมขนมปัง 20 บาท มาเอาใจคนอยากมีร้าน
156,460
ชานมไข่มุกปลุกตลาด 7 พันล้าน เทรนด์‘ไต้หวันกลับซ..
99,292
กาแฟสด ชาวดอย ลงทุนน้อย ความเสี่ยงต่ำ ความคล่องต..
80,971
เนสท์เล่ ปูพรมร้านไอศกรีมลงทุนเอื้ออาทร สานฝันคน..
77,193
ปั่นแหลก น้ำผลไม้สด แซงโค้งเข้าวินสร้างอาชีพ
76,375
“เคพีเอ็นพลัส” แฟรนไชส์อะไหล่มอ’ไซด์ ลั่นขยาย100..
54,374
ดาวเด่นแฟรนไชส์มาใหม่
ดาวเด่นแฟรนไชส์อื่นในหมวด