บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
1.5K
2 นาที
7 เมษายน 2563
จะเป็นอย่างไรหากย้ายข้อมูลขึ้นไปบนคลาวด์

เทรนด์ Cloud ตอนนี้มาชัดมาก ข้อมูลของเราทุก ๆ อย่างตอนนี้เก็บอยู่บนคลาวด์หมดแล้ว ตั้งแต่ที่เราเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาใช้ หากใช้ iPhone ที่ต้องล็อกอินด้วย Apple ID ก็มี iCloud หรือใช้ Android ทุกอย่างที่มีก็ต้องล็อกอินด้วย Google Account เมื่อล็อกอินแล้วข้อมูลทุกอย่างของเราก็จะถูกเก็บไว้บนคลาวด์ทั้งหมด และคลาวด์เหล่านี้จะอยู่ที่ต่างประเทศ ที่ว่ามาเป็นการใช้คลาวด์แบบบุคคลทั่วไป แต่ที่เห็นในตอนนี้ภาคธุรกิจก็เริ่มหันมาใช้คลาวด์มากขึ้น 

ภาพจาก bit.ly/2yAoFGh
 
รายได้ของธุรกิจคลาวด์ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น Amazon, Google, Microsoft ฯลฯ โตขึ้นอย่างมหาศาล ถือเป็นธุรกิจที่ทำกำไรให้ Amazon อย่างมาก เพราะที่ผ่ามาธุรกิจของ Amazon เองไม่ได้ทำกำไรเท่าไหร่ จริง ๆ ถ้าดูจาก sizing ของบรรดาบริษัท Tech company ใหญ่ ๆ ตอนนี้กำไรล้วนมาจากคลาวด์แทบทั้งนั้น
 
ข้อมูลรายได้ของคลาวด์จาก AWS ปีที่แล้ว ในควอเตอร์แรกมีรายได้ประมาณ 5,300 ล้านเหรียญ ปรากฎว่าในปีนี้รายได้โตขึ้นมาถึง 40% คือ 7,000 กว่าล้านเหรียญ ส่วน Microsoft รายได้ของคลาวด์โตขึ้นมา 75% และ Google รายได้ฝั่งคลาวด์โตถึง 83% จัดว่าเป็นรายได้ที่คุ้มค่ามาก เพราะธุรกิจของเขาต้องลงทุนในเรื่องนี้อยู่แล้ว และนี่ก็เป็นรายได้จากการแบ่งให้คนอื่นใช้ แต่การอยู่บนคลาวด์ก็มีความเสี่ยงอยู่บ้าง เช่น อาจมีเหตุการณ์อย่าง Google ล่มแต่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากทีเดียวเมื่อเปรียบเทียบกับการที่เราทำเซิร์ฟเวอร์เอง 
 
ตอนนี้ทุกธุรกิจจะหันมาทำบนคลาวด์เกือบหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม การท่องเที่ยว โรงพยาบาล ฯลฯ แนวโน้มนี้เห็นได้ชัดว่าต่อไปในอนาคตธุรกิจคลาวด์หรือการเก็บข้อมูลทั้งหมดจะไปรวมอยู่ที่เพียงไม่กี่เจ้าเท่านั้น นั่นคือ  Amazon, Google, Microsoft และที่กำลังจะมาก็คือ Alibaba และ Tencent ค่ายจีนก็กำลังเริ่มเข้ามาแล้ว 

ภาพจาก bit.ly/2wZ9F4D
 
เราคงหลีกหนีเทรนด์นี้ไม่ได้ ต้องยอมรับว่าข้อมูลของทุกบริษัทจะขึ้นไปอยู่บนคลาวด์หมด เพราะบริษัทต่าง ๆ เริ่มเอาซอฟต์แวร์เข้ามาใช้ และซอฟต์แวร์ยุคใหม่ๆ จะเป็นซอฟต์แวร์ที่อยู่บนคลาวด์ทั้งนั้น ตัวอย่างการใช้คลาวด์ อย่างบางคนที่เคยลงซอฟต์แวร์เกี่ยวกับบัญชีไว้ที่บริษัท แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้วเพราะซอฟต์แวร์บัญชีเริ่มเป็นคลาวด์มากขึ้น หรือแม้แต่ซอฟต์แวร์เกี่ยวกับงานบุคคล HR ก็มีมากมายจริง ๆ และตอนนี้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยก็หันไปใช้ซอฟต์แวร์บนคลาวด์มากขึ้น 
 
ซอฟต์แวร์ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ ข้อมูลส่วนใหญ่แทบไม่ได้เก็บอยู่บนเซิร์ฟเวอร์ไทย และในอนาคตจะไปอยู่บนคลาวด์และอยู่ภายใต้ผู้ให้บริการเพียงไม่กี่เจ้าจริง ๆ ต้องยอมรับเลยว่าบางธุรกิจก็อาจจะหายไปด้วย และจะไปอยู่ในมือต่างชาติแบบเบ็ดเสร็จด้วย
 
ในเรื่องของข้อมูลจะมีความเสี่ยงด้วยหรือไม่
 
ภาพจาก bit.ly/2x8eF6T

แม้ว่าต่อไปการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ จะง่ายมากขึ้น แต่ก็จะมีระบบป้องกันความเสี่ยงหรือ security ต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นตามมาด้วย อย่างตอนนี้มีเครื่องมือในการล็อกการเข้าถึงต่าง ๆ เช่น ในโทรศัพท์มือถือจะมี OTP และต่อไปจะมี fingerprint บ้าง retina scan บ้าง ระดับของการรักษาความปลอดภัยจะมีมากขึ้น ๆ 
 
แต่โอกาสของการรั่วไหลของข้อมูลก็อาจมีด้วยเหมือนกัน เพราะว่าข้อมูลจากเดิมจะถูกเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ของบริษัท เมื่อแนวโน้มบริษัทต่าง ๆ จะมาใช้คลาวด์มากขึ้น หากการบริหารไม่ดีพอโอกาสที่ข้อมูลจะออกไปข้างนอกก็เกิดขึ้นได้ 
 
ฉะนั้น บริษัทต่าง ๆ ต้องกลับมาดูว่านโยบายหรือกฎต่าง ๆ ที่มาดูแลข้อมูลเหล่านี้จะทำอย่างไรได้บ้าง อย่างบริษัทที่เป็นพวกธนาคาร สถาบันการเงิน พวกนี้มีกฎระเบียบที่รุนแรงมาก เช่น เมื่ออยู่ในธนาคารห้ามแชร์ข้อมูล หรือห้ามเข้า dropbox หรือ google drive เด็ดขาด ต้องกลับมาดูว่าบริษัทของคุณมีการบริหารข้อมูลเหล่านี้ดีหรือยัง
 
หากคุณต้องการใช้ซอฟต์แวร์สักตัวแล้วจะมาติดตั้งในบริษัท ผมบอกได้เลยว่าหมดยุคของการมาติดตั้งแล้ว เพราะแนวโน้มของการใช้ซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ในธุรกิจยุคนี้เป็นคลาวด์จะดีกว่า ง่ายกว่า แต่การใช้งานแบบคลาวด์ก็มีทั้งข้อดีและข้อด้อย ข้อดีคือ จัดการง่าย แต่หากจัดการไม่เป็นโอกาสที่ข้อมูลอาจหลุดรั่วออกไปข้างนอกได้เหมือนกัน 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
609
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
507
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
425
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
410
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด