บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
264
5 นาที
25 พฤศจิกายน 2568
รวมกับดัก ทำให้ธุรกิจร้านอาหารปิดตัว


ธุรกิจร้านอาหารมักถูกมองว่าเป็น “ธุรกิจในฝัน” ของใครหลายคน เพราะใครๆ ก็อยากมีร้านสวย รสชาติอาหารอร่อย และมีลูกค้าแน่นร้าน แต่ในความเป็นจริง การดำเนินธุรกิจร้านอาหารกลับเต็มไปด้วยความท้าทายและความเสี่ยง 
 
หลายร้านแม้เริ่มต้นด้วยแนวคิดที่ดี แต่ก็ต้องปิดตัวลงในเวลาไม่นาน จากกับดักต่างๆ ที่เจ้าของร้านอาจไม่ทันตั้งตัว 
 
สถิติจากสมาคมธุรกิจร้านอาหารในไทยระบุว่า กว่า 60% ของร้านอาหารใหม่ต้องปิดตัวภายใน 3 ปีแรก ขณะเดียวกันในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ก็มีร้านอาหารใหม่เกือบ หนึ่งในสามปิดตัวภายในปีแรก
 
คำถามคือ ทำไมร้านที่รสชาติอร่อย ทำเลดี หรือมีแนวคิดดีๆ ถึงยังล้มเหลว? คำตอบคือ “กับดัก” หลายอย่างที่เจ้าของร้านไม่ทันระวัง บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจ กับดักหลักๆ ของธุรกิจร้านอาหาร พร้อมตัวอย่างจริงและบทเรียนที่ควรรู้
 
สถิติธุรกิจและร้านอาหารในปี 2025
ประเทศไทย
 

ช่วงมกราคม–เมษายน 2568 ธุรกิจทั้งหมด 3,921 แห่งปิดกิจการ เพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567
 
ในจำนวนนี้ ร้านอาหารและบริการอาหารปิดตัว 159 แห่ง มีทุนจดทะเบียนรวมประมาณ 391 ล้านบาท
 
ครึ่งปีแรกของปี 2568 มีธุรกิจปิดทั้งหมด 6,244 แห่ง เพิ่มขึ้น 3.39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในกลุ่มร้านอาหารมีจำนวน 276 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 4.42 ของการปิดทั้งหมด
 
สมาคมผู้ประกอบการร้านอาหารไทย (Thai Restaurant Association) ระบุว่า ตั้งแต่ไตรมาส 2/2568 มีร้านอาหารกว่า 700,000 แห่งได้รับผลกระทบจากยอดขายและรายได้ลดลงเฉลี่ย 25–50% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
 
ตัวอย่าง...ร้านอาหารในประเทศไทยปิดกิจการ-ปิดสาขา
1.Shuba Shabu (ราชเทวี)
 
ร้านบุฟเฟต์ชาบูชื่อดังที่เปิดมากว่า 16 ปี บริเวณ COCO Walk ราชเทวี ประกาศปิดกิจการเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568
 
2. TSUJIRI (ชาเขียวญี่ปุ่น)
 

ร้านชาเขียวเก่าแก่จากญี่ปุ่นกว่า 163 ปี ประกาศ ปิดทุกสาขาในประเทศไทย เช่น EmQuartier, Siam Paragon, Icon Siam, Central Ladprao, Central Bangna และ Central World เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2568
 
3. James Boulangerie (ไอคอนสยาม)
 
ร้านเบเกอรี่ชื่อดัง ปิดสาขาไอคอนสยาม โดยเปิดให้บริการวันสุดท้ายเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2568
 
4. ร้านไอศกรีมทิพย์รส (เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน)
 
ปิดสาขาเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 และย้ายไปเปิดสาขาใหม่บริเวณซอยกรุงเทพ–นนทบุรี 2 ย่านเตาปูน
 
5. บ้านชิดกรุง กุ้งเผา (ปทุมธานี)
 
ร้านอาหารไทยริมน้ำเจ้าพระยา อำเภอสามโคก ปิดกิจการเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เหตุผลจากเศรษฐกิจซบเซาและลูกค้าลดลง
 
6. ตลาดดิ วัน รัชดา (The One Ratchada)
 
ตลาดนัดกลางคืนชื่อดังหลังเอสพลานาด รัชดา ปิดกิจการถาวรเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2568 หลังเปิดดำเนินการเกือบ 3 ปี ส่งผลให้ร้านอาหารในพื้นที่ เช่น Hotpot Man ต้องปิดตามไปด้วย
 
7. Wisdom International Buffet (สยามสแควร์วัน)
 

ร้านบุฟเฟต์พรีเมียมสไตล์ Fine Dining ปิดสาขาสยามสแควร์วัน ชั้น 5 เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 เหลือสาขาทั้งหมด 8 แห่งในประเทศ
 
8. ครัวคุณต้อ (ร้านอาหารปักษ์ใต้)
 
ร้านอาหารปักษ์ใต้ชื่อดังที่เปิดมากว่า 30 ปี ประกาศปิดกิจการเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย
 
9. นำโชค หมูกระทะ
 
ร้านหมูกระทะชื่อดัง ปิดกิจการทั้ง 2 สาขา (นคร และสุขุมวิท) ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 เหตุผลจากต้นทุนที่สูงและกำลังซื้อที่ลดลง
 
10. อาม่งหม่าล่า (เยาวราช)
 
ร้านหม้อไฟหม่าล่าชื่อดัง ปิดสาขาเยาวราชเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568 หลังประสบปัญหาค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นกว่า 200,000 บาทต่อเดือน ขาดทุนรวมกว่า 1 ล้านบาท
 
11. เฮงหอยทอดชาวเล (ไอคอนสยาม)
 
ร้านสตรีทฟู้ดชื่อดังจากภูเก็ต ปิดสาขาไอคอนสยาม หลังเปิดได้เพียง 1 เดือน เหลือสาขาอื่นในกรุงเทพฯ เช่น The Emporium, Fashion Island และ One Bangkok
 
12. Kagonoya (คาโกโนะยะ)
 

ภาพจาก www.facebook.com/kagonoya

ร้านชาบูสไตล์ญี่ปุ่น ปิดถาวร 2 สาขา ได้แก่ The Walk เกษตร–นวมินทร์ และ Central Westgate หลังจากก่อนหน้านี้ได้ปิดสาขา Marche ทองหล่อ ไปแล้วในเดือนกุมภาพันธ์ 2568
 
13. ข้าวมันไก่เจ๊โบว์ (บรรทัดทอง)
 
ร้านข้าวมันไก่เก่าแก่กว่า 30 ปี ปิดสาขาบรรทัดทอง เนื่องจากค่าเช่าที่สูงถึง 50,000 บาทต่อเดือน
 
14. ก๋วยเตี๋ยวเรือ มาเด้อ (ขอนแก่น)
 
ปิดกิจการเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2568 จากผลกระทบเศรษฐกิจชะลอตัวและลูกค้าลดลงอย่างต่อเนื่อง
 
15. เหยี่ยน衍 สุกี้หม้อไฟจีน (ภูเก็ต)
 
ร้านสุกี้หม้อไฟจีนชื่อดัง เปิดมากว่า 10 ปี ปิดกิจการเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 พร้อมขอบคุณลูกค้าที่ให้การสนับสนุนตลอดมา
 
16. เนื้อวัวใส่ก๋วยเตี๋ยว – อนันศักดิ์ สิงห์สมบุญเจ้าเก่า (กรุงเทพฯ)
 
ภาพจาก www.facebook.com/Beefnoodlepredee16

ตำนานร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อกว่า 60 ปี ปิดกิจการเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2568 สาเหตุจากยอดขายลดลงและผู้บริโภคลดการรับประทานอาหารนอกบ้าน
 
17. Mongni Café X ขอนแก่น (ชานมไข่มุก)
 
ร้านชานมไข่มุกชื่อดัง ปิดกิจการเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 หลังประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา
 
10 กับดักธุรกิจร้านอาหาร ทำให้ไปไม่รอด
 
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจร้านอาหารเผชิญแรงกดดันรอบด้าน ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ต้นทุนที่สูงขึ้น และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หลายร้านต้องปิดตัวทั้งที่รสชาติอาหารดี บริการเป็นมิตร หรือมีฐานลูกค้าประจำ ปัญหาไม่ได้อยู่แค่ “ขายไม่ดี” แต่อยู่ที่ “ระบบธุรกิจไม่แข็งแรง”
 
นี่คือ 10 กับดักสำคัญที่ผู้ประกอบการร้านอาหารยุคใหม่ควรหลีกเลี่ยง
 
กับดักที่ 1 คิดว่ารสชาติอร่อยเท่ากับว่าธุรกิจจะสำเร็จ
 

ภาพจาก envato.com

หลายคนเริ่มต้นด้วยความเชื่อว่า “ของอร่อยลูกค้าต้องมาเอง” แต่ในความจริง รสชาติเป็นเพียงเงื่อนไขหนึ่งของความสำเร็จ ไม่ใช่ทั้งหมด
 
สาเหตุมาจาก
  • ขาดความเข้าใจเรื่องการบริหารต้นทุน (Food Cost) ทำให้ราคาขายไม่สัมพันธ์กับต้นทุนจริง
  • ไม่วางระบบจัดการสต็อก วัตถุดิบ หรือควบคุมคุณภาพ
  • มองข้ามการสร้างแบรนด์และการตลาดระยะยาว
  • ไม่มีระบบบริการหลังบ้าน เช่น การจัดตารางพนักงาน หรือการวิเคราะห์ยอดขาย
บทเรียน
 
ความอร่อยคือ “ใบเบิกทาง” แต่ความอยู่รอดขึ้นอยู่กับ “ระบบธุรกิจ”
 
เจ้าของร้านต้องรู้ตัวเลขของตัวเอง ขายเท่าไหร่ กำไรจริงเท่าไหร่ เสียตรงไหน และต้องแก้ตรงไหน
 
กับดักที่ 2 ทำเลดีแต่ต้นทุนสูงเกินไป
 

ภาพจาก envato.com

ทำเลทองไม่ใช่คำตอบเสมอไป เพราะรายได้สูงอาจไม่ทันต้นทุนที่พุ่งขึ้น
 
สาเหตุมาจาก
  • ค่าเช่าเกิน 15–20% ของรายได้
  • ไม่ได้วางแผนเงินทุนสำรองระยะยาว
  • คิดเพียงเรื่อง “ภาพลักษณ์ร้าน” แต่ละเลยความคุ้มค่าในเชิงตัวเลข
  • พึ่งพาลูกค้าเดินผ่านมากเกินไป ขาดฐานลูกค้าประจำหรือช่องทางออนไลน์
บทเรียน
 
ก่อนตัดสินใจเช่าพื้นที่เปิดร้านอาหาร ต้องคำนวณจุดคุ้มทุน (Break-even Point) ให้ชัดเจน และวิเคราะห์สัดส่วนค่าใช้จ่ายคงที่ทั้งหมด (เช่า + แรงงาน + วัตถุดิบ + การตลาด) ไม่ควรเกิน 70% ของรายได้รวม
 
กับดักที่ 3 ไม่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่
 

ภาพจาก envato.com

ผู้บริโภคยุคดิจิทัลมีความหลากหลายและมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่รวดเร็วขึ้นกว่าเดิมมาก
 
สาเหตุมาจาก
  • ร้านอาหารไม่พัฒนาเมนูให้ตรงกับเทรนด์ (สุขภาพ, Plant-based, โปร่งใสเรื่องวัตถุดิบ)
  • ขาดช่องทางออนไลน์ เช่น เดลิเวอรี่ เว็บไซต์ หรือ Social Media
  • ไม่สร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง ทั้งบรรยากาศและการบริการ
  • ละเลยกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความสะดวกและความคุ้มค่า
บทเรียน
 
ทำธุรกิจอาหารยุคนี้ต้องเข้าใจลูกค้าให้เร็วกว่าที่เขาจะเปลี่ยนใจ
 
ร้านที่อยู่รอดคือร้านที่ปรับได้ไว ทดสอบได้เร็ว และกล้าทดลองสิ่งใหม่ๆ
 
กับดักที่ 4 ไม่มีระบบบริหารต้นทุนและพนักงานที่มีประสิทธิภาพ
 

ภาพจาก envato.com

ร้านอาหารจำนวนมากล้มเพราะ “ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังขาดทุน” จนสายเกินไป
 
สาเหตุมาจาก
  • ไม่มีระบบบันทึกยอดขาย รายจ่าย และ Food Cost อย่างละเอียด
  • ไม่มีระบบ POS หรือโปรแกรมบริหารร้านที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูล
  • พนักงานลาออกบ่อย เพราะไม่มีการฝึกอบรมหรือแรงจูงใจที่ดี
  • ไม่ควบคุมการสูญเสียวัตถุดิบ (Waste)
บทเรียน
 
ควรใช้ระบบจัดการต้นทุนและสต็อกแบบเรียลไทม์ ติดตาม Food Cost ทุกเดือน และให้ความสำคัญกับ “คุณภาพของทีม” เท่ากับ “คุณภาพของอาหาร”
 
กับดักที่ 5 ไม่มีเอกลักษณ์หรือจุดขายของแบรนด์ (Brand Positioning)
 
ตลาดอาหารอิ่มตัว คู่แข่งมากมาย ถ้าร้านอาหารไม่มีเอกลักษณ์และตัวตนที่ชัดเจน ลูกค้าก็จดจำไม่ได้
 
สาเหตุมาจาก
  • ขายเหมือนร้านอื่น ไม่มีคอนเซปต์ที่แตกต่าง
  • ไม่เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย (Target) อย่างแท้จริง
  • เปลี่ยนแนวทางร้านบ่อยจนลูกค้าสับสน
  • ไม่สื่อสารแบรนด์อย่างสม่ำเสมอ
บทเรียน
 
แบรนด์ที่แข็งแรงไม่จำเป็นต้องใหญ่ แต่ต้อง “จำได้” และ “ตรงใจ”
 
เจ้าของร้านควรถามตัวเองเสมอว่า “ทำไมลูกค้าต้องเลือกเราท่ามกลางร้านอีกพันร้าน”
 
กับดักที่ 6 ขยายสาขาเร็วเกินไปโดยไม่มีระบบรองรับ
 

ภาพจาก envato.com

การเติบโตที่รวดเร็วเกินไปโดยไม่มีระบบมาตรฐานที่แข็งลแกร่ง คือ การเร่งธุรกิจให้พังเร็ว
 
สาเหตุมาจาก
  • ยังไม่มีมาตรฐานคุณภาพที่ควบคุมได้
  • ระบบซัพพลายเชนไม่พร้อม
  • ผู้จัดการแต่ละสาขาขาดทักษะบริหารจัดการร้านที่มีประสิทธิภาพ
  • เงินทุนไม่พอหมุนในระยะสั้นหลังขยายสาขา 
บทเรียน
 
อย่ารีบขยายกิจการให้เติบโตโดยไม่มีระบบ ควรตรวจสอบว่าร้านต้นแบบมีกำไรสม่ำเสมอหรือไม่ และระบบหลังบ้านสามารถขยายต่อได้จริง ก่อนเปิดสาขาใหม่ทุกครั้ง
 
กับดักที่ 7 ไม่ใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ (Data Blind Spot)
 

ภาพจาก envato.com

หลายร้านยังบริหารด้วย “ความรู้สึก” แทน “ข้อมูลจริง”
 
สาเหตุมาจาก
  • ไม่เก็บข้อมูลยอดขายรายเมนูหรือช่วงเวลา
  • ไม่วิเคราะห์ลูกค้าประจำและลูกค้าใหม่
  • ไม่ติดตามต้นทุนที่เปลี่ยนตามฤดูกาล
  • ไม่มีระบบรายงานที่เชื่อมโยงการตลาดกับผลลัพธ์จริง
บทเรียน
 
ข้อมูลคือ “เข็มทิศธุรกิจยุคใหม่”
 
ร้านที่วิเคราะห์ข้อมูลได้ จะรู้ว่าควรลดอะไร เพิ่มอะไร และขยายตรงไหนให้คุ้มที่สุด
 
กับดักที่ 8 มองข้ามการตลาดและความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM)
 

ภาพจาก envato.com

รสชาติดีแต่ไม่สื่อสารไปยังลูกค้า ก็ไม่มีใครรู้จัก
 
สาเหตุมาจาก
  • ไม่ทำการตลาดออนไลน์ หรือใช้ช่องทางไม่เหมาะกับกลุ่มลูกค้า
  • ไม่มีฐานข้อมูลลูกค้าหรือระบบสะสมแต้ม / โปรโมชั่นที่สร้างความผูกพัน
  • ไม่ตอบสนองรีวิวออนไลน์หรือคอมเมนต์ลูกค้า
  • มองการตลาดเป็น “ค่าใช้จ่าย” แทนที่จะมองเป็น “การลงทุน”
บทเรียน
 
ในยุคที่ลูกค้าใช้เวลาอยู่บนมือถือมากกว่าเดินถนน “การตลาดคือหน้าร้านที่ใหญ่ที่สุด”
 
ร้านต้องทำการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ลูกค้าเก่าไม่หายและลูกค้าใหม่เข้ามาแทน
 
กับดักที่ 9 ไม่มีเงินทุนสำรองหรือแผนรับมือวิกฤติ (Financial Cushion)
 

ภาพจาก envato.com

ธุรกิจอาหารเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีองค์ประกอบในเรื่องกระแสเงินสด (Cash Flow) เปราะบางที่สุด
 
สาเหตุมาจาก
  • ไม่มีเงินสำรองสำหรับเหตุฉุกเฉิน เช่น ยอดขายตกหรือวัตถุดิบขาดตลาด
  • ใช้กำไรเดือนต่อเดือนโดยไม่กันต้นทุน
  • พึ่งพารายได้ช่องทางเดียว เช่น รายได้จากการขายหน้าร้าน
  • ขาดแผนบริหารจัดการหนี้สิน
บทเรียน
 
ร้านควรมีเงินทุนสำรองอย่างน้อย 3–6 เดือนของค่าใช้จ่ายคงที่ และควรวางแผนช่องทางรายได้เสริม เช่น เดลิเวอรี่, ขายออนไลน์, ขายแฟรนไชส์ หรือจัดเวิร์กช็อปอาหาร
 
กับดักที่ 10 เจ้าของไม่พัฒนาและไม่เรียนรู้ต่อเนื่อง
 

ภาพจาก envato.com

ในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว “เจ้าของร้าน” คือตัวแปรสำคัญที่สุดของความอยู่รอด
 
สาเหตุมาจาก
  • มองว่ารู้พอแล้ว ไม่เปิดรับเทคโนโลยีหรือแนวคิดใหม่
  • ไม่ติดตามเทรนด์อาหาร การตลาด หรือพฤติกรรมผู้บริโภค
  • ขาดภาวะผู้นำและไม่สร้างทีมที่มีแรงจูงใจ
  • มัวแต่ทำงานในร้าน จนไม่มีเวลาในการวางสูตรและระบบร้านอาหาร กลยุทธ์การตลาด สร้างเมนูใหม่ และขยายช่องทางขาย
บทเรียน
 
เจ้าของร้านที่ประสบความสำเร็จต้องเป็น “นักเรียนตลอดชีวิต”
 
เรียนรู้เรื่องการบริหาร การตลาด การเงิน และเทคโนโลยีอยู่เสมอ เพราะโลกอาหารไม่หยุดนิ่ง และผู้บริโภคไม่รอใคร
 
สรุป...ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารปิดตัว
 

ภาพจาก envato.com

ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2568 ต้องยอมรับว่าเป็นปีที่หนักหน่วงสำหรับธุรกิจร้านอาหารในและต่างประเทศ หลายแบรนด์ชื่อดังทั้งระดับพรีเมียมและสตรีตฟู้ด ต่างทยอยปิดกิจการหรือปิดสาขาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว กำลังซื้อผู้บริโภคชะลอตัว และต้นทุนการดำเนินธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น
 
ปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งธุรกิจร้านอาหารในปีนี้ ได้แก่
  • ยอดขายลดลงกว่า 40–50% จากภาวะเศรษฐกิจซบเซา
  • จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่หายไปกว่า 40%
  • ต้นทุนแรงงานเพิ่มขึ้น จากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแตกต่างตามพื้นที่ เฉลี่ยเพิ่ม 2.9%
  • ต้นทุนวัตถุดิบและค่าเช่าสูงขึ้นต่อเนื่อง
  • กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง และพฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนไป
  • การแข่งขันรุนแรง โดยเฉพาะ “สงครามราคา” ในตลาดอาหาร
เสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า ปี 2568 เป็นปีที่ “อยู่รอดยากที่สุด” สำหรับธุรกิจร้านอาหาร หลายรายยอมรับว่าเพียงแค่รักษาธุรกิจให้เดินต่อได้และมีเงินจ่ายพนักงานก็ถือว่านับว่าโชคดีแล้ว 
 
เพราะในยุคนี้ “อร่อยอย่างเดียวไม่พอ” ต้องมีสายป่านที่ยาว และมีกลยุทธ์การบริหารที่ยืดหยุ่น เพื่อรับมือกับปัจจัยทั้งภายในและภายนอก

 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
อวสาน E-commerce ไทย? ต่างชาติรุกหนัก ตลาดไทยกำล..
867
อวสานร้านอาหาร! คนทำทยอยเซ้ง คนเจ๊งทยอยขาย
689
เศรษฐกิจยังทรุด! 9 แบรนด์ดังไทย-เทศ “ปิดกิจการ-ล..
569
ระเบิดเวลา! ประชากรไทย ตายมากกว่าเกิด
553
จิตวิทยาตั้งราคา! Psychological Pricing ทำให้ลูก..
491
Ediya Coffee (이디야커피) แฟรนไชส์ร้านกาแฟที่มีชื่อเส..
439
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด