ยิ่งเทคโนโลยีก้าวหน้ามากขึ้นเท่าไหร่โอกาสที่คนเราจะยึดติดอยู่กับเทคโนโลยีก็มีมากขึ้นเท่านั้น ผลสำรวจจาก Voice of America (VOA) พบว่าคนอเมริกันมีอาการเครียดเพิ่มมากขึ้นสาเหตุหนึ่งเพราะหมกหมุ่นอยู่กับโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คและสื่อดิจิตอลมากเกินไปจนส่งผลต่อสุขภาพด้วยเหตุนี้เขาจึงได้แนะนำว่าวิธีการทำ Digital Detox หรือการลดละ เว้นระยะการใช้อุปกรณ์เหล่านี้

ด้วยเหตุนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com ก็มี 5 สัญญาณอันตรายหากใครมีสัญญาณเหล่านี้เกิดขึ้นนั้นก็แสดงว่าควรค่าแก่เวลาที่เราควรทำ Digital Detox กันได้แล้ว

 

 

ภาพจาก goo.gl/pyQNWu

สัญญาณแรกของการบอกได้เลยว่าเราควรทำ Digital Detox นั้นคือการที่ดวงตาเริ่มพร่ามัว สายตาเริ่มแย่ลง เพราะการจ้องหน้าจอนานๆ โดยไม่พักสายตา จะทำให้กะพริบตาน้อยลง และทำให้ดวงตาแห้งไม่ชุ่มชื้น

นอกจากนั้น แสงสีฟ้าจากจอโทรศัพท์ที่ปล่อยออกมายังสามารถทะลุทะลวงเข้าลูกตาได้มากกว่าแสงทั่วไป ส่งผลให้เกิดตาแดง ตาพร่า และตาเสื่อม
 

ดังนั้นหากเริ่มมีอาการที่ว่านี้อย่าคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาควรแก้ไขเบื้องต้นด้วยการพักสายตามองธรรมชาติรอบตัวหันเหความสนใจออกจากจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์สักพักก็จะช่วยได้ในระดับหนึ่ง

 

2. Panic Attack
 

Panic Attack หรืออาการลนลาน ตื่นตระหนก ถือเป็นสัญญาณไม่ดีนักในลำดับที่สอง ให้เราลองสังเกตตัวเองดูก็ได้ว่าเรามีอาการ Panic Attack หรือเปล่า โดยดูจากเวลาที่ลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน หรือไม่มีโทรศัพท์อยู่ใกล้ตัวจะเกิดอาการกระวนกระวายหรือไม่

อาการแบบนี้อาจดูน่าขำ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะบางคนกังวลถึงขั้นส่งผลทางการคือ ใจสั่น ใจเต้นแรง แน่นหน้าอก เหงื่อออก หายใจไม่ทัน ถือว่าเป็นอาการที่ค่อนข้างรุนแรงในกรณีที่ยึดติดอยู่กับโซเชี่ยลมากๆ

 

 
อาการแบบนี้เรียกว่า พักไม่เป็น บางคนทำงานอยู่กับจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันหลายชั่วโมงถึงเวลาพักเบรกกลางวันซึ่งส่วนใหญ่จะมีเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงแต่กลับใช้เวลาว่างนั้น เล่นโทรศัพท์มือถือ โดยอาจจะทั้งการเล่นเฟสบุ๊ค อินสตราแกรม ไลน์

รวมถึงบางคนก็เช็คอีเมลล์ผ่านมือถือในช่วงพักกลางวันกันเลยทีเดียว สิ่งเหล่านี้บอกให้รู้ว่าเรากำลังทำงานมากเกินไปกลายเป็นว่าทุกวินาทีต้องติดอยู่กับโซเชี่ยล ก็ถือเป็นสัญญาณที่ไม่ดีอีกเช่นกัน

 

4.เริ่มมีอาการปวดหัวและหลงลืม
 

เป็นอาการที่เรารู้สึกว่ามึนศรีษะ หรือบางครั้งถึงขั้นปวดหัว และมีอาการหลงลืมมากขึ้น สาเหตุเบื้องต้นก็คือแสงสีฟ้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ ที่นอกจากทำให้สายตาเสียอาจทำให้ปวดศรีษะได้ด้วย

รวมถึงอาการที่เลวร้ายกว่านั้นคือ การสูญเสียความจำระยะสั้นที่แพทย์ระบุเป็นอาการหนึ่งของ Digital Dementia (โรคความจำเสื่อมเพราะเทคโนโลยี) เนื่องจากการผูกติดกับสมาร์ทโฟนที่ช่วยคิดช่วยจำทำให้ผู้ใช้ไม่รู้สึกว่าต้องจดจำข้อมูลใดๆ เช่น หมายเลขโทรศัพท์เราก็บันทึกไว้บนเครื่องไม่มานั่งจดในสมุดหรือคอยจำแต่อย่างใด

 

คำว่า Poor Posture หมายถึงการอยู่ในอิริยาบถที่ผิด เราจะเห็นกรณีนี้ได้ชัดเจนจากคำว่าสังคมก้มหน้า เพราะนี่คือ Poor Posture ชนิดหนึ่งที่เป็นอิริยาบถที่ผิดธรรมชาติและการที่ปล่อยให้ตัวเองอยู่กับโทรศัพท์มากเกินไปก้มหน้าก้มตาดูแต่โทรศัพท์ติดต่อกันนั้นหมายถึงกระดูกต้นคอจะแบกรับน้ำหนักมากกว่าปกติ ทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า “หน้ายื่น” (Forwarded Head Syndrome) นำไปสู่อาการปวดหลัง ปวดคอได้

 

เมื่อเกิดสัญญาณอันตรายเหล่านี้เกิดขึ้นนั้นก็หมายความว่าเราควรหาเวลาทำ Digital Detox กันได้แล้วซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องทำได้ยากแต่อย่างใด เริ่มแรกก็ทำการปิด Notification หรือเสียงแจ้งเตือนทั้งหลายแหล่บนโทรศัพท์ เหลือไว้แต่ที่จำเป็นจริงๆ และกำหนดเวลาในการเช็กข้อความบนโทรศัพท์ เช่น ไม่เกินครั้งละ 20 นาที เป็นต้น

นอกจากนั้น ก่อนเข้านอนควรงดใช้มือถือหรือแท็บเล็ต เป็นไปได้ควรปิดเครื่องไว้ขณะนอนหลับด้วยการทำ Digital Detox นอกจากพักตัวเองจากเทคโนโลยียังช่วยบรรเทาอาการเสพติดมือถือได้อีกวิธีหนึ่งด้วย สำคัญคือต้องอดทน และใจแข็งพอจึงจะผ่านพ้นไปได้

 

แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เรียกว่า Digital Detox นี้พูดง่ายแต่ทำยาก ถ้าไม่เชื่อก็ลองไม่สนใจโทรศัพท์สัก 1-2 ชั่วโมง ห้ามคิดถึงห้ามใช้งาน บางคนอาจทำได้แต่เชื่อเถอะว่าคนส่วนมากทำไม่ได้แน่นอน ยิ่งโลกของเทคโนโลยีก้าวหน้ามากขึ้นเท่าไหร่การเสพย์ติดเทคโนโลยีของคนเราก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น อยู่ที่ว่าใครจะมีสติตั้งรับและใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ดีกว่ากัน ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับสุขภาพของเราล้วนๆด้วย

 

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S