บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
535
2 นาที
15 พฤษภาคม 2567
เจ้าของธุรกิจกุมขมับ! วิกฤตเด็กไทยเกิดน้อยกระทบธุรกิจมหาศาล
 

ย้อนไประหว่างปี 2506-2526 อัตราการเกิดของเด็กไทยเฉลี่ยปีละ 1,000,000 คน โดยในปี 2514 มีอัตราการเกิดสูงสุดถึง 1,200,000 คน อัตราการเกิดที่มากในช่วงนั้นถึงขั้นที่เรียกว่า “สึนามิประชากร” กันทีเดียว
 
แต่เรื่องไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นเพราะตั้งแต่ปี 2526 เป็นต้นมาอัตราการเกิดของประชากรไทย กลับค่อย ๆ ลดลงตามลำดับ และนับตั้งแต่ ปี 2564 -2566 อัตราการเกิดของเด็กไทยลดลงเกินครึ่ง เหลือเฉลี่ยแค่ปีละ 500,000 คน
  • ปี 2564 อัตราเกิด 544,570 คน อัตราตาย 550,042 คน
  • ปี 2565 อัตราเกิด 502,107 คน อัตราตาย 595,965 คน
  • ปี 2566 อัตราเกิด 519,660 คน อัตราตาย 567,055 คน
ตัวเลขการเกิดที่น้อยลงอย่างชัดเจนนี้ส่งผลเสียอะไรต่อภาคธุรกิจบ้าง ลองมาวิเคราะห์พร้อมๆกัน
 
1.วัยแรงงานมีแนวโน้มลดลง
 

อันเนื่องมาจากคนเกิดน้อยลง สวนทางกับผู้สูงวัย (อายุเกิน 60) ที่มีมากขึ้น เมื่อวัยแรงงานมีจำนวนน้อยลง การสรรหาบุคลากรให้เหมาะสมกับงานก็เป็นเรื่องที่ยากมากขึ้น
 
2.ปัญหาแรงงานต่างด้าว
 
เป็นผลพวงแบบลูกโซ่เมื่อแรงงานไทยมีน้อย วิธีแก้ปัญหาที่ง่ายสุดคือหันไปพึ่งพาแรงงานต่างด้าว 
 
3.จัดเก็บภาษีไม่เพียงพอกับการบริหารประเทศ
 

ในอนาคตหากอัตราการเกิดยังต่ำลง วัยแรงงานจะหายไปในสัดส่วนที่สูงมาก มีผลต่อการจัดเก็บภาษีของคนที่อยู่ในวัยทำงานจะทำได้น้อยลง ซึ่งเงินภาษีส่วนนี้คือเงินที่ต้องนำมาใช้พัฒนาประเทศต่อในอนาคต
 
4.ขาดแคลนแรงงานฝีมือ
 

เมื่อตัวเลือกในวัยทำงานมีน้อย คนที่มีความรู้ความสามารถก็หายากขึ้นด้วย สวนทางกับโลกยุคใหม่ที่ก้าวล้ำมากขึ้น ถ้าเป็นเช่นนี้การเติบโตของประเทศก็จะถดถอยด้วย
 
5.ทุกธุรกิจต้องปรับตัวสู้วิกฤติ
 

คนกลุ่มวัยทำงาน วัยเด็ก วัยเรียน คือกำลังซื้อที่ทุกธุรกิจมุ่งเป้าต้องการ หากตัวเลขตรงนี้ลดลงชัดเจนนั่นหมายความว่าต้องมีการปรับปรุงธุรกิจในหลายด้านให้สอดคล้อง โดยเฉพาะในธุรกิจการศึกษาที่น่าจะได้รับผลกระทบเยอะมาก ยกตัวอย่าง การเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยบางแห่งจากที่เคยเด็กเข้าเรียนปีละ 7,000-8,000 คน แต่อาจเหลือเพียง 4,500 คน ไม่รวมบรรดาโรงเรียนกวดวิชาต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบแน่
 
และหากมองให้ลึกซึ้งลงไปอีกสัดส่วนของเด็กไทยอายุต่ำกว่า 15 ปี ปัจจุบันลดลงเหลือแค่ ร้อยละ 20 และคาดว่า ในปี 2581 อัตราการเกิดจะยิ่งลดลง เหลือต่ำกว่า ร้อยละ 15 สวนทางกับการเติบโตของประชากรสูงอายุ 60 ปี ที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นคาดว่าในอีก 10 ปี ข้างหน้า พ.ศ.2576 ประเทศไทย จะมีสัดส่วนผู้สูงอายุมากถึง ร้อยละ 30 เฉลี่ยเพิ่มขึ้น ร้อยละ 4-5 ต่อปี

และอัตราผู้สูงอายุวัย 80 ปี ขึ้นไป ก็จะค่อย ๆ ขยับตามขึ้นไปที่ ร้อยละ 7- 8 ต่อปี และถ้ายังคิดว่าตัวเลขนี้ยังไม่วิกฤติมากพอยังมีข้อมูลที่ชี้อีกว่า ไทยมีอัตราการเกิดน้อยที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลก รองจากญี่ปุ่น และหากจัดเฉพาะกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ไทยกลายเป็นประเทศที่มีอัตราการเกิดน้อยที่สุดในโลกอีกด้วย

 
แต่ที่แย่กว่ามีน้อย คือ “มีน้อยและด้อยคุณภาพ” โดยในปี 2566 มีเด็กประถมวัย 0-6 ปี จำนวน 4.3 ล้านคน แต่ในปี 2583 จะเหลือเพียง 3.1 ล้านคนเท่านั้น นอกจากนี้ยังเด็กที่อยู่ในครัวเรือนยากจนมากถึง 3.5 แสนคน ตัวเลขนี้สัมพันธ์กับเรื่องพัฒนาประเทศอย่างชัดเจน ยิ่งเด็กไทยมีน้อยและขาดความรู้ความสามารถร่วมด้วยย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในทุกภาคส่วนอย่างมหาศาล
 
ถึงขนาดที่ช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมามีโครงการของกระทรวงสาธารณสุขที่ “ชวนคนไทยปั๊มลูกเพื่อชาติ” แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับความสนใจเท่าไหร่นัก ซึ่งก็พอเข้าใจได้ว่าการมีลูก 1คนในยุคนี้มีค่าใช้จ่ายสูง

คนนิยมความเป็นอิสระไม่อยากมีคู่ครองก็เพิ่มขึ้น การแก้ปัญหาเรื่องนี้ คงต้องมีมาตรการอีกหลายอย่างเพื่อเอามาประกอบ แต่สภาพเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็เข้าใจได้ว่าทำไมคนไทยไม่อยากมีลูก เพราะขนาดตัวเองยังเอาแทบไม่รอดถ้ามีเด็กมาเพิ่มถ้าเลี้ยงเขาได้ไม่ดี ก็สู้ไม่มีซะดีกว่า สิ่งนี้จึงเป็นปัญหาระดับชาติที่มีแนวโน้มว่าจะแก้ได้ยากมากๆด้วย
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
เทคนิคสร้างยอดขาย สินค้านิยมต่ำ กำไรสูง
1,516
5 อันดับ โรงงาน OEM ผลิตเครื่องสำอางครบวงจร มั่น..
905
แก่น CJ More ทำธุรกิจกำไรให้กำไร
787
กลยุทธ์ลดราคา! ร้านค้าปลีกปั้น House Brand ถัวเฉ..
581
เปิดร้าน “ถูกดี มีมาตรฐาน” ใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ ..
512
ส่องเงินเดือน! พนักงาน CJ ได้เท่าไหร่?
452
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด