บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
269
3 นาที
20 พฤศจิกายน 2568
ร้านต้นแบบ ก่อนขายแฟรนไชส์ ต้องมีจริงหรือ?
 
 
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการจำนวนมากที่อยากขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ หลายคนมีร้านอาหารที่ขายดี คาเฟ่ที่ลูกค้าแน่นร้านตลอดทั้งวัน หรือร้านค้าบริการที่เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย แล้วต่างก็มีคำถามคล้ายๆ กันว่า เราต้องมีร้านต้นแบบก่อนขายแฟรนไชส์ไหม ถ้าระบบยังไม่พร้อม แต่มีคนอยากซื้อแฟรนไชส์แล้วจะขายเลยได้ไหม
 
คำถามเหล่านี้เป็นเรื่องที่หลายคนก็เคยผ่านมากับตัว ตอนเริ่มต้นอยากขยายธุรกิจ แต่ก็เคยลังเลเหมือนกัน เพราะการสร้างร้านต้นแบบมันใช้ทั้งเวลา เงิน และแรงกาย บางครั้งเราก็อยากข้ามขั้นไปขายแฟรนไชส์เลย เพราะดูเหมือนจะทำให้ธุรกิจโตเร็วกว่า

แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราได้เห็นทั้งตัวอย่างของความสำเร็จ และความผิดพลาดของหลายแบรนด์แฟรนไชส์ จนมั่นใจว่า “ร้านต้นแบบ” คือหัวใจสำคัญของระบบแฟรนไชส์ที่ดี และไม่ควรถูกมองข้ามเลย
 
ร้านต้นแบบคืออะไร และทำไมจึงจำเป็นต้องมี
 

ร้านต้นแบบ หรือที่ในวงการเรียกว่า Model Store หรือ Prototype Shop คือ ร้านที่เจ้าของแฟรนไชส์สร้างขึ้นเพื่อทดสอบระบบทุกอย่างของธุรกิจก่อนจะถ่ายทอดให้คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นสูตรอาหาร กระบวนการการทำงานในร้าน รูปแบบการให้บริการลูกค้า รูปแบบหรือโมเดลของร้าน การบริหารจัดการพนักงาน ไปจนถึงระบบหลังบ้านที่ช่วยผู้ซื้อแฟรนไชส์ดำเนินธุรกิจได้ง่ายขึ้น 
 
ร้านต้นแบบ ทำหน้าที่พิสูจน์ว่าธุรกิจแฟรนไชส์แบรนด์นั้น มีความพร้อมและสามารถทำซ้ำ หรือถ่ายทอดให้คนอื่นได้จริง ร้านต้นแบบแฟรนช์ที่ดี คือ หัวใจของการขยายระบบแฟรนไชส์อย่างมั่นคง เพราะมันคือแบบจำลองธุรกิจที่ใช้ทดสอบทุกอย่างตั้งแต่การขายสินค้า ระบบการทำงาน ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ไปจนถึงยอดขายและผลกำไร
 
ร้านต้นแบบ จำเป็นต้องมีองค์ประกอบสำคัญ 3 ส่วน ได้แก่
  1. มาตรฐานสินค้าและการให้บริการลูกค้าที่จะได้รับเหมือนกันทุกสาขา
  2. กระบวนการทำงานที่ชัดเจน จนสามารถถ่ายทอดให้สาขาอื่นทำตามได้
  3. ตัวเลขผลประกอบการที่พิสูจน์ได้ว่า “ทำแล้วมีกำไร” ไม่ใช่แค่ขายได้ ที่สำคัญต้องมีจุดคุ้มทุน (Break-even Point) ชัดเจน และให้ผลตอบแทนการลงทุน (ROI) ที่สมเหตุสมผลสำหรับผู้ซื้อแฟรนไชส์ 
ยกตัวอย่าง...สมมติลงทุนเปิดร้านแฟรนไชส์ 1 สาขา มีค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ดังนี้ 
  1. เงินลงทุนเริ่มต้น 650,000 บาท
  2. ยอดขายเฉลี่ยต่อเดือน 250,000 บาท
  3. ต้นทุนวัตถุดิบ (COGS) 40%
  4. ค่าแรง 40,000 บาท
  5. ค่าเช่า + ค่าน้ำไฟ 25,000 + 5,000 = 30,000 บาท
  6. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ 10,000 บาท
  7. Royalty Fee 5% ของยอดขาย
  8. Marketing Fee 2% ของยอดขาย 
วิธีคำนวณผลตอบแทนการลงทุน (ROI)


 
1. กำไรขั้นต้น (Gross Profit)
  • COGS = 40% ของ 250,000 = 100,000 บาท
  • Gross Profit = 250,000 – 100,000 = 150,000 บาท
2. ค่าใช้จ่ายประจำต่อเดือน (Operating Expenses)
  • ค่าแรง = 40,000 บาท
  • ค่าเช่า/น้ำไฟ = 30,000 บาท
  • ค่าใช้จ่ายอื่น = 10,000 บาท
รวม OPEX = 80,000 บาท

3. ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ต่อเดือน
  • Royalty 5% ของ 250,000 = 12,500 บาท
  • Marketing 2% ของ 250,000 = 5,000 บาท
รวม = 17,500 บาท

4. กำไรสุทธิ (Net Profit)

Gross Profit 150,000 บาท – OPEX 80,000 บาท – Royalty & Marketing 17,500 บาท = 52,500 บาทต่อเดือน
  • กำไรสุทธิ 52,500 / เดือน
  • คิดเป็นสัดส่วน 21% ของยอดขาย
ถือว่า “ดีมาก” ถือเป็นระดับแฟรนไชส์ที่มีศักยภาพ

5. ระยะเวลาคืนทุน 
  • เงินลงทุน 650,000 ÷ กำไรสุทธิ 52,500 = 12.38 เดือน
  • คืนทุนประมาณ 12–13 เดือน
อยู่ในระดับยอดเยี่ยมสำหรับธุรกิจแฟรนไชส์ประเภทร้านอาหาร - ครื่องดื่ม

6. อัตราผลตอบแทนการลงทุน (ROI)
 
กำไรสุทธิรายปี 52,500 × 12 = 630,000 บาท
  • ROI = 630,000 ÷ 650,000 × 100 = 96.9% ต่อปี
  • ROI ประมาณ 97% ต่อปี ถือว่าสูงมาก (แฟรนไชส์ที่ดีมักอยู่ที่ 20–40%) 

ระบบในร้านต้นแบบ ต้องพัฒนาอะไรบ้าง
 
การพัฒนาร้านต้นแบบเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้แบรนด์สามารถขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ระบบภายในร้านต้นแบบจึงต้องได้รับการออกแบบอย่างเป็นมาตรฐาน ครอบคลุมทุกกระบวนการที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับคุณภาพสินค้า การบริหารงาน และความพึงพอใจของลูกค้า
 
1. ระบบที่ต้องพัฒนาในร้านต้นแบบ

เพื่อให้ร้านต้นแบบสามารถถ่ายทอดรูปแบบการดำเนินธุรกิจไปยังสาขาแฟรนไชส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แบรนด์ควรพัฒนาระบบหลัก 4 ส่วนต่อไปนี้ให้ครบถ้วนและเสถียรภาพ

1.1 ระบบงาน (Operations System)

กำหนดขั้นตอนการทำงานอย่างเป็นลำดับ ตั้งแต่การเปิดร้าน การให้บริการ การผลิตสินค้า การจัดการสต็อก ไปจนถึงการปิดร้าน ระบบงานที่ดีต้องลดความซับซ้อน ทำซ้ำได้ง่าย และสร้างผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอ

1.2 บุคลากรและการฝึกอบรม

วางระบบการคัดเลือกพนักงาน การฝึกอบรมทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ รวมถึงการประเมินผล เพื่อให้พนักงานสามารถปฏิบัติงานตามมาตรฐานเดียวกันทุกสาขา ระบบนี้เป็นหัวใจสำคัญของการควบคุมคุณภาพบริการ
 
1.3 ซัพพลายเชน (Supply Chain)
 
ออกแบบระบบจัดซื้อ การจัดส่งวัตถุดิบ อุปกรณ์ และสินค้า รวมถึงแนวทางควบคุมคุณภาพวัตถุดิบให้ได้มาตรฐาน ระบบซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพจะช่วยลดต้นทุน ควบคุมคุณภาพ และรองรับการขยายสาขาได้ในระยะยาว

1.4 การควบคุมคุณภาพ (Quality Control)
 
กำหนดมาตรฐานสินค้า การตรวจสอบคุณภาพการบริการ ภาพลักษณ์ร้าน และบรรทัดฐานที่สาขาต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ระบบนี้ช่วยให้แบรนด์รักษาความเชื่อมั่นของลูกค้าและป้องกันการลดทอนมาตรฐานเมื่อมีสาขาจำนวนมาก 

จัดทำคู่มือปฏิบัติงาน (Operation Manual)
 
หลังจากสร้างระบบในร้านต้นแบบ ต่อไปจัดทำคู่มือปฏิบัติงานที่ถือเป็นเอกสารสำคัญที่สุดของระบบแฟรนไชส์ เพราะเป็นต้นแบบการทำงานที่สาขาแฟรนไชส์ใช้ยึดถือ คู่มือที่ดีต้องมีคุณลักษณะดังนี้
  • มีความละเอียดและชัดเจน ครอบคลุมทุกกระบวนการ
  • ใช้งานได้จริงในสถานการณ์หน้างาน
  • สรุปขั้นตอนการเปิดร้าน การดำเนินงานประจำวัน การบริการลูกค้า การปิดร้าน และการจัดการสต็อก
  • ระบุมาตรฐานสินค้า และ วิธีควบคุมคุณภาพ อย่างเป็นรูปธรรม
  • มีแนวทางแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและวิธีจัดการเหตุการณ์ฉุกเฉิน
คู่มือที่ครบถ้วนจะช่วยให้ทุกสาขาทำงานได้ตามมาตรฐานเดียวกัน และลดความคลาดเคลื่อนในการถ่ายทอดระบบงานได้  
 
 
ก่อนขายแฟรนไชส์ จำเป็นต้องมีร้านต้นแบบ หรือไม่ 
 
จริงๆ แล้วร้านต้นแบบถือเป็นหัวใจสำคัญของการขยายแฟรนไชส์ เพราะมันทำหน้าที่เหมือน “ห้องทดลอง” ของแบรนด์ ช่วยให้เจ้าของธุรกิจตั้งมาตรฐาน ตั้งแต่เมนู การทำงาน การบริการ การตกแต่งร้าน ไปจนถึงวิธีจัดการปัญหาเฉพาะหน้าในร้านจริง

ร้านต้นแบบต้องมีกระบวนการทำงานที่เต็มประสิทธิภาพก่อนจะขยายสาขา ไม่ว่าจะเป็น ระบบการปฏิบัติงานในร้าน หรือ การบริหารคน เพราะทั้งสองอย่างนี้ส่งผลโดยตรงต่อความสำเร็จของแฟรนไชส์ซี 
 
นอกจากนี้ ร้านต้นแบบยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้เห็น “ของจริง” หรือ “ตัวเลขจริง” ว่าธุรกิจทำกำไรได้ ระยะเวลาในการคืนทุนเป็นอย่างไร ระบบงานพร้อมหรือไม่ รวมถึงมีทีมงานที่พร้อมทำงานหรือเปล่า
 
สำหรับระยะเวลาที่ใช้ในการทดสอบร้านต้นแบบ โดยทั่วไปอย่างต่ำประมาณ 1–3 ปี เพื่อดูว่าสถานการณ์ในแต่ละช่วงฤดูกาล ยอดขายจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร กิจกรรมส่งเสริมการขายได้ผลหรือไม่ ตลอดจนสภาวะเศรษฐกิจมีผลต่อยอดขายมากน้อยแค่ไหน ข้อมูลเหล่านี้เป็นตัวช่วยสำคัญเวลานำไปเสนอขายแฟรนไชส์ และช่วยสนับสนุนแฟรนไชซีตลอดอายุสัญญา
 
ตัวอย่างชัดๆ จากแฟรนไชส์ชานม “The Black Dragon”
 

แบรนด์นี้มีสาขามากกว่า 41 แห่งทั่วประเทศ แต่เจ้าของใช้ร้านต้นแบบ 3 สาขา ในการสาธิตระบบและฝึกอบรมแฟรนไชซี
  • สาขาซีคอนฯ ใช้สอนระบบแฟรนไชส์ทั้งหมด และทำเมนูพิเศษ เช่น “ขนมโตเกียว”
  • สาขาโลตัสบางปู และโลตัสซิตี้พาร์คบางพลี ใช้สอนผู้ซื้อแฟรนไชส์ที่สนใจเมนูขนมปัง
ถ้าไม่มีร้านต้นแบบ จะขายแฟรนไชส์ได้หรือไม่
 
คำตอบคือ ได้ 
 
ตัวอย่างแฟรนไชส์ “Five Star” ของเครือซีพี มีสาขามากกว่า 5,000 แห่ง บริษัทแม่ไม่มีร้านต้นแบบ แต่ยังสามารถขายแฟรนไชส์ได้ เพราะมีระบบหลังบ้านที่แข็งแกร่ง มีระบบฝึกอบรมครบครัน และมีทีมงานมืออาชีพคอยซัพพอร์ตแฟรนไชซี
 
แต่สำหรับธุรกิจที่ยังไม่มีระบบมั่นคง “ร้านต้นแบบ” ยังเป็นเครื่องมือที่จำเป็นที่สุด เพราะจะทำให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์เห็นภาพได้ชัด ช่วยลดความเสี่ยง และเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อแฟรนไชส์ได้อย่างมาก
 
  
สรุป 
 
ร้านต้นแบบอาจไม่ใช่ข้อบังคับตามกฎหมาย แต่ในมุมของผู้ประกอบการหลายๆ คนที่ผ่านประสบการณ์จริงมาแล้ว เชื่อว่ามันคือ หลักประกันความสำเร็จของระบบแฟรนไชส์
 
ร้านต้นแบบช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ ช่วยให้แฟรนไชส์ซีมีความมั่นใจในการทำธุรกิจ และที่สำคัญก็คือ ช่วยให้เจ้าของแฟรนไชส์เข้าใจธุรกิจของตัวเองอย่างลึกซึ้ง ก่อนถ่ายทอดระบบการทำงานให้กับคนอื่น
 
เพราะการขายแฟรนไชส์ไม่ใช่การขายแค่ชื่อร้าน หรือสูตรอาหาร แต่คือการขายระบบธุรกิจที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริง
 
ดังนั้น ก่อนจะรีบก้าวไปขายแฟรนไชส์ ลองกลับมาดูให้แน่ใจก่อนว่าร้านต้นแบบของคุณ พร้อมพิสูจน์ความสำเร็จให้ใครเห็นหรือยัง?
 

 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
อวสาน E-commerce ไทย? ต่างชาติรุกหนัก ตลาดไทยกำล..
861
อวสานร้านอาหาร! คนทำทยอยเซ้ง คนเจ๊งทยอยขาย
675
เศรษฐกิจยังทรุด! 9 แบรนด์ดังไทย-เทศ “ปิดกิจการ-ล..
556
จิตวิทยาตั้งราคา! Psychological Pricing ทำให้ลูก..
481
Ediya Coffee (이디야커피) แฟรนไชส์ร้านกาแฟที่มีชื่อเส..
431
โชว์รูมรถ ปี68 ปิดเกือบ 100 หายนะเศรษกิจไทย
429
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด