บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
1.7K
4 นาที
24 ตุลาคม 2562
คนท้องควรอ่าน! 15 เคล็ดลับสำหรับการท่องเที่ยวขณะตั้งครรภ์


ถึงแม้ว่าหญิงมีครรภ์นั้นจะต้องระมัดระวังในทุกๆ อิริยาบถเป็นพิเศษ แต่ว่ามันก็ต้องมีบ้างที่คนตั้งครรภ์จะมีเหตุจำเป็นที่ต้องเดินทางหรือมีบ้างที่อยากจะออกไปเที่ยวเปิดประสบการณ์ก่อนที่ลูกน้อยจะลืมตาดูโลก ดังนั้นแล้วถึงแม้ว่าจะต้องออกทางไม่ว่าจะใกล้หรือไกล คนตั้งครรภ์ก็ควรจะมีการดูแลตัวเองในช่วงเดินทางเป็นพิเศษ และในบทความนี้จึงจะขอแนะนำ 15 วิธีปฏิบัติเมื่อต้องเดินทางหรือท่องเที่ยวในขณะตั้งครรภ์มาฝากกันค่ะ
 
1. เลือกเดินทางในช่วงไตรมาสที่ 2 ของการตั้งครรภ์


ภาพจาก bit.ly/36biOUq
 
วิทยาลัยสูตินรีแพทย์ของอเมริกา (American College of Obstetricians and Gynecologists - ACOG) ได้เปิดเผยว่าช่วงที่เหมาะสมที่สุดที่หญิงตั้งครรภ์จะสามารถเดินทางได้คือช่วงที่อายุครรภ์ได้ประมาณ 14-28 สัปดาห์ หรือก็คือช่วงระยะกลางของการตั้งครรภ์นั่นเอง
 
นอกจากนี้ยังระบุอีกว่าปัญหาส่วนมากของหญิงตั้งครรภ์ถูกพบในช่วงไตรมาสแรก และไตรมาสที่สาม โดยในช่วงกลาง หรือก็คือไตรมาสที่สองของการตั้งครรภ์นั้นร่างกายของคุณเริ่มเข้าใกล้ความเป็นปกติมากขึ้น มีอาการแพ้ท้องน้อยลง จึงเป็นเหตุผลที่ว่าหากจะเดินทางในระหว่างตั้งครรภ์ ก็ควรจะเดินทางในช่วงเวลานี้จะดีที่สุด
 
2. เตรียมแผนสำรองเอาไว้
 
โรเบิร์ต ควิกลีย์ รองประธานอาวุโสของ International SOS และ  MedAire  กล่าวว่าหญิงมีครรภ์หากจะต้องเดินทางนั้นก็ควรจะพบแพทย์ประจำตัวซะก่อนเพื่อที่จะได้สามารถวางแผนการเดินทางนั้นๆ ได้ และเช่นเดียวกัน คุณควรหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานพยาบาลที่อยู่ใกล้จุดมุ่งหมายที่คุณจะไปด้วยเผื่อมีกรณีฉุกเฉินเกิดขึ้นกับคุณ นอกจากนี้ยังควรเตรียมแผนสำรองสำหรับการติดต่อคนใกล้ชิดเผื่อเกิดกรณีฉุกเฉินขึ้นอีกด้วย
 
3. ซื้อประกันการเดินทาง


ภาพจาก bit.ly/2W9SPb4
 
นาตาลี เพรดดี้ บล็อกเกอร์ท่องเที่ยวคุณแม่ลูกสองได้ให้คำแนะนำว่าหากคุณจะต้องเดินทางก็ควรที่จะซื้อประกันการเดินทางที่ครอบคลุมการรักษาพยาบาลเอาไว้ก่อนที่จะออกเดินทางด้วย เผื่อในกรณีที่คุณต้องเดินทางไปในที่ที่ประกันสุขภาพของคุณนั้นไม่ครอบคลุม
 
นอกจากนี้ Preddie ยังกล่าวอีกว่าเมื่อเธอตั้งท้องเธอต้องไปโรงพยาบาลในฟลอริดาระหว่างการเดินทางเพราะเธอคิดว่าลูกของเธอไม่เคลื่อนไหว และเธอดีใจที่เธอสามารถใช้ประกันสุขภาพของเธอได้ แต่ตอนนั้นเองเธอก็ยังกังวลอยู่เหมือนกันว่าค่าใช้จ่ายของเธออาจะปลายก็เป็นได้หากเธอต้องพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน ซึ่งก็โชคดีที่มีประกันสุขภาพช่วยผ่อนปรนเอาไว้ได้
 
4. พกประวัติการรักษาในโรงพยาบาลติดตัวอยู่ตลอด
 
ลี รูสเวลท์ ซึ่งทำงานเป็นพยาบาลผดุงครรภ์ในมหาวิทยาลัยในมิชิแกนนั้นได้กล่าว คุณสามารถรับการรักษาพยาบาลที่คุณอาจต้องการได้อย่างทันทีในระหว่างการเดินทางโดยนำสำเนาบันทึกทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ของคุณติดตัวไว้ด้วย ซึ่งมันช่วยได้มากในกรณีที่คุณเกิดเหตุฉุกเฉินที่ต้องรับการรักษาอย่างเร่งด่วน โดยเธอได้กล่าวอีกว่าทางสถานพยาบาลอาจใช้เวลากับการตรวจสอบประวัติและอาการของคุณหากคุณไม่มีสำเนาบันทึกทางการแพทย์
 
5. ใส่ใจกับสุขภาพอย่างต่อเนื่อง


ภาพจาก bit.ly/2p0hTFE
 
นอกจากที่กล่าวไปในข้อข้างต้นแล้ว รูสเวลท์ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่าเมื่อคุณตั้งครรภ์ คุณควรระมัดระวังตัวเองในทุกย่างก้าวไม่ว่าคุณจะออกเดินทาง หรืออยู่ที่บ้านเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ตามมา และนอกจากยังแนะนำว่าควรออกกำลังกายแต่พอดีด้วยการเดินเบาๆ และไม่ควรนั่งอยู่ที่เดิมเป็นเวลานานเกินไปด้วย เพราะนั่นอาจทำให้เกิดการอุดตันของเลือด และยิ่งนั่งนานๆ ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยง ดังนั้นแล้ว รูสเวลท์จึงแนะนำว่าควรลุกเดินประมาณครั้งละ 5-10 นาทีในทุกๆ ชั่วโมง (หากว่าเป็นไปได้)แม้ว่าคุณจะอยู่บนเครื่องบินก็ตาม
 
6. ดื่มน้ำเพื่อรักษาความชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา


ภาพจาก bit.ly/32IUAyv
 
ในระหว่างการเดินทางนั้นควรจะดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อให้ร่างกายชุ่มชื้น ไม่ขาดน้ำ ซึ่งอาการขาดน้ำหรือการได้รับไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายนั้นอาจทำให้คุณเกิดกระหายหรือไม่สบายได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนตั้งครรภ์นั้นยิ่งอันตรายเข้าไปอีกเพราะอาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำระหว่างตั้งครรภ์ซึ่งทำให้เลือดเข้มข้นขึ้น ซึ่งกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนอ็อกซิโทซิน (Oxytocin) และส่งผลให้เกิดภาวะคลอดก่อนกำหนดได้ ดังนั้นแล้วทางที่ดีควรพกน้ำดื่มไว้ตลอดเวลาระหว่างการเดินทางเพื่อที่คุณจะได้ดื่มน้ำได้ตลอด ทำให้ไม่เกิดอาการขาดน้ำขึ้นมาได้นั่นเอง
 
7. พกของขบเคี้ยวที่ดีต่อสุขภาพ


ภาพจาก bit.ly/2Jfb0qI
 
บางทีอาหารที่สายการบินเตรียมไว้ก็ไม่ได้ดีต่อสุขภาพขนาดนั้น และบางครั้งมันก็ยังมีราคาแพงอีกด้วย ดังนั้นแล้ว การพกของขบเคี้ยวเป็นของตัวเองก็น่าจะเหมาะสม และปลอดภัยต่อร่างกายในขณะที่ตั้งครรภ์มากกว่า
 
นอกจากนี้ กรมอนามัยและบริการมนุษย์ของสหรัฐอเมริกายังแนะนำให้กินขนมปังโฮลเกรนหรือแครกเกอร์ธัญพืชทุกชนิดเมื่อคุณรู้สึกคลื่นไส้หรือไม่สบาย ดังนั้นแล้วจึงควรพกแครกเกอร์หรือของขบเคี้ยวที่ดีต่อสุขภาพติดเอาไว้ในกระเป๋าด้วย
 
8. พกผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อทำความสะอาด
 
ทาง ACOG ได้ออกมาเปิดเผยว่าหากคุณต้องออกทริป โดยเฉพาะทริปที่มีการออกล่องเรือ คุณควรจะระวังและหลีกเลี่ยง norovirus เข้าไป เพราะไวรัสสายพันธุ์นี้อันตรายมาก เป็นไวรัสที่สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วและทำให้เกิดอาการคลื่นไส้และอาเจียนอย่างรุนแรงได้ ซึ่งวิธีหลีกเลี่ยงที่ดีที่สุดก็คือการล้างมือเพื่อรักษาความสะอาดอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการล้างมือด้วยผลิตภัณฑ์แบบ Antibacterial (ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมในการฆ่าเชื้อโรค) ก็สามารถช่วยได้มากอยู่พอควร หรือการใช้ทิชชู่เปียกสำหรับทำความสะอาดก็ดีเช่นกันสำหรับการเช็ดทำความสะอาดวัตถุต่างๆ ที่คุณต้องหยิบใช้ในระหว่างทริป
 
นอกจากนี้รัฐบาลแคนาดายังได้เคยออกมาแนะนำหญิงตั้งครรภ์ด้วยว่าควรล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหารหรือเตรียมอาหาร ซึ่งคำแนะนำนี้ก็สามารถใช้ได้ดีเช่นกันในระหว่างที่คุณต้องออกเดินทางและอาจได้เจอกับอาหารที่ไม่สะอาดเท่าที่ควร
 
9. ระมัดระวังในการนั่งรถเป็นเวลานาน


ภาพจาก aliexpress.com
 
หากคุณวางแผนที่จะเดินทางแบบ Roadtrip หรือต้องนั่งรถเป็นเวลานาน ก็ควรจะแบ่งเวลาให้ตัวเองได้พักจากการนั่งรถบ้าง เพราะการนั่งรถในระยะสั้นๆ ย่อมส่งผลเสียน้อยกว่าการนั่งรถเป็นเวลานานๆ อย่างแน่นอน นอกจากนี้การที่คนท้องต้องนั่งรถนานๆ นั้นยังมีแนวโน้มที่จะมีผลอันตรายทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวกหรือภาวะแทรกซ้อนอย่างอื่นที่ส่งผลกับครรภ์อีกด้วย
 
นอกจากนี้ทาง ACOG ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนั่งรถของคนตั้งครรภ์อีกว่า คนตั้งครรภ์ควรคาดเข็มขัดนิรภัยให้อยู่ในระดับกระดูกเชิงกรานต่ำกว่ามดลูกลงไปเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์
 
10. ถ้าต้องขึ้นเครื่องบิน ควรจองที่นั่งที่ติดกับทางเดิน
 
ถ้าหากคุณต้องเดินทางโดยเครื่องบินในขณะที่ตั้งครรภ์ คุณควรจะจองที่นั่งที่ติดกับทางเดินไว้จะดีกว่าถึงแม้ว่าคุณจะต้องจ่ายเงินแพงขึ้นก็ตาม เพราะการเลือกที่นั่งติดทางเดินจะทำให้คุณลุกเดินได้สะดวกมากขึ้น รวมไปถึงการลุกไปเข้าห้องน้ำก็ง่ายขึ้นด้วย หรือถ้าหากเป็นไปได้ควรจองตั๋วที่นั่งชั้น Business Class เลยก็จะยิ่งดี เพื่อที่คุณจะได้มีความสะดวกสบายมากขึ้น
 
11. อย่าทำกิจกรรมที่เกินกำลังตัวเอง


ภาพจาก bit.ly/2pTnEVp
 
จริงอยู่ที่การเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ นั้นเป็นเรื่องสนุก แต่ก็ต้องไม่ลืมด้วยว่าคุณกำลังตั้งครรภ์อยู่ซึ่งอาจเสี่ยงอันตรายและอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ทุกเมื่อ ดังนั้นจึงขอให้แน่ใจว่าควรจะมีช่วงให้คุณได้หยุดพักร่างกายในระหว่างทริปนั้นๆ ด้วย หรือาจวางแผนให้ทริปนั้นๆ เป็นไปในทางที่ผ่อนคลายมากกว่า เช่น ทริปสปา หรือการพักในรีสอร์ท เป็นต้น
 
12. ใส่ใจกับจุดมุ่งหมายในการเดินทางนั้นๆ ซักนิด
 
คนท้องนั้นควรระมัดระวังเป็นพิเศษเกี่ยวกับฤดูกาลหรือสภาพอากาศที่อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายของคุณที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ ยกตัวอย่างเช่นหากคุณวางแผนที่จะพักร้อนที่ชายหาดในฟลอริด้ากลางเดือนกรกฎาคม คุณก็ควรที่จะรู้ล่วงหน้าว่าอุณหภูมิในช่วงนี้นั้นอาจร้อนจนส่งผลอันตรายต่อร่างกายของคนมีครรภ์ได้เลยทีเดียว ดังนั้นแล้วจึงควรรอเดินทางในช่วงที่อากาศนั้นดีกว่านี้ หรือวางแผนไปพักร้อนที่อื่นจะดีกว่า 
 
หากต้องการวางแผนการเดินทางให้รัดกุม Google ก็น่าจะเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งในการวางแผนเดินทางโดยคุณสามารถตรวจเช็คสภาพอากาศ รวมไปถึงการเดินทางซึ่งจะให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
 
13. เตรียมชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น


ภาพจาก bit.ly/31JFG9S
 
ไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่าการเดินทางเป็นชั่วโมงๆ โดยไม่มีอุปกรณ์สำหรับบรรเทาอาการปวดหัว , เสียดท้อง , เมารถ หรืออาการอื่นๆ อันเป็นผลข้างเคียงจากการตั้งครรภ์ ดังนั้นแล้ว หากคุณรู้สึกไม่ค่อยสบายในขณะที่เดินทาง คุณก็ควรจะมีชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นเล็กๆ เอาไว้ติดตัวเพื่อบรรเทาอาการดังกล่าวหรือเผื่อสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้นในการเดินทางนั้นๆ
 
14. ตรวจเช็คให้แน่ใจว่าสายการบินนั้นๆ มีเงื่อนไขอะไรเพิ่มเติมหรือไม่
 
ในขณะที่สายการบินส่วนใหญ่จะอนุญาตให้คุณขอสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมได้เมื่อคุณตั้งครรภ์ได้ 36 สัปดาห์ขึ้นไป แต่ในสายการบินนานาชาติบางแห่ง เช่น คาเธ่ย์ แปซิฟิค หรือ สายการบินเอมิเรตนั้นจะขอใบรับรองจากแพทย์ประจำตัวของคุณก่อนที่จะดำเนินการจองเที่ยวบินนั้นๆ
 
ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะบินภายในประเทศหรือบินระหว่างประเทศ ขอให้ตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าสายการบินนั้นๆ มีเงื่อนไขเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนี้อย่างไรบ้าง ซึ่งอันที่จริงแล้วสายการบินส่วนใหญ่มักแสดงข้อมูลรายละเอียดอยู่บนหน้าเว็บไซต์ ซึ่งสามารถเข้าไปดูได้เลย แต่ทั้งนี้หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็สามารถโทร.สอบถามกับสายการบินได้โดยตรง
 
15. เลือกกระเป๋าเดินทางที่เหมาะสม


ภาพจาก bit.ly/2qIaJpZ
 
ในข้อสุดท้ายนี้คือ อย่าลืมเลือกกระเป๋าเดินทางที่ง่ายต่อการเคลื่อนย้าย โดยกระเป่าเดินทางที่ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดก็คือกระเป๋าแบบล้อลาก และควรที่จะแพ็คกระเป๋าให้ง่ายต่อการหยิบข้าวของเข้าไว้ และที่สำคัญ อย่าลังเลที่จะตรวจเช็คกระเป๋าเดินทาง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ต้องอาศัยความอดทนเป็นพิเศษ ต้องแน่ใจว่ากระเป๋าเดินทางนั้นเบาและพกพาสะดวก เพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยของตัวเอง
 
ทั้งหมดนี้คือวิธีปฏิบัติในระหว่างการเดินทางหรือท่องเที่ยวที่หญิงตั้งครรภ์ควรจะปฏิบัติตามเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง และทารกในครรภ์ เพราะถึงแม้ว่าจะต้องมีการออกเดินทางหรืออยากออกไปท่องเที่ยวบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าการเดินทาง โดยเฉพาะการเดินทางไกลนั้นก็มีความเสี่ยงสำหรับหญิงตั้งครรภ์อยู่ไม่ใช่น้อยเลย ดังนั้นแล้วจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษในระหว่างการเดินทางเพื่อให้การเดินทางนั้นเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นนั่นเอง
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ bit.ly/2E885O9
 
แหล่งที่มา
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
612
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
514
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
477
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
436
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
421
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
417
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด