กาแฟเปอร์เซีย แค่ได้กลิ่นต้องลิ้มลอง น้องใหม่จากชาอินเดีย แฟรนไชส์ HOT!! แห่งปี

ด้วยความหอมของใบชา บวกกับกลิ่นหอมของสมุนไพรหลายชนิดกับรสชาติที่กลมกล่อมผสานกันอย่างลงตัว ทำให้วันนี้น้อยคนนักที่ไม่รู้จัก “The Indian Tea” แฟรนไชส์ที่มาแรงแห่งปี

รู้จักกับชาอินเดียและกาแฟเปอร์เซีย

คุณมาโนช อัทมารามานี หนุ่มนักบริหารเชื้อสายอินเดีย เจ้าของแฟรนไชส์ชาแท้ชื่อดังจากแดนภารตะ “The Indian Tea” รายแรกและรายเดียวในเมืองไทย ร้าน“The Indian Tea” เริ่มต้นเมื่อปี 2547 โดยเปิดขายที่ตลาดหลังการบินไทย ซึ่งเมื่อก่อนมีชาถึง 10 รส หลังจากที่ได้ทดลองเปิดขายมา ทำให้รู้ว่ารสชาติยอดนิยมมีอยู่ 5 รสชาติคือ ชานม มาซาล่า Masala Milk Tea, ชานม การ์ดาม่อน Cardamom Milk Tea, ชานม น้ำผึ้ง Honey Milk Tea, ชาน้ำผึ้งมะนาว Honey Lemon Tea และ ชาดำ Black Tea ที่ผสมสมุนไพรต่างๆ เช่น อบเชย กานพลู ใบเบย์ ขิง พริกไทยดำ กระวาน น้ำผึ้ง ฯลฯ ซึ่งเมนูทั้งหมดขายดีมาจนถึงปัจจุบัน คุณมาโนช กล่าว
 

หลังจากที่แฟรนไชส์ “The Indian Tea” เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางของนักดื่มชา คุณมาโนชเองก็ยังไม่หยุดที่จะค้นคว้าและพัฒนาเมนูอย่างต่อเนื่อง จนได้พบกับ “กาแฟเปอร์เซีย” (Persian Coffee) ซึ่งในปัจจุบันจะหากาแฟเปอร์เซียแท้ๆดื่มซักแก้วต้องบอกว่าหาได้ยากจริงๆ หลังจากที่คุณมาโนชได้ลิ้มลองรสชาติของกาแฟเปอร์เซีย เขาก็ได้หลงเสน่ห์และได้ตัดสินใจลงมือศึกษาอย่างจริงจัง ขณะเดียวกันก็มีลูกค้าหลายรายที่ต้องการมีเมนูกาแฟเพิ่มเติมจากร้านชาที่มีอยู่แล้ว คุณมาโนชจึงตัดสินใจทดลองเพิ่มเมนูกาแฟเปอร์เซียในร้าน The Indian Tea นี่เอง
 

ต้นกำเนิดกาแฟเปอร์เซีย

“กาแฟเปอร์เซีย” (Persian Coffee) มาจากวัฒนธรรมของชาวเบดูอิน ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์หลักที่อาศัยในดินแดนทะเลทราย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งคือชาวเปอร์เซียโบราณ ในปัจจุบันคือดินแดนหรือกลุ่มประเทศตะวันออกกลางนั่นเอง

การรับรองแขกของชาวเบดูอินที่มาเยี่ยมเยือน ด้วยกาแฟแบบเปอร์เซีย ซึ่งมีกลิ่นหอมชวนรับประทาน นั้นถือเป็นการให้เกียรติอันสูงสุดต่อแขก และชาวเบดูอินนั้นยังมีธรรมเนียมข้อหนึ่งว่าหากชายหนุ่มเสนอกาแฟให้หญิงสาว แล้วหญิงสาวรับ หมายความว่าหญิงนั้นต้องแต่งงานกับหนุ่มผู้ให้ การแต่งงานจะต้องกำหนดสินสอดเป็นจำนวนแพะหรือแกะตามแต่ระบุ และต้องจัดพิธีฉลอง 3 วัน 3 คืน ในกระโจมหนังขนาดยาวของพวกเขา
 

