|
|
16 พฤศจิกายน 2558 |
อีซี่คัท 100 บาท...ราคาเดียว สหพัฒน์ ลุยธุรกิจร้านตัดผม
เพราะการใช้ชีวิตในสังคมยุคใหม่นั้นมีความเร่งรีบมากขึ้น โดยเฉพาะในสังคมเมือง ที่ดูจะรีบเร่งเป็นพิเศษ สินค้าและบริการหลายประเภท จึงได้หันมาคำนึงถึงการตอบโจทย์เรื่อง "ความสะดวกสบาย" ให้กับผู้บริโภค ทั้งเครื่องสำอาง สกินแคร์ ฯลฯ ไปจนถึง "ร้านตัดผม"
ควบคู่กับความต้องการของคนในปัจจุบัน จำนวนไม่น้อยที่สนใจที่ความสะดวก รวดเร็ว และที่สำคัญต้อง "ประหยัด" เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์เศรษฐกิจในตอนนี้ด้วย กลายเป็นช่องว่างโอกาสทางธุรกิจของกลุ่ม "สหพัฒน์" ยักษ์ใหญ่วงการสินค้าอุปโภคบริโภค ที่เตรียมดันธุรกิจร้านตัดผม "อีซี่ คัท" ที่ได้ทดลองทำมาสักระยะแล้วนั้นสำหรับลุยเต็มรูปแบบต่อจากนี้
โมเดลของร้าน "อีซี่ คัท" ถูกนำเสนอขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว ผ่านพื้นที่ร้านขนาดกะทัดรัด ตั้งอยู่ในโลเกชั่นที่ทราฟฟิกมีความเร่งรีบอย่าง รถไฟใต้ดิน หรือห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ
"มานพ ภู่ทอง" ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ อีซี่ คัท บริษัท โอซีซี จำกัด (มหาชน) อธิบายถึงที่มาที่ไปของร้านนี้ว่า เดิมทีร้านดังกล่าวได้เปลี่ยนชื่อมาจาก "คิวบี เฮาส์" ร้านตัดผมด่วน การันตีความรวดเร็วที่ 10 นาทีต่อการตัด 1 ครั้ง โดยได้รับสิทธิ์แฟรนไชส์มาจากญี่ปุ่น เป็นการลงทุนร่วมกันระหว่างคิวบี เน็ต ประเทศญี่ปุ่น และเครือสหพัฒน์เมื่อ 10 ปีที่แล้ว
แต่พฤติกรรมคนในตอนนั้นยังไม่ตอบรับกับไอเดียดังกล่าวนัก เพราะรูปแบบของร้านคล้ายกับคีออสก์ที่มีตู้ สำหรับตัดผมมาตั้งไว้ และต้องทำการจ่ายเงินผ่านเครื่องหยอดธนบัตรให้กับตู้ดังกล่าวเพื่อรับบัตรคิวเข้ารับบริการ ทำให้ทางญี่ปุ่นถอนทุนคืนไปหลังทำธุรกิจได้ 5 ปี
จากนั้นจึงได้เปลี่ยนชื่อร้านเป็น "อีซี่ คัท" ภายใต้โนว์ฮาวจากคิวบีเฮาส์ โดยยังคงการให้บริการพื้นฐานไว้เหมือนเดิม แต่ตกแต่งให้สวยงาม มีความทันสมัย และเปลี่ยนจากการทำธุรกิจในรูปแบบของบริษัท มาเป็นแผนกหนึ่งในโอซีซีเมื่อปีที่ผ่านมา "มานพ" ระบุว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเริ่มเห็นชัดว่าไลฟ์สไตล์คนมีความเร่งรีบขณะเดียวกันก็เปิดรับ และคุ้นชินกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทำให้อีซี คัท เริ่มมีลูกค้าหนาแน่นมากขึ้น
และที่สำคัญค่าบริการ 100 บาทราคาเดียวต่อครั้ง ยังตอบโจทย์เรื่องความคุ้มค่าสำหรับผู้ที่ระมัดระวังการจับจ่ายในช่วงนี้ด้วย
โดยกลุ่มลูกค้าหลักยังคงเป็นผู้ชาย 80-90% เนื่องจากบริการของทางร้านเป็นการตัดเพื่อเก็บทรง มากกว่าการตัดแฟชั่นหรือเปลี่ยนทรงผม รวมถึงไม่มีบริการสระและจัดแต่งทรง ซึ่งลูกค้าผู้หญิงยังคงต้องการบริการเหล่านี้อยู่
ปัจจุบันอีซี่ คัท มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเฉลี่ย 20-25 คนต่อวัน จากจำนวนสาขาทั้งสิ้น 9 สาขา อาทิ MRT พระราม 9 และสุขุมวิท, ยูเนี่ยนมอลล์, ธนิยะ พลาซ่า, เซ็นทรัลชลบุรี เป็นต้น ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงต้องการเปิดสาขาใหม่ ๆ ออกไปรับกับความต้องการที่มีอยู่ โดยวางแผนว่า 5 ปีต่อจากนี้จะขยายเพิ่มปีละ 10 สาขา ลงทุนสาขาละประมาณ 500,000 บาท
พื้นที่เป้าหมายมีทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า หรือระบบขนส่งมวลชนอย่างรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่กำลังพูดคุยถึงการเป็นพาร์ตเนอร์กับทางเมโทรมอลล์ สำหรับโครงการใหม่ ๆ ที่มีแผนจะเปิดตัวในอนาคต
"เรามองว่าตลาดร้านตัดผมที่ให้บริการครบครันมีอยู่เยอะแล้ว ขณะที่ อีซี่ คัท เลือกที่จะตอบโจทย์เฉพาะการตัดเพื่อเก็บทรง เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการเปลี่ยนทรงผม แค่ตัดให้สั้นหรือเข้าทรงมากขึ้น โดยไม่เสียเวลา และประหยัด เหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์และกำลังซื้อในยุคนี้"
แต่อุปสรรคชิ้นใหญ่สำหรับธุรกิจนี้ก็คือเรื่องของ "บุคลากร" จำนวนช่างทำผมที่ขาดแคลนเป็นปัญหาหลักที่ทำให้ไม่สามารถขยายสาขาได้ตามที่ต้องการได้ตามที่ตั้งเป้าเอาไว้
การดึงคนเข้ามาและรักษาให้อยู่ต่อไปได้นานๆ"มานพ" ชี้ว่า ได้พยายามใช้การบอกปากต่อปากระหว่างช่างทำผมด้วยกัน โดยข้อเสนอของบริษัทคือรายได้ต่อเดือนเมื่อรวมค่าคอมมิสชั่นแล้วไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท และสวัสดิการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประกันกลุ่ม วันหยุด สัมมนา หรือการจัดทริปไปเที่ยว ซึ่งในระยะยาวแล้วมีความมั่นคงกว่าร้านทั่วไป
ในขณะที่งบฯการลงทุนนั้นได้รับการไฟเขียวจาก "บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา" ประธานเครือสหพัฒน์ และ "ธีรดา อำพันวงษ์" กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอซีซี อย่างเต็มที่ พร้อมกับทีมประชาสัมพันธ์ที่จะเข้ามาดูแลเรื่องการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
ปีหน้าจะได้เห็นการบุกตลาดอย่างเต็มที่ของอีซี่ คัท เพราะโอกาสในตลาดยังมีอยู่อีกมหาศาล จากไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป
อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://goo.gl/vhrKPd
|
|
|
|
|
|
|
|
156,450
