นายธีรวุฒิ ขวัญเมือง ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท มายเปย์ จำกัด
 

 

ไม่ใช่เรื่องแปลกของคนไทยสำหรับตู้เติมเงินมือถือที่เห็นได้ตามแหล่งชุมชนต่างๆ ขณะที่ในต่างประเทศตู้ลักษณะนี้ได้ถูกพัฒนาเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานให้หลากหลายมากขึ้น ล่าสุดผู้บริหาร MyPay “นายธีรวุฒิ ขวัญเมือง” ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท มายเปย์ จำกัด เห็นโอกาสเติบโตในธุรกิจดังกล่าว คิดประยุกต์ตู้เติมเงินให้มีความครบวงจร และเพิ่มความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้งาน จึงนำเอาเทคโนโลยีจากต่างประเทศเข้ามาเพื่อสร้างความแตกต่าง
 

 
 

“จากเดิมตู้เติมเงินในไทยยังต้องใช้เหรียญในการชำระค่าบริการต่างๆ หรือการเติมเงินมือถือ ซึ่งผมมองว่าเป็นวิธีการที่ไม่ค่อยสะดวกนัก ซึ่งหากมีตู้ที่สามารถรับธนบัตรได้จะเพิ่มความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้งานได้มากขึ้น ดังนั้นผมจึงได้นำเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ร่วมกับวิศวกรไทยพัฒนาระบบตู้เติมเงินออนไลน์ขึ้น ภายใต้ชื่อ MyPay และเปิดโอกาสให้ผู้สนใจลงทุนในธุรกิจนี้ โดยการซื้อตู้ไปตั้งตามชุมชน และแหล่งที่นักท่องเที่ยวต่างชาติอาศัยอยู่เยอะเพื่อการคืนทุนที่รวดเร็ว”

 

สำหรับตู้ชำระเงินออนไลน์ MyPay จะให้บริการลูกค้าที่หลากหลาย ได้แก่ 1. บริการทางด้านการเติมเงินโทรศัพท์มือถือ AIS, TRUE, DTAC จ่ายบิลค่ามือถือระบบรายเดือน AIS และอื่นๆ 2. ซื้อรหัสอินเทอร์เน็ตไร้สาย CAT Wi-Fi, 3BB Wi-Fi, TOT 3. ซื้อรหัสสำหรับเติมเงินในเกมออนไลน์ Winner Online, @Cash, Cookie card, Garena 4. ซื้อรหัสสำหรับโทร.ออกต่างประเทศ TollD, CAT PhoneNet, iTalk เป็นต้น 5. บริการเติมเงินออนไลน์ True Money 6. บริการ iTune Gift Card สำหรับซื้อเพลง และ Application ต่างๆ และ 7. ซื้อรหัส Skype โทร.ระหว่างประเทศ เป็นต้น
 

 

 

เมื่อเป็นน้องใหม่ในวงการตู้ชำระเงินออนไลน์ ความแตกต่างจากผู้ค้าที่มีอยู่เดิมจึงเป็นเรื่องสำคัญ นายธีรวุฒิบอกว่า นอกจากการบริการที่ไม่ต้องใช้เหรียญแล้ว ตู้ MyPay ยังไม่คิดค่าบริการจากลูกค้าสำหรับค่าบริการมือถือ ทำให้ลูกค้าไม่ต้องเตรียมเหรียญมาเพื่อหยอดเพิ่มเติม มีเครื่องรับธนบัตรที่มีประสิทธิภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่นเพื่อลดปัญหาที่จะเกิดขึ้น เช่น สามารถตรวจแบงก์ปลอมได้ มีอุปกรณ์ป้องกัน ไม่ให้พนักงานเก็บเงินจับเงินได้โดยตรง รวมถึงสามารถเพิ่มจำนวนของบริการหรือสินค้าภายในเครื่องเพิ่มได้ไม่จำกัด ซึ่งจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ผู้ลงทุนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และมี Call Center ตลอด 24 ชั่วโมง

 

“ด้วยบริการที่หลากหลายรองรับความต้องการของลูกค้าด้านการชำระเงินออนไลน์ได้ครบวงจร ทางบริษัทฯ จึงนำร่องติดตั้งตู้ MyPay ที่พัทยา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับดีมาก เพราะลูกค้าชอบ ในด้านความเร็ว และความง่ายในการใช้งาน ทำให้มียอดที่เติมเงิน เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทางบริษัทจึงได้ขยายการติดตั้งเพิ่มขึ้นอีกทั่วพัทยา จนปัจจุบันมีให้บริการมากกว่า 200 ตู้แล้ว หลังจากนั้น ก็มีการขยายการติดตั้งตู้ MyPay ในพื้นที่ภูเก็ต ในระยะเวลา 1 ปี จนปัจจุบันมีตู้ MyPay ให้บริการกว่า 150 ตู้แล้ว ส่วนในกรุงเทพฯ มีกว่า 200 ตู้ ซึ่งมีทั้งบริษัทเป็นเจ้าของเอง และของผู้ลงทุน บริเวณ Family mart , Top Supermarket, เมเจอร์เอกมัย เมเจอร์รัชโยธิน สถานีรถไฟใต้ดิน (MRT) เอสพลานาด แคราย เจเจมอล มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และแหล่งชุมชนทั่วไป”
 

 
 

จากสถิติของการให้บริการ ที่ผ่านมายอดเงินที่ผู้ใช้จ่ายผ่านตู้เฉลี่ยอยู่ที่ 60-100 บาทต่อครั้ง ประมาณ 30 ครั้งต่อวัน ซึ่งหากคำนวณรวมกับรายได้ที่เกิดจากการจ่ายบิลแล้วจะให้เวลาคืนทุนประมาณ 1 ปี สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มรายได้จากตู้ MyPay ต้องการเป็นตัวแทนจำหน่ายในเขตพื้นที่ของตนสามารถเลือกการลงทุนได้ใน 2 รูปแบบ หลัก คือ เป็นเจ้าของตู้เอง หรือเป็นตัวแทนจำหน่าย โดยในส่วนของการเป็นเจ้าของตู้เอง ทางบริษัทจะจำหน่ายตู้ MyPay ในราคาประมาณตู้ละ 69,000 บาท ซึ่งผู้ลงทุนสามารถเลือกชำระเงินสด หรือใช้ระบบผ่อนชำระได้

โดยเจ้าของตู้เองจะมีรายได้จาก 1. รายได้จากค่า Commission 5% ของยอดการจ่ายค่ามือถือทุกค่าย 2. รายได้จากบริการอื่นๆ นอกเหนือจากบริการมือถือ เฉลี่ย 10% 3. รายได้ของทุกบิล 5 บาทต่อบิล และ 4. รายได้จากการขายโฆษณาที่แสดงบนหน้าจอ ส่วนการเป็นตัวแทนจำหน่าย สามารถเป็นตัวแทนจำหน่ายแบบอิสระ และได้รับส่วนต่างพิเศษได้ หรือการเป็นตัวแทนประจำเขตพื้นที่ที่ได้รับสิทธิพิเศษในการสนับสนุนจากทีมงานส่วนกลาง
 

 
 

ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้อย่างลงตัว รวมถึงยังสอดรับกับโลกยุคไซเบอร์ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน ทำให้ MyPay เป็นธุรกิจที่น่าจับตามองไม่น้อย

 

ผู้สนใจติดต่อได้ที่โทร. 08-7698-7766, 0-2107-0444 หรือที่ http://mypay.asia

อ้างอิงจาก ผู้จัดการ Online