อีกทั้งยังมีสรรพคุณที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายด้วยสมุนไพรใน “กาแฟเปอร์เซีย” นั้น เช่น ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย บำรุงธาตุ บำรุงร่างกาย บำรุงหัวใจ แก้แพ้ แก้หวัด และคายความร้อนในร่างกายได้เป็นอย่างดี ซึ่งเหมาะกับประเทศไทยเรา ที่มีอากาศร้อนมาก แม้จะไม่เท่ากับอากาศในทะเลทรายก็ตาม คุณมาโนชเล่า

โดยจุดเด่นของกาแฟเปอร์เซียคุณมาโนชบอกว่า “เราเลือกใช้เมล็ดกาแฟพันธ์ดีเยี่ยมจากภาคใต้ของเรา ผสมกับสมุนไพรนำเข้าที่ไม่มีในเมืองไทย ซึ่งเป็นกาแฟรายเดียวในเมืองไทยที่ใช้สูตรกาแฟสูตรนี้ ความหอมของกาแฟเอง บวกกับความหอมของสมุนไพร รับรองว่าถ้าได้กลิ่นแล้วต้องอยากลิ้มลองแน่นอน”

หลังจากที่คุณมาโนชได้เปิดเมนูกาแฟเพิ่มกับแฟรนไชส์ 5 สาขา จาก 41 สาขาที่มีในปัจจุบัน ก็เห็นถึงผลการตอบรับที่ดีเกินคาดของผู้บริโภค ก็เลยเปิดอบรมเมนูกาแฟเพิ่มสำหรับร้านแฟรนไชส์ของ The Indian Tea เอง ซึ่งเริ่มทยอยเข้ามาอบรมกันมากขึ้นเรื่อยๆ “ร้านที่เปิดขายเมนูกาแฟเปอร์เซียไปแล้ว อย่างที่สาขาอุบลฯ ยอดขายดีมาก ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว เพราะปัจจุบันคนดื่มกาแฟกันมากอยู่แล้ว ตลาดกาแฟแบบนี้จึงเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างลงตัวและชัดเจน ซึ่งผลคือยอดขายมากขึ้นเป็นทวีคูณ

การร่วมลงทุน

การลงทุนกับแฟรนไชส์ The Indian Tea มาโนช์กล่าวว่า “ในปีนี้เราจะสร้างความโดดเด่นมากขึ้นในแฟรนไชส์ของ The Indian Tea และยิ่งมีกาแฟเปอร์เซีย มาเสริมความแข็งแกร่งอีกแรง การร่วมลงทุนกับเราก็มีอยู่ 3 รูปแบบซึ่งจะมีการเริ่มปรับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2553นี้คือ

รูปแบบแรกคือลงทุนแค่ 9,000 บาท เราอบรมสูตรชา-กาแฟ พร้อมวัตถุดิบทั้งหมด มีป้ายร้าน ป้ายโลโก้ และป้ายเมนูตั้งพื้นให้ เหมาะสำหรับคนที่มีร้านชา ร้านเบเกอร์รี่ หรือร้านกาแฟอยู่แล้ว และต้องการเพิ่มหรือเสริมเมนูกาแฟเปอร์เซีย และชาอินเดียเข้าไป จะไม่มีให้ก็แค่อุปกรณ์เท่านั้นเอง ซึ่งก็ส่วนใหญ่จะมีอยู่แล้ว หรือสามารถหาซื้ออุปกรณ์ที่ต้องใช้เพิ่มเติมเองได้ด้วยคำแนะนำจากทางเรา

รูปแบบที่สอง ก็ลงทุน 19,000 บาท เราอบรมสูตร ชา-กาแฟ พร้อมวัตถุดิบ และป้ายต่างๆเหมือนแบบแรก แต่จะเพิ่มอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทำทั้งหมดครบชุด ซึ่งสามารถนำไปเปิดขายได้เลย

รูปแบบที่สาม ลงทุน 39,000 บาท ก็คือร้าน The Indian Tea เต็มรูปแบบใช้พื้นที่ประมาณ 2 ตารางเมตร จะมีคีออสให้ พร้อมอุปกรณ์และวัตถุดิบพร้อมขายได้เลย 

การอบรมวิธีการทำนั้นเราใช้เวลา 3 ชั่วโมง เราจะสอนสูตรและวิธีการทำให้ทุกเมนู ทั้งชาและกาแฟ จบแล้วสามารถเปิดร้านได้เลย ซึ่งการลงทุนทั้ง 3 แบบไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มเติม ไม่มีค่าแฟรนไชส์ฟี ไม่มีค่า Royalty Fee ไม่หักเปอร์เซ็นการขาย สามารถเป็นเจ้าของร้านได้เต็มตัว รายจ่ายก็จะมีแค่ตอนสั่งวัตถุดิบเพิ่มเติม อย่างใบชา-กาแฟ ถ้าสั่งซื้อรวมกัน 5 ถุง ขึ้นไป ในกรุงเทพ ก็จะจัดส่งให้ฟรี แต่ถ้าอยู่ต่างจั้งหวัดก็จะเสียค่าจัดส่งตามจริง และในอนาคตเราก็จะเปิดตัวแทนขายทั่วทุกภาค โดยที่ไม่ต้องสั่งซื้อเข้ามาที่สำนักงานในกรุงเทพฯอย่างเดียว ทำให้สะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น และคอยควบคุมมารฐานซึ่งเราก็จะมีทีมงานไปคอยสุ่มตรวจอยู่แล้ว”
 

ระยะเวลาคืนทุน 

 “ระยะเวลาในการคืนทุนขึ้นอยู่กับปัจจัยของทำเล ค่าเช่า และอื่นๆ ส่วนราคาขายปกติ แก้วละ 20 บาท แต่ให้สิทธิแฟรนไชซีปรับราคาได้ตามความเหมาะสมตามสภาพแวดล้อมนั้นๆ โดยทางเราจะให้คำแนะนำโดยละเอียดในวันที่มาอบรม ทั้งนี้ ต้นทุนจริงๆ ต่อแก้วจะอยู่ที่ประมาณ 6 บาท หากขายได้วันละ 20 แก้ว จะคืนทุนค่าแฟรนไชส์ได้ใน 1 เดือน ส่วนทำเลที่ดีคือต้องอยู่ในแหล่งชุมชน ใกล้มหาวิทยาลัย อยู่ในตลาดนัด หน้าร้านต่างๆ หรือถ้ามีทำเลในห้างสรรพสินค้าก็ได้ เรื่องทำเลสามารถโทรเข้ามาปรึกษาได้ หรือถ้าเป็นไปได้ทางเราก็จะไปดูทำเลให้”

ฝากถึงผู้สนใจ

“ท่านที่กำลังคิดที่จะทำธุรกิจใดๆก็ตาม โดยเฉพาะมีอใหม่ทั้งหลาย ยิ่งโดยเฉพาะแล้วที่กำลังหาธุรกิจแฟรนไชส์อยู่ และต้องการที่จะมาเริ่มต้นกับแฟรนไชส์ “The Indian Tea” แล้วอยากจะประสบความสำเร็จ อยากจะฝากว่า จะทำธุรกิจแฟรนไชส์ไหนๆที่มีอยู่มากมายก็ทำได้ทั้งนั้น ขายได้ทั้งนั้น แต่ถ้าจะประสบความสำเร็จ มันมีปัจจัยที่สำคัญคือ 50%แรก ขึ้นอยู่กับทำเล สินค้าน่าสนใจมีจุดเด่นหรือไม่ ค่าเช่า เงินทุนหมุนเวียนฯลฯ และอีก 50% หลังคือความขยัน มุ่งมั่น ตั้งใจ อดทน และพยายามล้วนๆ ถึงจะประสบความสำเร็จ”

สอบถามข้อมูลแฟรนไชส์ โทร.086-777-4973, 084-682-5999

ขอขอบคุณรูปภาพจาก   http://www.theindiantea.com/main/intro.html

ข้อมูลแฟรนไชส์ ชาอินเดีย - กาแฟเปอร์เซีย