บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
2.9K
3 นาที
6 มิถุนายน 2560
5 เมกะเทรนด์ที่จะพลิกโฉมหน้าวงการธุรกิจไทยในปี 2030


 
ภาพจาก goo.gl/Ur1ZDU

ว่ากันปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อการกำหนดเทรนด์ปี 2030 คือ การเปลี่ยนแปลงด้านประชากร ทรัพยากร เทคโนโลยีใหม่ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ และความยั่งยืน อาจต้องใช้ทรัพยากรของโลก ถึง 3 ใบ เพื่อรองรับความต้องการของประชากรโลก 8.4 พันล้านคน ในอีก 13 ปีข้างหน้า อีกทั้งการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งมิติทางสังคม เศรษฐกิจ และรัฐ จะเป็นตัวชี้วัดความอยู่รอดทางธุรกิจในอนาคตของแต่ละประเทศทั่วโลก
 
วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com จะขอนำเสนอ 5 เทรนด์ใหญ่ที่ทรงอิทธิพลในปี 2030 จากการคาดการณ์ของบริษัท คอนซัลต์ระดับโลก โรแลนด์เบอร์เกอร์ (Roland Berger) มาดูพร้อมๆ กันเลยว่า ธุรกิจไทยจะเตรียมรับมืออย่างไร 

1.ผู้คนจะอายุยืนยาวมากขึ้น และ 1.4 พันล้านคนจะเป็นผู้สูงอายุ
 

 
ภาพจาก goo.gl/RuiZVP

ในอีก 13 ปีข้างหน้า มนุษย์อาจมีอายุยืนยาว ร่างกายไม่ได้เสื่อมสภาพตามอายุ พูดง่ายๆ ก็คือต่อให้เราอายุเกิน 100 ปี ร่างกายของเราก็ยังไม่แก่ แถมยังทำงานได้ตามปกติ นอกจากผู้คนจะมีโอกาสเข้าถึงการรักษาอย่างเท่าเทียมกันมากขึ้นแล้ว เทคโนโลยีอัจฉริยะจะช่วยยืดอายุร่างกายให้ทำงานได้นานขึ้น 
 
นักออกแบบอวัยวะสามารถสั่งตัดอวัยวะใหม่จากเครื่องพิมพ์สามมิติเพื่อใช้ในการผ่าตัด ขณะที่ข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วยจะถูกส่งจาก นาโนชิป ที่ฝังในร่างกายไปถึงแพทย์ประจำตัวทันที
สังคมยุคใหม่จะเต็มไปด้วยคน หลายเจเนอเรชั่น ทางองค์การสหประชาชาติคาดการณ์ว่าในอีก 14 ปี จะมีผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) มากถึง 1.4 พันล้านคน หรือ 16.5% ของประชากรโลกทั้งหมด 8.4 พันล้านคน 
 
ขณะที่ผู้สูงอายุไทยจะพุ่งสูงถึง 30% ของประชากรทั้งหมด 68.3 ล้านคน คนรุ่นเบบี้บูม จะเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อเยอะ และการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อทุกอุตสาหกรรมและตลาด แรงงานในอนาคตอย่างแน่นอน

โอกาสที่น่าสนใจของธุรกิจไทย
  • พัฒนาสินค้าและบริการให้น่าใช้ ตอบสนองทั้งฟังก์ชั่นการใช้งาน รสนิยม และความต้องการของผู้สูงอายุยุคใหม่
  • เทคโนโลยีอัจฉริยะจะเข้ามาช่วยดูแลผู้สูงอายุ เช่น สมาร์ตโฮมที่มีระบบเซ็นเซอร์แจ้งเตือนการหกล้ม และ Wearble Device ที่ช่วยบันทึกสุขภาพหรือระบุโลเคชันของผู้สูงอายุแบบเรียลไทม์
  • บริการด้านการเงินและการวางแผนการออมในวัยเกษียณทั้งรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์
  • บริการรถสาธารณะ เช่น แอพพลิเคชั่นเรียกแท็กซี่สำหรับผู้สูงอายุ และรถยนต์ไร้คนขับ
2. โลกไร้พรมแดนและอำนาจทางเศรษฐกิจใหม่โตแบบก้าวกระโดด

 
ภาพจาก goo.gl/ZcD8Qy

ว่ากันว่ากระแสโลกาภิวัตน์ ยังคงมีอิทธิพลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกจนถึงปี 2030 ภาคการส่งออกจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพี กลุ่มเศรษฐกิจ BRICS จะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจขึ้นกว่า 2 เท่า โดยมีมูลค่าทางจีดีพีเป็น 38% ของจีดีพีโลก ขณะที่ประชากรอินเดีย จะแซงหน้าจีน ชนชั้นกลางจะเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และพาอินเดียก้าวขึ้นมาเป็นประเทศมหาอำนาจในเวทีเศรษฐกิจโลก
 
โอกาสที่น่าสนใจของธุรกิจไทย
  • วิเคราะห์ซีเนริโอและประยุกต์ใช้กับแผนการลงทุนทำธุรกิจ เพื่อจัดการกับความเสี่ยง และพัฒนาศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจให้ทัดเทียมกับตลาดของกลุ่มเศรษฐกิจ BRICS
  • จับตาตลาดและกลุ่มผู้บริโภคที่จะกลายเป็นขั้วอำนาจทางเศรษฐกิจใหม่ เช่น อินเดีย
3.โลกอาจขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ 
 
 
ภาพจาก goo.gl/Dh1kBh

ความท้าทายใหญ่ที่ทุกคนจะต้องเผชิญร่วมกันก็คือ การขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติที่ผลิตทดแทนไม่ได้ ในปี 2030 จำนวนประชากรโลกจะพุ่งทะยานถึง 8.4 พันล้านคน การเติบโตของชนชั้นกลางจะส่งผลให้ชุมชนกลายเป็นเมือง และเกิดการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว
 
โดยคาดว่าปี 2030 จะมีคนอาศัยอยู่ในเขตเมืองมากกว่า 5 พันล้านคน โดยเฉพาะในแอฟริกาและเอเชีย ภาคอุตสาหกรรมการผลิต และโรงงานผลิตไฟฟ้าทำให้เราต้องใช้ทรัพยากรน้ำมากกว่าเดิมเกือบ 40% ที่น่ากังวลก็คือ เราจะมีทรัพยากรมากพอสำหรับความต้องการมหาศาลเช่นนี้ได้ ก็ต่อเมื่อมีโลกมากถึง 3 ใบ
 
อย่างไรก็ตาม เราอาจเสี่ยงต่อภาวะขาดแคลนน้ำ ภายใน 50 ปี กว่าครึ่งหนึ่งของประชากรโลกจะอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีทรัพยากรน้ำไม่เพียงพอต่อการบริโภค และบางประเทศจะประสบปัญหาขาดแคลนน้ำรุนแรงในปี 2040
 
โอกาสที่น่าสนใจของธุรกิจไทย
  • ทุกธุรกิจควรวางแผนการจัดการทรัพยากรและพลังงานอย่างฉลาด หรือใช้พลังงานทางเลือกแทนพลังงานจากฟอสซิล
  • ทำงานกับนักจัดการทรัพยากรเพื่อลดทรัพยากรการผลิต หรือเปลี่ยนสินค้าให้เป็นบริการแทน เช่น สื่อสตรีมมิง การบริการระบบคลาวด์และแอพพลิเคชั่น
  • สินค้าและบริการที่คำนึงถึงตลอดวงจรการผลิตและลดของเสียให้เป็นศูนย์หรือ Zero Waste จะเป็นที่นิยมมากขึ้น
  • บรรจุภัณฑ์ในอนาคตจะย่อยสลายได้ตามธรรมชาติทันทีหลังใช้งานเสร็จ หรือแม้กระทั่งกินได้
  • เกิดเทรนด์แฟชั่นใหม่ที่สร้างมูลค่าจากโมเลกุลของผงฝุ่น มลภาวะ และขยะ
4.โลกของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค 4.0
 
 
ภาพจาก goo.gl/qLBl00

การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 จะเปลี่ยนโลกทั้งใบไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ เทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างนาโนเทคโนโลยี ไบโอเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ และปัญญาประดิษฐ์ จะกำหนดพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนเรา จากการสร้างเครื่องจักรเพื่อผ่อนแรงทุ่นแรงเพื่อผลิตให้มากที่สุด 
 
มนุษย์จะเข้าสู่ยุคที่เครื่องจักรและหุ่นยนต์สื่อสารกันเอง และสร้างระบบการผลิตที่ไม่ต้องพึ่งแรงงานมนุษย์ เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติ จะผลิตสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเฉพาะกลุ่มในคราวเดียว หรือ Mass Customization ในแบบที่ Mass Production ทำไม่ได้ เครื่องจักรจะสร้างเครื่องจักรด้วยกันเอง 
 
ทุกกิจกรรมและความเคลื่อนไหวบนโลกออฟไลน์จะถูกแปรเป็นข้อมูลดิจิตอล ภาพเสมือนจริงจากเทคโนโลยี Virtual Reality จะทับซ้อนกับความเป็นจริงจนแทบแยกกันไม่ออก คนที่จัดการวิเคราะห์ข้อมูลบิ๊กดาต้าได้เหนือชั้นกว่า จะเป็นฝ่ายได้เปรียบในสมรภูมิทางการค้า ยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ จะทำให้การขนส่งเดินทางและระบบโลจิสติกส์เป็นไปอย่างสะดวกราบรื่น แต่โลกอนาคตอันแสนสะดวกสบาย อาจต้องแลกมาด้วยภัยคุกคาม การก่อการร้ายรูปแบบใหม่ และการล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัว โดยที่เราไม่รู้ตัว หรือแม้แต่ถูกหุ่นยนต์แย่งงานทำ
 
โอกาสที่น่าสนใจของธุรกิจไทย
  • บริษัทใหญ่ๆ ต้องปรับตัว เช่น จับมือกับบริษัทไอทีหรือเทกสตาร์ตอัพ พัฒนานวัตกรรมและสินค้าบริการให้ทัดเทียม
  • อาชีพที่จะมาแรงคือ นักออกแบบสื่ออินเตอร์เฟสและมัลติมีเดียสำหรับ Virtual Reality และ Augmented Reality นักมานุษยวิทยาหุ่นยนต์ นักออกแบบปัญญาประดิษฐ์ ขณะที่อาชีพเกี่ยวกับธุรการในออฟฟิศจะค่อยๆ ลดบทบาทและสูญหายไป
  • บิ๊กดาต้าจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันทางธุรกิจและเพิ่มความปลอดภัยในโลกออนไลน์
5. ผู้บริโภคจะเรียกร้องหาความเป็นธรรม ความรับผิดชอบทางสังคมมากขึ้น 

 
ภาพจาก goo.gl/2KFLgH

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่โครงสร้างประชากร โลกาภิวัตน์ การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ปัญหาสิ่งแวดล้อม ภัยพิบัติ การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศแบบสุดขั้ว การขาดแคลนทรัพยากร ความเท่าเทียมกันทางเพศ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การปฏิรูปการศึกษา สิ่งเหล่านี้นำไปสู่คำตอบที่ว่า การพัฒนาที่ยั่งยืนจะต้องครอบคลุมทั้งระดับสังคม เศรษฐกิจ และประเทศ 
 
ผู้บริโภคจะเรียกหาความเป็นธรรมมากขึ้น และยินดีสนับสนุนธุรกิจที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ ไม่ว่าจะค้นคว้าข้อมูลเอง หรือทำงานร่วมกับผู้ผลิตท้องถิ่นโดยตรง ถ้าหากสินค้าและบริการมาจากการผลิตที่เอาเปรียบแรงงานและละเมิดสิทธิมนุษยชน ผู้บริโภคยุคใหม่ก็พร้อมจะตั้งคำถาม ตรวจสอบ ต่อต้าน หรือเลิกซื้อสินค้า/บริการแบรนด์นั้นๆ ทันที
โอกาสที่น่าสนใจของธุรกิจไทย
  • แพลตฟอร์มออนไลน์ที่เปิดให้สาธารณชนเข้าถึงข้อมูลของบริษัท / องค์กรเพื่อตรวจสอบความโปร่งใส (Open Data)
  • วางแผนการพัฒนาธุรกิจ โดยคำนึงถึงความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ความเท่าเทียมกันทางเพศ และสิทธิมนุษยชน
ทั้งหมดเป็น 5 เมะกะเทรนด์ที่คาดว่าจะเปิดขึ้นในปี 2030 ทีมงานคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์อย่างมาก สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจภาคต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในการเตรียมตัวรับมือกับปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า ซึ่งธุรกิจที่ปรับตัวได้ทัน หรือธุรกิจที่มองเห็นความต้องการผู้บริโภค น่าจะมีโอกาสกับเทรนด์ที่ของโลกที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2030 
 

Tips
  1. ผู้คนจะอายุยืนยาวมากขึ้น และ 1.4 พันล้านคนจะเป็นผู้สูงอายุ
  2. โลกไร้พรมแดนและอำนาจทางเศรษฐกิจใหม่โตแบบก้าวกระโดด
  3. โลกอาจขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ 
  4. โลกของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค 4.0
  5. ผู้บริโภคจะเรียกร้องหาความเป็นธรรม ความรับผิดชอบทางสังคมมากขึ้น 
อ้างอิงข้อมูล goo.gl/VYoPC0
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
612
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
514
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
477
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
434
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
419
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
417
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด