บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
2.9K
2 นาที
15 ธันวาคม 2559
อ่านหนังสือราคาหลักร้อยต่อยอดธุรกิจหลักล้าน เราทำได้!

 
แม้ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปสู่ดิจิตอลมากขึ้นทุกที หลายคนอาจมองว่าการหาความรู้ทำได้ง่ายๆ แค่เพียงปลายนิ้วคลิ๊ก อยากรู้อะไรก็เสิร์ชหา

ไม่จำเป็นต้องขวนขวายหรือติดตามข่าวสารอะไรให้มากความ และนี่อาจเป็นเหตุผลด้านลบที่ทำให้คนจำนวนมากยังมองหาความสำเร็จไม่เจอ ด้วยความคิดที่ง่ายเกินไป และไม่ตั้งใจจะทำอะไรแบบจริงจัง
 
มีคำกล่าวของนักการตลาดระดับโลกพูดถึงการลงทุนที่ชาญฉลาดว่าต้องเริ่มจากการลงทุนศึกษาหาความรู้และก็ต้องเป็นแบบจริงจังไม่ใช่ฉาบฉวย

www.ThaiFranchiseCenter.com จึงอยากให้ทุกคนที่ต้องการประสบความสำเร็จมีแนวคิดอีกด้านที่เรียกว่าคิดใหม่ทำใหม่กับการอ่านตำราที่แม้จะดูว่าเป็นเรื่องล้าหลังแต่เชื่อหรือไม่ว่านักธุรกิจระดับโลกก็มีแรงบันดาลใจจากหนังสือเหล่านี้ที่สำคัญอ่านแล้วทำตาม นั้นคือการต่อยอดจากหลักร้อยไปสู่หลักล้านที่ใครทำได้ถือว่าเก่งสุดยอดเลยทีเดียว

4 วิธีนำความรู้จากตำราสู่การทำธุรกิจเงินล้าน
 
1.การเรียนรู้อย่างมีจุดหมาย (Learning goals)

การเป็นนักอ่านที่ดีไม่ใช่คนที่อ่านหนังสือทุกเรื่อง รู้ข้อมูลทุกเล่ม แต่การอ่านเพื่อทำธุรกิจนั้นสิ่งสำคัญคือเราต้องรู้ความต้องการของตัวเองว่าอยากทำอะไร แต่ละคนมีความชอบความถนัดที่แตกต่างกัน บางคนชอบตัวเลข อยากเป็นนักเล่นหุ้น บางคนชอบการลงทุน  บางคนชอบการเขียน  การถ่ายรูป  คอมพิวเตอร์

ดังนั้นเมื่อเรารู้เป้าหมายตัวเองมีหนังสือจำนวนมากที่ตอบสนองกับสิ่งที่เราต้องการ หากคิดจะประสบความสำเร็จค้นหาหนังสือเหล่านั้นและอ่านอย่างจริงจัง จดจำทุกเทคนิคที่สำคัญ สิ่งเหล่านี้คือการจุดประกายและสร้างแนวทางแห่งการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี
 
ยกตัวอย่างหนังสือ The Millionaire Messenger ที่ทำให้ใครหลายคนตัดสินใจเริ่มต้นทำ E-book กันมากขึ้น แน่นอนว่าหนังสือเล่มนี้กล่าวถึงเส้นทางของตลาดออนไลน์อย่าง E-book ว่ามีจุดเด่นจุดด้อยอย่างไร และการทำตลาดออนไลน์ในรูปแบบ E-book ที่ถูกต้องนั้นควรเป็นทิศทางไหน สำหรับคนที่มีใจรักด้านนี้การได้อ่านหนังสือเล่มนี้ถือเป็นกุญแจทองที่ไขประตูสู่คำว่าเงินล้านได้อย่างดีทีเดียว
 
2.เรียนรู้แล้วลงมือทำทันที (Learn and take immediate action)

แต่สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่อ่านแล้วเพ้อฝันถึงความสำเร็จสิ่งที่ยากกว่าการค้นหาตัวเองคือเมื่อเจอว่าตัวเองต้องการอะไรแม้จะรู้เทคนิค ศึกษาวิธีการมามากมายแต่สุดท้ายถ้าไม่ลงมือทำทุกอย่างก็ไม่ต่างจากอากาศที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

วลีหนึ่งที่นักการตลาดกล่าวคือ “คิดได้ทำเลย” และอย่าไปยึดติดกับคำว่า “ในตลาดมีเยอะแล้ว” ให้มองอีกด้านถ้านั่นคือสิ่งที่เราคิดและอยากทำต่อให้มีสินค้าในตลาดมากก็หมายความว่ามันยังเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคยังต้องการอยู่

เหตุผลของการศึกษาตำราและลงมือทำแบบทันทีคือการเล่นกับความรู้สึกที่ยังโชติช่วง จะมีแรงผลักดันมากเป็นพิเศษ ที่เหลือคือการค้นหาเส้นทางที่ดีที่สุดของการทำธุรกิจไม่จำเป็นต้องแคร์คู่แข่ง ทำตัวเองให้เด่นและแตกต่างมีตำราเป็นไกด์นำทาง ที่เหลือคือการกระโจนลงสู่สนามธุรกิจเพื่อสะสมประสบการณ์ที่แท้จริงต่อไป
 
ยกตัวอย่างหนังสือคือ Zero to One ที่พูดถึงว่าโลกนี้จะไม่มี มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก คนที่สอง นั้นหมายถึงโมเดลธุรกิจที่มีอยู่แล้วอาจจะเป็นเค้กก้อนใหญ่สุดแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีช่องทางอื่นในเวทีเดียวกันให้เริ่มต้น ยังมีอีกหลายสิ่งที่เข้าไปเติมเต็มเค้กก้อนนั้น สิ่งสำคัญคือต้องหาจุดนั้นให้เจอเหมือนผู้เขียน Zero to One ที่ทำธุรกิจจ่ายเงินออนไลน์คู่ไปกับ Facebook อย่างได้ผลมาแล้ว
 
3.จงเรียนรู้จากตำราเพื่อเอาหลักคิด(Learn to take the main ideas)

การอ่านหนังสือที่ดีไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือทั้งเล่ม หนังสือทุกเล่มมักจะมีหลักคิดมีบางอย่างที่เป็น Key-take-away เพื่อจุดประกายสมอง ให้บรรลุสู่ความรู้แบบปลดล็อกได้เป็นอย่างดี และบางครั้ง เราเพียงต้องการหลักคิดบางอย่างจากผู้รู้ เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เราคิดนั้นถูกต้องและเพื่อเดินหน้าต่อไป
 
ยกตัวอย่างหนังสือ Secret of the Millionaire Mind ที่เปรียบเปรียบเทียบจิตคนกับภาชนะ และเงินกับสสาร ถ้าภาชนะยังไม่ใหญ่พอ เวลาสสารถล่มใส่ก็จะไหลล้นออกเพื่อพาคุณกลับไปสู่จุดเดิม อุปมาอุปมัยว่าถ้าคนจนอย่างไรมา ถูกหวยสิบล้านก็กลับไปจนเหมือนเดิม

ดังนั้นต้องขยายจิตแห่งการรองรับเงินนั้นด้วยการหาวิธีรักษาที่จะอย่างไรให้เงินนั้นต่อยอดได้มากขึ้น หรือ การต่อมาคือ เปรียบเทียบทัศนคติของเงินกับรากไม้ และเงินกับผลไม้ ทัศนคติต้องดีจากราก ผลลัพธ์ทางการเงินจึงจะออกมาดีด้วยได้
 
4.เรียนรู้เพื่อเอา “ฮาวทู”( Learn How-to)

มีบางตำราที่เรียกว่าเป็นส่วนเติมเต็มสำหรับคนที่อยากทำธุรกิจ บางเล่มเป็นแรงผลักดัน บางเล่มเป็นวิธีการสร้างแบรนด์ แต่หนังสือเพียง 1 หรือ 2 เล่ม อาจไม่ทำให้เกิดธุรกิจได้

ถ้าไม่มีการศึกษาตำราที่เรียกว่า “How-to” เพื่อผนวกเอาทุกอย่างไว้เป็นระบบเดียวกัน นั้นคือความหมายของการศึกษาตำรารูปแบบนี้ที่ผู้สนใจทำธุรกิจจำเป็นต้องอ่านเพราะในตำราประเภทนี้จะบอกวิธีการสร้างธุรกิจที่เป็นรูปธรรมเช่น การทำเว็บไซต์ การทำตลาดออนไลน์ การเจรจาการขาย นั้นคือสิ่งสำคัญที่เราจะสามารถนำมาใช้แล้วทำให้เกิดเป็นรูปธรรมได้อย่างชัดเจนที่สุด
 
ตัวอย่างของหนังสือประเภทนี้เช่น The 4-Hour Work Week ที่พูดเรื่องการวางระบบ E-commerce auto system
 
โดยผู้เขียนกล่าวว่าการสร้างแพลทฟอร์มการขายที่ดีต้องมีการวางโปรดักส์ที่ชัดเจน ซึ่งก็ไม่จำเป็นว่าต้องเรื่องของธุรกิจออนไลน์เท่านั้น ธุรกิจทุกอย่างมีแพลทฟฟอร์มของตัวเองได้แต่ต้องมีระบบการตลาดที่เด่นชัดเพื่อให้กำหนดทิศทางของการทำธุรกิจได้อย่างถูกต้องมากที่สุด
 
คนที่มีความรู้จากการอ่านตำราถือว่ากุมความได้เปรียบมากพอสมควร ข้อดีของหนังสือคือสามารถหยิบมาทบทวนเรื่องราวได้ตลอดเวลา และต่อให้โลกใบนี้เปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหนหนังสือดีๆ ก็ยังเป็นไกด์ไลน์ที่สำคัญและถ้าคิดจะทำธุรกิจการหาหนังสือที่เกี่ยวข้องมาอ่านเพิ่มเติมความรู้ดูจะเป็นการลงทุนที่ไม่มากแต่ว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอน
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ปี 2026 ธุรกิจไทยต้องคิดให้ลึกกว่า “กำไร” หัวใจอ..
544
10 Digital Marketing Agency ตัวช่วยเพิ่มยอดขาย ส..
466
กับดักเกษียณ คนไทยบางคน! จนก่อนแก่ แย่ก่อนตาย
414
เพิ่มวิวไลฟ์สด ให้ยอดขายพุ่ง! ดันแฟรนไชส์ของคุณใ..
359
ปี 2025 ธุรกิจยิ่งทำยิ่งจม! Preemptive Adaptatio..
357
กลยุทธ์ตั้งราคา CJ คุ้ม แพ็คใหญ่ ราคาส่ง ครองใจล..
352
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด