บทความทั้งหมด    บทความแฟรนไชส์    การเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์    เรื่องราวความสำเร็จ
5.4K
2 นาที
8 เมษายน 2553

แฟรนไชส์ (Franchise) ธุรกิจสำเร็จรูป?

มีบุคคลได้กล่าวเอาไว้ว่า "ถ้าเราต้องการเริ่มธุรกิจด้วยตัวเราเอง โอกาสประสบความสำเร็จมี 20% ถ้าเราซื้อกิจการที่เขาดำเนินงานอยู่แล้วมาดำเนินงานต่อ โอกาสประสบความสำเร็จมี 50% แต่ถ้าเราซื้อแฟรนไชส์ โอกาสประสบความสำเร็จมีถึง 80%"

จากคำกล่าวข้างต้นนี้อาจจะทำให้ใครหลายๆคนเข้าใจว่า ธุรกิจแฟรนไชส์นั้นเปรียบเสมือนธุรกิจสำเร็จรูป ที่ถ้าหากใครได้ซื้อแฟรนไชส์ไปดำเนินธุรกิจแล้ว ก็จะประสบความสำเร็จทุกรายไป แต่อย่าลืมว่าโอกาสที่คุณจะไม่ประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจแฟรนไชส์นั้นยังมีอยู่ถึง 20% ดังนั้นหากใครที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ แต่ไม่อยากจะเป็นส่วนหนึ่งใน 20% ที่ไม่ประสบความสำเร็จ ก็ควรที่จะทราบว่าต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง แต่ก่อนอื่นคุณควรทราบถึงแนวโน้มของธุรกิจแฟรนไชส์ของประเทศไทยในปัจจุบันเสียก่อน ว่ามีทิศทางการเจริญเติบโตอย่างไรบ้าง

จากผลพวงทางด้านปัญหาเศรษฐกิจในหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้ที่ผันตัวเองจากการทำงานในบริษัท หันมาเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัวเป็นจำนวนมากขึ้น ถ้าใครคนใดไม่ได้มีพื้นฐานความรู้หรือประสบการณ์ ก็คงเป็นเรื่องลำบากที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ จึงมีบุคคลส่วนหนึ่งคิดที่จะเริ่มต้นธุรกิจด้วยการซื้อแฟรนไชส์ ซึ่งมีทั้งแฟรนไชส์ที่เป็นของคนไทยเองและแฟรนไชส์จากต่างประเทศ บวกกับการสนับสนุนจากภาครัฐ

เช่น นโยบายส่งเสริม SMEs ของรัฐบาล ทำให้หลายหน่วยงานหันมาจับโครงการแฟรนไชส์ เป็นจุดในการส่งเสริม SMEs ปัจจุบันจึงมีผู้ประกอบการนิยมประกอบธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์มากขึ้น ทั้งเป็นผู้ให้สิทธิ์ (Franchiser) และผู้รับสิทธิ์ (Franchisee) ซึ่งในประเทศไทยมีธุรกิจแฟรนไชส์ อยู่ประมาณ 230 กิจการ เป็น แฟรนไชส์ของคนไทยประมาณ 140 กิจการ และมีแนวโน้มว่าในอนาคตธุรกิจแฟรนไชส์จะมีการขยายตัวกว่า 30%

จากการขยายตัวของระบบธุรกิจแบบแฟรนไชส์ดังกล่าว ส่งผลให้ในแต่ละปีมีแฟรนไชส์ใหม่ๆออกมาให้เลือกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟรนไชส์ของคนไทยซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแฟรนไชส์ประเภทอาหาร ตัวอย่างเช่น "หมูย่างเฉพาะกิจ" แฟรนไชส์หมูย่าง 6 รส ที่ปรับเปลี่ยนเมนูข้าวเหนียว-หมูย่างธรรมดาๆ ให้ไม่ธรรมดา ที่ใช้เวลาเพียง 2 ปี แต่สามารถขยายแฟรนไชส์หมูย่างเฉพาะกิจได้กว่า 78 แห่งทั่วประเทศ หรือการเข้ามาทำธุรกิจแฟรนไชส์ของดารานักร้อง

เช่น ข้าวมันไก่เจมส์ ของนักร้องชื่อดังเจมส์-เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ก็เป็นการปลุกกระแสธุรกิจแฟรนไชส์ได้พอสมควร นอกจากนี้ยังมีแฟรนไชส์อื่นๆ อาทิ สะเต๊ะทูเดย์ ร้านแมลงอินเตอร์ บ้านดอยตุงคอฟฟี่ โจ๊กกองปราบ บะหมี่เกี๊ยวแชมป์โลก เฉาก๊วยธัญพืช ข้าวมันไก่หงษ์ทอง ก๋วยเตี๋ยวปลาดอกเตอร์ ก๋วยเตี๋ยวเรือคุณหมอ และอีกมากมาย

แต่แฟรนไชส์ก็ไม่ใช่ธุรกิจสำเร็จรูป ที่เป็นสูตรสำเร็จในการเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวเสมอไป เพราะปัจจุบันนี้มีธุรกิจหลายแห่งใช้คำว่า "แฟรนไชส์" มาโฆษณาเพื่อขยายธุรกิจหรือขายสินค้า โดยไม่ได้มีความรู้และระบบมารองรับ ดังนั้นถ้าหากคุณต้องการที่จะลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ ก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำการศึกษาและทำความเข้าใจกับระบบแฟรนไชส์ รวมถึงธุรกิจที่จะเข้าไปลงทุนเสียก่อน จะได้ไม่ต้องเสี่ยงกับปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง

อันดับแรกคุณควรที่จะทำการตรวจสอบดูตัวเองก่อน ว่ามีความเหมาะสมกับการทำธุรกิจแฟรนไชส์มากน้อยเพียงใด พร้อมที่จะเป็นนักธุรกิจแฟรนไชส์ที่ดีได้หรือไม่ เพราะการทำธุรกิจประเภทนี้ นอกจากจะต้องมีเงินลงทุน ซึ่งถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญแล้ว คุณควรจะมีคุณสมบัติต่างๆเหล่านี้ด้วย 

  1. มีความรู้ ทักษะ หรือประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่จะลงทุน ถ้าคุณไม่เคยมีประสบการณ์ในธุรกิจด้านนั้นๆมาก่อน ก็ควรที่จะมีการศึกษาเพื่อทำความเข้าใจกับระบบแฟรนไชส์และธุรกิจที่จะไปลงทุนพอสมควร
  2. มีความตั้งใจจริงและมุ่งมั่นเพื่อความสำเร็จ ถือเป็นพลังผลักดันสำคัญที่จะทำให้คุณสามารถต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ เพื่อไปถึงจุดมุ่งหมายได้อย่างไม่ท้อถอย 
  3. เป็นผู้ที่มีความอดทน และยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น การทำธุรกิจแฟรนไชส์เป็นการทำธุรกิจระหว่างบุคคลสองฝ่าย เปรียบเสมือนการเข้าร่วมธุรกิจของคนอื่น ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น อีกทั้งจะต้องมีความอดทนต่อภาวะความเครียดและแรงกดดันต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
  4. ติดตามการเปลี่ยนแปลงและมีการเรียนรู้อยู่เสมอ ถึงแม้ว่าธุรกิจแฟรนไชส์จะมีการจัดระบบและการจัดอบรมให้ แต่ Franchisee ก็ต้องมีการศึกษาเพื่อทำความเข้าใจ รวมถึงต้องมีการติดตามการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของสังคมได้
  5. มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ในการดำเนินธุรกิจนั้นคุณจะต้องทำงานร่วมกับบุคคลจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นพนักงานของคุณเอง พนักงานของ Franchiser และที่สำคัญที่สุดคือ ลูกค้า

เมื่อคุณได้ทำการตรวจสอบตัวเองแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการตรวจสอบแฟรนไชส์ที่คุณจะเลือกซื้อ โดยคุณจะต้องพิจารณาเลือกแฟรนไชส์ที่มีความเหมาะสมและน่าลงทุนมากที่สุด เกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณาได้แก่

  1. สินค้าหรือบริการต้องมีจุดเด่นหรือมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน (Competitive Advantage)
  2. มีการถ่ายทอดความรู้หรือ Know-How ที่เป็นระบบ สามารถนำไปปฏิบัติได้ง่าย
  3. มีตัวอย่างของความสำเร็จในรูปของผลกำไรแสดงให้เห็น ไม่ใช่ดูจากจำนวนสาขาเพียงอย่างเดียว
  4. เป็นแฟรนไชส์ที่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจเป็นระยะเวลาพอสมควร (อย่างน้อย 2 ปี)
  5. มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี เป็นแฟรนไชส์ที่เป็นที่นิยมและยอมรับของผู้บริโภค
  6. เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเจริญเติบโตในอนาคต
  7. เป็นธุรกิจที่มีการพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ใหม่ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา
นอกเหนือจากการตรวจสอบตัวเองและการพิจารณาแฟรนไชส์ที่จะเลือกซื้อแล้ว ยังจะต้องมีการพิจารณาถึงทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม ศึกษาข้อมูลจาก Franchiser ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ มีการไปเยี่ยมชม พูดคุยกับ Franchiser และ Franchisees รายอื่นๆ เพื่อเป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจ รวมไปถึงการตรวจสอบในรายละเอียดและข้อตกลงต่างๆในสัญญา

ด้วยเหตุนี้การที่คุณซื้อธุรกิจแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จหรือมีชื่อเสียง ก็มิได้หมายความว่าคุณจะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับรายอื่นๆ ธุรกิจแฟรนไชส์จึงไม่ใช่ธุรกิจสำเร็จรูปหรือสูตรสำเร็จในการดำเนินธุรกิจเสมอไป ถ้าหากคุณปราศจากการศึกษา วางแผน และค้นหาข้อมูลที่เพียงพอ


อ้างอิงจาก อรศิริ ลีลายุทธชัย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่

บทความแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
6 แฟรนไชส์บริการ! สร้างรายได้ 24 ชม.
849
ลงทุนตามเทรนด์ฮิต! 7 แฟรนไชส์ไอเดียเงินล้าน ปี ..
592
ตั้งแถวใหม่ 10 แฟรนไชส์ น่าลงทุน ครึ่งปีหลัง 68
510
แฟรนไชส์ชาจีน Good Me 古茗 ดังจนถูกก๊อป 600 สาขา
484
“ปิ้งย่าง” ธุรกิจหมื่นล้าน! มีแฟรนไชส์ไหน น่าลง..
472
Shake Shack จากรถเข็นขายฮอทดอกในนิวยอร์ก สู่แฟรน..
447
บทความแฟรนไชส์มาใหม่
บทความอื่นในหมวด