บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
5.8K
2 นาที
18 เมษายน 2561
7 กลยุทธ์เริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวเล็กๆนับจากศูนย์
 

ยุคนี้งานเลือกคนไม่ใช่คนที่จะเป็นฝ่ายเลือกงาน ดูได้จากอัตราการว่างงานของคนระดับปริญญาตรีที่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้การันตีว่าจะมีงานทำเสมอไป ดังนั้นอย่าแปลกใจที่แนวคิดเรื่องการเป็นนายตัวเอง การมีธุรกิจตัวเองจะถูกพูดถึงมากขึ้น แต่ความจริงกับความฝันบางทีมันก็สวนทางกันเสมอ การเริ่มต้นทำธุรกิจดูเหมือนจะไม่ยากแต่ก็มีตัวอย่างของคนที่ล้มเหลวมากมายให้เราดู

www.ThaiFranchiseCenter.com อยากให้คนที่มีความคิดอยากสร้างธุรกิจตัวเองมีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากขึ้นจึงนำความรู้เรื่อง 7 กลยุท์การเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวเล็กๆนับจากศูนย์ มาฝากกัน
 
เราจะไม่ขอพูดถึงวิธีการสร้างไอเดีย การวางแผนการตลาดและการเงิน รวมถึงเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับการทำธุรกิจเพราะคิดว่าพื้นฐานเหล่านี้มันควรจะอยู่ในหัวของคนที่อยากทำธุรกิจอยู่แล้ว แต่สิ่งที่สำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเราเริ่มต้นและอยู่รอดได้คือ
 
1.พยายามทำต้นทุนให้ต่ำที่สุด
 

เงินคือสิ่งสำคัญของการทำธุรกิจ (Cash is King) สิ่งที่จำเป็นต้องทำ คือ รักษาเงินสดไว้ใช้ในยามวิกฤตให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และวิธีที่เหมาะสม คือ การทำให้ต้นทุนต่ำเข้าไว้

เช่น ถ้าเริ่มทำธุรกิจโดยมีพนักงานแค่ 5 คนก็ไม่จำเป็นต้องเช่าสำนักงานขนาด 20 คนหรือหากเลือกเปิดหน้าร้าน ก็คงไม่ใช่การซื้อขาดไปเลย แต่ควรจะลองเช่าดูก่อนซัก 3 เดือนเพื่อดูว่าธุรกิจของเราเป็นอย่างไร พอไปไหวหรือเปล่า นั้นคือเราต้องพยายามรักษาเงินสดของเราไว้ในช่วงเริ่มต้นทำทุกวิถีทางที่จะควบคุมรายจ่ายทั้งหมดเอาไว้ให้น้อยที่สุด
 
2.จ้างงานแบบ Outsource 
 

แม้แต่อดีตประธานาธิบดีของอเมริกาอย่าง Lyndon B. Johnson ยังเคยกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “เรามีส่วนที่เราถนัด งานที่เราไม่ถนัดก็ต้องให้คนอื่นช่วยจะดีกว่า”  ซึ่งหากเราเริ่มทำธุรกิจแบบมือใหม่เราไม่ควรรวมงานทุกอย่างไว้ที่ตัวเอง ควรกระจายงานที่เราไม่ถนัดด้วยการจ้าง Outsource จะเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจได้ดีกว่า

เช่น หากเป็นธุรกิจเปิดใหม่ก็ไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงานมาทำบัญชี หรือจ้างนักกฎหมายมาดูสัญญาการซื้อขาย สิ่งที่ควรทำควรจ้าง Outsource พนักงานบัญชีที่ค่าใช้จ่ายประมาณ 30,000-50,000 บาท/ปี

ดีกว่าการจ้างพนักงานบัญชีประจำที่เฉลี่ยเดือนละ 15,000 บาท รวมถึงเรื่องสินค้าที่เราควรจ้างผลิตไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องจักรมาเอง ถ้าสินค้าเกิดขายไม่ได้ขายไม่ดี เราก็ยังเปลี่ยนไปขายอย่างอื่นได้แบบไม่เจ็บตัวด้วยการลงทุนที่มากมาย
 
3.ห้ามปฏิเสธโลกออนไลน์
 
ภาพจาก pixabay.com

การทำธุรกิจยุคนี้ห้ามปฏิเสธการตลาดออนไลน์เด็ดขาด โดยเฉพาะคนที่เริ่มต้นทำธุรกิจตัวเองนี่คือการตลาดแบบใช้ทุนน้อยที่สุดแต่ได้ผลมากที่สุด หากเราใช้ให้เป็น ปัจจุบันช่องทางตลาดออนไลน์มีหลากหลายรูปแบบทั้ง เฟสบุ๊ค, 
 
อินสตราแกรม,  ยูทูป,  Blog , Twitter แต่การนำเอาเครื่องมือเหล่านี้มาใช้ก็ต้องมีเทคนิคที่ดีเพราะเรามุ่งหวังเรื่องกำไรและรายได้ดังนั้นต้องเรียนรู้และศึกษาการทำตลาดด้วยวิธีเหล่านี้ให้มาก
 
4.จัดตั้งบริษัทไว้ล่วงหน้าเพื่อกู้เงินเสริมสภาพคล่อง
 

แม้ในช่วงแรกของการเริ่มต้นเราไม่พร้อมที่จะเปิดตัวยิ่งใหญ่ แต่สิ่งที่เราต้องไม่ลืมคือ การเตรียมความพร้อมเอาไว้และสามารถหยิบมาใช้ได้ทันทีเหมือนที่ประธานาธิบดีของอเมริกาอย่าง Benjamin Franklin เคยกล่าวไว้ว่า “เมื่อคุณไม่เตรียมตัวให้พร้อม ก็เตรียมใจที่จะล้มเหลวได้เลย”
 
เหตุที่บอกว่าเราควรมีการจัดตั้งบริษัทไว้ล่วงหน้าก็เพื่อจะขอวงเงินสินเชื่อกับธนาคารได้ง่าย เพราะธนาคารส่วนใหญ่มักบอกว่า บริษัทของเราต้องมีอายุมากกว่า 3 ปี ถึงจะกู้ได้

หรืออีกวิธี คือ ไปซื้อชื่อบริษัท ที่บริษัทอื่นตั้งไว้หลายๆ ปีก่อน เพื่อสวมชื่อ และกู้เงินได้ทันที ซึ่งการมีเงินทุนที่เกิดจากการจัดตั้งบริษัทไว้ล่วงหน้า เราอาจจะได้โอกาสที่ดีในวันหน้าซึ่งจำเป็นต้องใช้เงินทุนที่มากขึ้น เราจึงควรเตรียมความพร้อมส่วนนี้ไว้ให้ดี
 
5.บัญชีรายรับรายจ่ายคือหัวใจของธุรกิจ
 

ถ้าเราเริ่มทำบัญชีให้เป็นระบบ และทำประมาณการรายรับ รายจ่ายของธุรกิจล่วงหน้าเพื่อดูว่า เมื่อไรที่คุณขาดเงิน จะได้หาเงินมาเติมสภาพคล่องของธุรกิจได้ทัน หรือการเก็บหนี้ของธุรกิจทำได้ดีหรือไม่ สินค้าคงคลังอยู่ในสต็อกเรานานหรือเปล่า   

นอกจากนี้ ยังสามารถบอกได้ว่า ฝ่ายขาย หรือฝ่ายการตลาดได้ทำหน้าที่ตามเป้าหมายที่เราวางไว้หรือไม่ เรื่องการมีบัญชีที่เป็นระบบทำให้เรารู้ว่าธุรกิจเราเดินหน้าไปในทิศทางไหน สามารถปิดจุดอ่อนและสร้างจุดแข็งได้ทันท่วงที
 
6.พัฒนาสินค้าแค่อย่างใดอย่างหนึ่งก่อน
 

เราต้องระลึกไว้เสมอว่าธุรกิจของเรายังตั้งตัวไม่ได้ แม้ยอดขายจะเริ่มดีบ้าง แต่เราก็ควรมีสมาธิและมุ่งมั่นกับสินค้าตั้งต้นของเราเพียงตัวเดียวไปก่อน ตามหลักทฤษฏี 80: 20 ของ Vilfredo Pareto นักเศรษฐศาสตร์ชาวอิตาลี ที่กล่าวว่า “80% ของชนิดสินค้าที่เรามี จะสร้างยอดขายได้เพียง 20% ของยอดขายทั้งหมด

แต่สินค้าที่อยู่ 20% ที่เหลือ จะสร้างยอดขายได้ถล่มทลายถึง 80% ของยอดขายทั้งหมด”   หมายถึงเราควรโฟกัสสินค้าที่ขายดีของเราที่สุดก่อนเพื่อให้ธุรกิจของเป็นรูปเป็นร่างและอยู่ได้ ไม่ใช่ใช้ทรัพยากรอย่างสะเปะสะปะ โปรยไปทุกสายผลิตภัณฑ์ มันจะเป็นการศูนย์เสียโดยใช่เหตุ
 
7.ศึกษาและก้าวตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด
 

หลักของการทำธุรกิจคือ “ยิ่งเล็กยิ่งต้องเร็ว” หมายถึงจุดเด่นของธุรกิจขนาดเล็กที่จะขยับตัวได้เร็วและดีกว่าบริษัทขนาดใหญ่ที่มีระบบการทำงานที่ซับซ้อนมากกว่า ยิ่งที่เราเกาะกระแสของตลาดได้และจับทิศทางความต้องการของลูกค้าได้เร็ว นำมาสู่การพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ได้ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี 

หน้าที่ของนักธุรกิจหน้าใหม่ที่ต้องทำคือศึกษาว่าสินค้าที่เรามียังมีคนต้องการอีกหรือไม่ หรือมันเก่าไปแล้วตกยุคไปแล้ว และหากต้องหาโอกาสใหม่ๆที่จะขยายธุรกิจจะต้องฟังจากความเห็นของลูกค้า คุยกับคู่ค้า เพื่อให้เห็นทิศทางการพัฒนาสินค้าที่ถูกต้องต่อไป
 
การเริ่มต้นทำธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่สำคัญที่การวางแผนให้เป็นระบบ การสร้างธุรกิจที่มาจากรากฐานที่มั่นคงจะส่งผลให้มีโอกาสที่จะเติบโตเป็นยักษ์ใหญ่ได้ ก้าวแรกของการเริ่มต้นเป็นสิ่งสำคัญหากผิดพลาดตั้งแต่ก้าวแรกก้าวที่เหลือมันก็จะผิดพลาดเป็นระบบต่อๆกันไปด้วย
 

SMEs Tips
  1. พยายามทำต้นทุนให้ต่ำที่สุด
  2. จ้างงานแบบ Outsource
  3. ห้ามปฏิเสธโลกออนไลน์
  4. จัดตั้งบริษัทไว้ล่วงหน้าเพื่อกู้เงินเสริมสภาพคล่อง
  5. บัญชีรายรับรายจ่ายคือหัวใจของธุรกิจ
  6. พัฒนาสินค้าแค่อย่างใดอย่างหนึ่งก่อน
  7. ศึกษาและก้าวตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด
สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมาย ติดตามได้ที่  goo.gl/Io5k2S
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
612
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
514
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
477
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
434
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
421
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
417
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด