KFC แฟรนไชส์ฟาสต์ฟู้ดชื่อดังของโลก กำลังทำการทดลองผลิตนักเก็ตไก่ ด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ชีวภาพแบบ 3 มิติ (3D Bioprinting) โดยใช้เซลล์จากไก่และพืชเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต ซึ่งการทดลองครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ “เนื้อแห่งอนาคตของ KFC” โดยกระบวนการทดลองผลิตนักเก็ตไก่หารพิมพ์ชีวภาพแบบ 3 มิติ อยู่ในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย

 

นวัตกรรมอาหารใหม่ของ KFC นักเก็ตไก่จากการพิมพ์ชีวภาพแบบ 3 มิติ ถือเป็นครั้งแรกของโลก โดย KFC ได้ร่วมมือกับ 3D Bioprinting Solutions ในประเทศรัสเซีย เพื่อพัฒนานักเก็ตไก่ที่ผลิตในห้องปฏิบัติการครั้งแรกของโลก

ภาพจาก bit.ly/2BiueuX

 

โดย KFC ต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้กับกลุ่มคนที่ต้องการทางเลือกในการบริโภคเนื้อสัตว์เพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้าง "เนื้อแห่งอนาคต" ซึ่งโครงการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะสร้างนักเก็ตไก่ที่ "ใกล้เคียงกับเนื้อไก่ในด้านรสชาติและรูปลักษณ์มากที่สุด" โดยยังคงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

 

“การทดลองของเราในการทดสอบเทคโนโลยีการพิมพ์ชีวภาพ 3D เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์นักเก็ตไก่ สามารถช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนในระดับโลกที่กำลังเกิดขึ้นได้” Raisa Polyakova ผู้จัดการทั่วไปของ KFC Russia กล่าวในแถลงการณ์ "เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาและกำลังดำเนินการ เพื่อให้บริการแก่คนหลายพันคนในรัสเซียและทั่วโลก"

 

สำหรับผลิตภัณฑ์นักเก็ตไก่ 3 มิติขั้นสุดท้ายได้รับการทดสอบที่กรุงมอสโก รัสเซีย ซึ่งผู้คนกำลังทำงานกับเทคโนโลยีการพิมพ์ทางชีวภาพ 3 มิติ โดยใช้เซลล์ไก่และวัสดุจากพืช เพื่อสร้างรสชาติและเนื้อที่ใกล้เคียงเนื้อสัตว์ให้มากที่สุด 

ภาพจาก Kirill Zykov / Moskva News Agency

 

“เทคโนโลยีการพิมพ์ชีวภาพ 3D ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในวงการแพทย์ ในปัจจุบันได้รับความนิยมในการเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการผลิตอาหารเช่นเนื้อสัตว์” Yusef Khesuani ผู้ร่วมก่อตั้งของ 3D Bioprinting Solutions กล่าว “ในอนาคตการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีดังกล่าว จะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์พิมพ์ชีวภาพ 3 มิติได้มากขึ้น และเราหวังว่าเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นจากความร่วมมือของเรากับ KFC จะช่วยเร่งการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์จากเซลล์ในตลาด”

 

KFC อ้างถึงการศึกษาโดยวารสารวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีของอเมริกา ที่แสดงให้เห็นว่าการเจริญเติบโตของเนื้อสัตว์จากเซลล์ เชื่อว่าจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด และลดการใช้พลังงานมากกว่าครึ่ง ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 25 เท่า และใช้พื้นที่น้อยกว่าการทำปศุสัตว์ในฟาร์มแบบปกติ 100 เท่า 

 

 

อ้างอิงข้อมูล 

 

นักเขียน

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)