บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
275
2 นาที
2 กันยายน 2568
กฎ 100% ที่ร้านอาหาร-กาแฟใช้ ได้ผลจริง!
 

เปิดร้านอาหาร - กาแฟถ้าไม่เจ๋งจริง! ยุคนี้รอดยาก? และอย่างที่ทราบว่าทุกวันนี้ปัจจัยเสี่ยงเยอะ การมีเงินทุนอย่างเดียวไม่ใช่ทางรอด แต่ต้องรู้จักการบริหารจัดการ + ปรับตัวตามยุคสมัย + ต้องรู้จักเข้าหาลูกค้า ถ้าไปดูในมุมของร้านอาหารมีงานวิจัยระบุว่า
  • 60% ของร้านอาหารใหม่ปิดตัวใน 1 ปีแรก
  • 80% ปิดใน 5 ปีแรก
ซึ่งสมาคมภัตตาคารไทยก็เคยให้ข้อมูลไว้ว่า ร้านอาหารเปิดใหม่กว่า 70% ไม่รอดเกิน 3 ปี ก็เท่ากับว่า คนลงทุนร้านอาหาร - ร้านกาแฟ มีที่อยู่รอดได้แค่ 30-40% เท่านั้น
 
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ร้านเจ๊งเร็วก็มาจากหลากหลายปัจจัย เช่น ทำเลไม่ดี , ไม่มีจุดเด่น , อ่อนแอเรื่องการตลาด หรือบางทีก็เห็นคนอื่นทำแล้วรวยก็อยากทำตาม แต่ไม่ได้ศึกษาตลาดจริงๆ และอีกปัจจัยที่สำคัญมาก ก็คือ “การบริหารต้นทุน” ถ้าต้องการให้รอดสิ่งที่ควรนำมาใช้คือ “กฎ 100%”
 
อธิบายง่ายๆ ว่าทุกกิจการร้านอาหาร - ร้านกาแฟมี “รายได้รวม = 100%”
 
แล้วเงิน 100% นี้ เราต้องรู้ว่าถูกใช้ไปกับอะไรบ้าง เพื่อให้ร้านอยู่รอด และมีกำไร กฎ 100% จึงแบ่งรายได้ออกเป็น 


 
5 ส่วนหลัก ดังนี้
  1. ต้นทุนวัตถุดิบ (Cost of Goods: COG) คือ ต้นทุนอาหาร เครื่องดื่ม วัตถุดิบที่ใช้ทำเมนู โดยทั่วไปไม่ควรเกิน 30–35% ของรายได้ เช่น ร้านขายได้ 100,000 บาท/เดือน ต้นทุนวัตถุดิบควรอยู่ที่ 30,000–35,000 บาท ถ้าเกินจากนี้ อาจต้องปรับสูตรในเมนูอาหารหรือเครื่องดื่มหรือทบทวนการจัดซื้อเพื่อให้ประหยัดได้มากขึ้น
     
  2. ค่าแรงพนักงาน (Cost of Labour: COL) รวมเงินเดือน ค่าแรง บาริสต้า เชฟ พนักงานเสิร์ฟ ควรอยู่ที่ 20–25% ของรายได้เช่น รายได้ 100,000 บาท ค่าแรงควรอยู่ราว 20,000–25,000 บาท ถ้าค่าแรงสูงเกินไป แปลว่ามีพนักงานเกินความจำเป็น หรือระบบงานยังไม่ถูกจัดการให้มีประสิทธิภาพ
     
  3. ค่าเช่าพื้นที่ เป็นต้นทุนก้อนใหญ่ที่หลายร้านมองพลาด สัดส่วนควรอยู่ที่ 10–15% ของรายได้ เช่น รายได้ 100,000 บาท ค่าเช่าไม่ควรเกิน 10,000–15,000 บาท ถ้าค่าเช่าเกินไป จะบีบกำไรจนแทบไม่เหลือ
     
  4. ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) เช่น ค่าตกแต่งร้าน ผ่อนอุปกรณ์ ค่าเสื่อมราคา เฟอร์นิเจอร์ เครื่องทำกาแฟ โดยเฉลี่ย 10% ของรายได้ เช่น รายได้ 100,000 บาท ควรมี Fixed Cost ประมาณ 10,000 บาท ถ้าลงทุนเครื่องแพง ควรวางแผนระยะยาวว่าจะคืนทุนกี่ปี
     
  5. ค่าอื่น ๆ หรือค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าการตลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยเฉลี่ย 5–10% ของรายได้ เช่น รายได้ 100,000 บาท ค่าน้ำไฟและอื่น ๆ ราว 5,000–10,000 บาท

ถ้าสรุปโดยรวมให้เห็นภาพชัดเจน กฎ 100 % ควรแบ่งแบบนี้
  • COG (วัตถุดิบ) = 30–35%
  • COL (ค่าแรง) = 20–25%
  • ค่าเช่า = 10–15%
  • Fixed Cost = 10%
  • ค่าอื่น ๆ = 5–10%
ส่วนที่เหลือจะเป็นกำไรสุทธิประมาณ 10-15% 
 
เหตุผลน่าสนใจว่าทำไม กฎ 100% จึงมีความสำคัญและเป็นกฎที่ใช้กันแพร่หลายในการทำธุรกิจ มีเหตุผลหลายอย่างได้แก่
  1. เจ้าของร้านมองออกทันทีว่า “เงินไหลไปตรงไหนเกิน”
  2. ช่วยควบคุมต้นทุน ไม่ต้องทำยอดขายเพิ่ม แต่กำไรกลับมากขึ้น
  3. วางแผนการเติบโตของร้านได้ เช่น จะจ้างเพิ่ม, จะย้ายที่ หรือจะลงทุนเครื่องใหม่
ลองมาดูตัวอย่างที่น่าสนใจในกรณีการเปิดร้านกาแฟเล็กๆ แล้วใช้กฎ 100% เป็นตัวกำหนดในการบริหารจัดการ

 
สมมติร้านกาแฟรายได้ 150,000 บาท/เดือน
  • วัตถุดิบ (30%) = 45,000
  • ค่าแรง (25%) = 37,500
  • ค่าเช่า (15%) = 22,500
  • Fixed cost (10%) = 15,000
  • ค่าอื่น ๆ (10%) = 15,000
  • กำไรสุทธิ = 15,000 บาท/เดือน (10%)
ในกรณีถ้าเจอปัญหา ค่าเช่าแพง สมมุติขึ้นว่า 30,000 ตรงนี้จะทำให้กำไรหายไปครึ่ง หรือถ้าเดือนไหนยอดขายตกคิดที่ 20% จะมีรายได้เหลือแค่ 120,000 หมายความว่าธุรกิจนั้นจะขาดทุนในเดือนนั้นทันที
 
การใช้ กฎ 100% ก็เป็นหนึ่งในเคล็ดลับที่จะบริหารร้านให้อยู่รอด ถ้าใช้กฎ 100% แล้วก็ต้องมีเทคนิคอื่นร่วมด้วย เช่น การหาจุดขายของธุรกิจที่ชัดเจน , การหาทำเลเปิดร้านที่ไม่ใช่เน้นแค่คนเยอะแต่ต้องโฟกัสกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการเลือกใช้ตลาดออนไลน์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงลูกค้า และต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับพฤติกรรมลูกค้า เพียงเท่านี้การเปิดร้านอาหาร – ร้านกาแฟ อาจไม่ใช้แค่อยู่รอดแต่พร้อมสร้างรายเกินคุ้มให้ผู้ลงทุนได้ด้วย

ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สร้างรายได้จาก กระเบื้องยางSPC วัสดุปูพื้นยอดนิย..
508
ประกาศเซ้ง! แบรนด์แฟรนไชส์จีนหมดแรง แซงไทยไม่ไหว
426
ถอดรหัส Santa Fe Steak รีแบรนด์แล้วยังเหนื่อย?
409
สงครามเย็น จักรวาลชานมไข่มุก ใครจะอยู่ใครจะไป
395
“Gap Model” ร้านค้าทำดีทุกอย่าง แต่ทำไมลูกค้าไม..
380
โมเดลออกกำลังกาย HYROX มาแรง! 4.5 พันล้าน ใน 8 ปี
368
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด