6 แฟรนไชส์ร้านกาแฟสด น่าลงทุน 2568 
 

คาดการณ์ปี 2568 ตลาดกาแฟในไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ข้อมูลปี 2566 ตลาดกาแฟในไทยมีมูลค่า 60,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดกาแฟในบ้าน 33,000 ล้านบาท เติบโต 10% กาแฟนอกบ้าน 27,000 ล้านบาท 
 

โดย 17,000 ล้านบาท เป็นร้านกาแฟในปั๊มน้ำมัน เติบโต 25% ต่อปี มีโอกาสเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะจากข้อมูลการดื่มกาแฟในไทยปัจจุบันเพิ่มเป็น 300 แก้ว/คน/ปี จากเดิม 150-200 แก้ว/คน/ปี 
 

มูลค่าตลาดกาแฟในไทย สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจร้านกาแฟ โดยเฉพาะแฟรนไชส์ร้านกาแฟ ขยายตัวต่อเนื่องทุกปี ครองสัดส่วนตลาดร้านกาแฟมากที่สุด แค่แบรนด์เดียวอย่างเคาเฟ่ อเมซอน มีถึง 4,600 สาขา ไม่รวมแบรนด์ดังอื่นๆ ที่มีเป็นร้อยเป็นพันสาขา
 

ปี 2568 จึงมาพร้อมกับโอกาสในการเป็นเจ้าของธุรกิจร้านกาแฟ ด้วยการลงทุนเปิดร้านแฟรนไชส์ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมีประสบการณ์ ก็สามารถเป็นเจ้าของร้านกาแฟได้ เพียงแค่เลือกแบรนด์ที่มีระบบสนับสนุนให้คุณเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างราบรื่นและมั่นคง
 

TF Today รวบรวมแฟรนไชส์ร้านกาแฟสด แบรนด์ดังในไทย น่าลงทุนในปี 2568 พร้อมข้อมูลเชิงลึกของแต่ละแบรนด์ เพื่อให้คุณใช้เปรียบเทียบ และเลือกแบรนด์ที่เหมาะสมกับตัวคุณมากที่สุด 
 

 

คาเฟ่ อเมซอน เปิดตัวเมื่อปี 2545 ภายใต้บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR สาขาแรกในปั๊ม ปตท. ศรีเจริญภัณฑ์ วิภาวดี ปัจจุบันมี 4,600 สาขาทั้งในและต่างประเทศ อาทิ จีน มาเลเซีย ลาว กัมพูชา พม่า ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น เวียดนาม โอมาน และซาอุดีอาระเบีย
 

แต่ละเดือนมีคนสนใจสมัครแฟรนไชส์คาเฟ่ อเมซอน ถึง 500 ใบสมัคร แต่ OR อนุมัติได้ปีละ 500 สาขาเท่านั้น นั่นจึงเป็นสาเหตุทำให้นักลงทุนหลายคน บ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า...ช้ามาก ที่ช้าเพราะทาง OR ไม่ได้แจ้งกลับว่าไม่ผ่านการพิจารณา จะแจ้งเฉพาะคนที่ผ่านการพิจารณาเท่านั้น ส่วนใหญ่ใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน
 

เหตุผลสำคัญที่ OR อนุมัติแฟรนไชส์ปีละ 500 สาขา เพราะทางบริษัทไม่ได้มุ่งเน้นการขยายสาขาในเชิงปริมาณ แต่ต้องการให้คาเฟ่ อเมซอน เป็นธุรกิจที่สร้างกำไรให้ผู้ลงทุนได้เป็นอย่างดี มีโอกาสคืนทุนภายใน 3 ปี ดังนั้น การพิจารณาจึงต้องรอบคอบเป็นพิเศษ โดยมีเงื่อนไขพิจารณาที่น่าสนใจ เช่น
 

พิจารณาจาก "ทำเล" เป็นอันดับแรก ต้องมีคนสัญจรผ่านไปมา 3,000 คนต่อวัน เปิดร้านแล้วมีความโดดเด่น ถัดไปเป็นเรื่องประสบการณ์ และเงินลงทุน ถ้าใครทำธุรกิจแฟรนไชส์อยู่แล้ว ยิ่งมีโอกาสได้รับการพิจารณามากกว่าคนอื่น 
 

คาเฟ่ อเมซอน มียอดขายทะลุเป้า จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 1 ล้านแก้วต่อวัน ปรากฏว่า 9 เดือนแรกของปี 2567 ร้านกาแฟนกแก้วมียอดขายรวมกันมากถึง 299 ล้านแก้ว เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า 8.3% พูดให้ชัดๆ ก็คือ คาเฟ่ อเมซอน ขายได้เฉลี่ยเดือนละ 33 ล้านแก้ว เท่ากับขายได้ราวๆ 1.1 ล้านแก้วต่อวัน
 

 

คาเฟ่ อเมซอน แต่ละสาขาจะขายได้ประมาณ 250-300 แก้วต่อวัน สมมติขายได้ 300 แก้ว คิดราคาเฉลี่ยแก้วละ 60 บาท รายได้แต่ละวันจะอยู่ที่ 18,000 บาท ถ้าคิดเป็นรายเดือนอยู่ที่ 540,000 บาท ยังไม่หักค่าจ้างพนักงาน และค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ 
 

จุดอ่อน คาเฟ่ เมซอน ก็มีเช่นกัน ลูกค้าหลายๆ คนบ่นว่าพนักงานในร้านไม่ค่อยมี Service Mind รสชาติกาแฟแต่ละสาขาไม่เหมือนกัน บางครั้งลูกค้าต้องเน้นย้ำว่าเอาหวานมาก หวานน้อย ที่สำคัญซื้อแฟรนไชส์ได้ยากมาก เพราะคนสมัครเยอะ

 

กาแฟพันธุ์ไทย เปิดตัวเมื่อปี 2555 ภายใต้บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด ในเครือบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เจ้าของปั๊มน้ำมัน PT กว่า 2,200 แห่งทั่วประเทศ สาขาแรกเปิดที่ปั๊มน้ำมัน PT อ.บางปะหัน อยุธยา ปัจจุบันมี 1,300 สาขา ทั้งในไทยและลาว 1 สาขา 
 

แบ่งเป็นสาขาในปั๊มน้ำมัน 60% นอกปั๊มน้ำมัน 40% จุดเด่นชูอัตลักษณ์ความเป็นไทย มีเมนูเครื่องดื่มที่เลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นทั่วทุกภาคของไทย เช่น น้ำตาลดอกมะพร้าวจากอัมพวา ตาลโตนดจากสงขลา ส้มมะปี๊ด จากจันทบุรี เป็นต้น 
 

กาแฟพันธุ์ไทย เป็นแฟรนไชส์ร้านกาแฟสดที่มีสาขามากเป็นอันดับ 2 ในไทย รองจากคาเฟ่ อเมซอน เพิ่งจะสปีดขยายสาขาแซงหน้าแฟรนไชส์กาแฟ “อินทนิล” ได้เมื่อช่วงปลายปี 2567 เป็นแฟรนไชส์ร้านกาแฟที่เติบโตต่อเนื่อง 
 

กาแฟพันธุ์ไทยเลือกใช้เมล็ดกาแฟ “ดอยช้าง” เมล็ดกาแฟอาราบิก้าของไทยที่ได้รับมาตรฐานติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก ทำให้ได้กาแฟที่มีกลิ่นหอมและรสชาติเข้มข้น นุ่มลิ้น 
 

สาเหตุที่ทำให้คนเริ่มสนใจลงทุนแฟรนไชส์กาแฟพันธุ์ไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาจเป็นเพราะร้านกาแฟพันธุ์ไทยมีการกลับมาใช้บริการของลูกค้ารายเดิม รวมถึงกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตรสมาชิก PT Max Card กว่า 23 ล้านราย และ PT Max Card Plus สีแดง ที่มีคนถืออยู่ราว 1 ล้านราย เข้ามาเป็นตัวช่วยในการขยายสาขากาแฟพันธุ์ไทย 
 

โดยจะมีโมเดลของร้าน 3 รูปแบบ คือสาขา Stand Alone, สาขาในรูปแบบ Built-In ในอาคาสำนักงาน และสาขาที่เป็น Kiosk กาแฟพันธุ์ไทยขยายสาขาได้ครอบคลุมพื้นที่ 74 จังหวัด ขาดจังหวัดที่ยังไม่ได้เข้าไป คือ ยะลากับนราธิวาส
 

 

ภาพรวมกาแฟพันธุ์ไทย 9 เดือนแรกปี 2567 มีรายได้ 1,540 ล้านบาท เติบโต 75.1% มีสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 1,126 สาขา เติบโต 48.9% มียอดขายสาขาเดิมเติบโตระหว่าง 20-30% หรืออยู่ที่ 100 – 120 แก้วต่อวันต่อสาขา ปัจจุบันมี 1,300 สาขา 

3.อินทนิล (Intranin)
 

 

แฟรนไชส์กาแฟ “อินทนิล” เปิดตัวเมื่อปี 2548 ภายใต้บริษัท บางจาก รีเทล จำกัด สาขาแรกเปิดที่เจริญกรุงตัดใหม่ ปัจจุบันมี 1,005 สาขาทั้งในไทย ลาว กัมพูชา เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน 
 

สาเหตุมาจากยอดขายร้านกาแฟอินทนิลบางสาขาลดลง ทำให้ต้องลดจำนวนสาขาที่ผลประกอบการไม่ดี อีกทั้งบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มแบรนด์สินค้าหลากหลาย และการเพิ่มร้านค้าพันธมิตรที่มีศักยภาพในสถานีบริการบางจากให้ครอบคลุมมากขึ้น 
 

จุดเด่นอินทนิล คือ ความน่าเชื่อถือของแบรนด์แฟรนไชส์ ผู้ลงทุนสามารถเชื่อใจในความสำเร็จได้สูง เพราะเป็นธุรกิจในเครือบางจากฯ รวมถึงการนำรูปแบบดีไซน์ร้านที่เป็น “ยูนีค ดีไซน์” ปรับเข้ากับความต้องการของลูกค้าในแต่ละทำเลได้ ถือเป็นจุดที่แตกต่างจากคู่แข่งขันรายอื่นๆ เป็นการตอบโจทย์ของการเป็น Third Place ของชุมชนหรือทำเลนั้นๆ ที่เข้าไปเปิด 
 

นอกจากเรื่องดีไซน์ร้านแบบยูนีค ดีไซน์ ความแตกต่างที่จับต้องได้ที่อินทนิลมี ก็คือเ ตัวผลิตภัณฑ์ยอดนิยม คือ อเมริกาโน่เย็น หอม สดชื่น ด้วย อาราบิก้าแท้ 100%, โกโก้เย็น เข้มสุด และชาไทยลาเต้เย็น หอม ละมุน ชงสดจากใบชาไทย 

 

อินทนิล ยังคงมีการเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 200 สาขา

 

แฟรนไชส์กาแฟชาวดอย เปิดตัวเมื่อปี 2545 ภายใต้บริษัท เค.วี.เอ็น. อิมปอร์ตเอกซ์ปอร์ต (1991) จำกัด ในเครืออโรม่ากรุ๊ป ปัจจุบันมี 25 สาขา เมื่อช่วงปลายปี 2567 จับมือปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ สู้ศึกร้านกาแฟในปั๊ม ขยายสาขากาแฟชาวดอยเพิ่ม 200 สาขาใน 5 ปีในปั๊มคาเท็กซ์ทั่วประเทศกว่า 528 แห่ง 
 

 

ชูจุดเด่นคัดเมล็ดกาแฟจากแหล่งวัตถุดิบคุณภาพ รสชาติเป็นเอกลักษณ์ตามฉบับกาแฟชาวดอยในราคามิตรภาพ มีเมนูอื่นๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านกาแฟชาวดอย เช่น ชา โกโก้ ให้กับเฟรนไชส์ของชาวดอย ไปจนถึงการจัดตั้งสถาบันสอนพัฒนาธุรกิจร้านกาแฟ และระบบแฟรนไชส์ที่มีมาตรฐาน ทำให้กาแฟชาวดอยมีการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์เพื่อผู้บริโภคทุกสาขา

5.ดิโอโร่
 

ภาพจาก www.facebook.com/D.OroThailand.1999

แฟรนไชส์ร้านกาแฟ “ดิโอโร่” ร้านกาแฟของคนไทย เปิดตัวเมื่อปี 2542 ภายใต้บริษัท โกลเด้น ครีม จำกัด สาขาแรกที่ปั้มน้ำมันเชลล์ ปัจจุบันมีจำนวน 115 สาขา ขายเครื่องดื่มราคาเริ่มต้น 50-85 บาท/แก้ว
 

จุดเริ่มต้นของ “ดิโอโร่” มาจากวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่อยากเห็นคนไทยมีกาแฟไทยที่ได้มาตรฐานไม่แพ้ที่ใดในโลก ได้ลิ้มรสถึงรสชาติความอร่อย กลิ่นหอมของกาแฟคุณภาพดีฝีมือคนไทยในราคาที่เหมาะสม

ภาพจาก www.facebook.com/D.OroThailand.1999

 

ภาพลักษณ์ที่โดดเด่นของแฟรนไชส์ “ดิโอโร่” จะออกไปทางแบรนด์กาแฟคุณภาพ เน้นรสชาติกลมกล่อมและบรรยากาศร้านที่หรูหรา เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน ทำเลเปิดร้านส่วนใหญ่ตามสำนักงานออฟฟิศ

 

 

แบล็คแคนยอน แฟรนไชส์ร้านกาแฟและอาหาร ภายใต้บริษัท แบล็คแคนยอน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวเมื่อปี 2536 สาขาแรกเปิดอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันมีจำนวน 300 สาขา

 

ย้อนกลับไปจะเห็นว่า แบล็คแคนยอน เกิดและเติบโตมาจากธุรกิจ Coffee & Restaurant ตั้งแต่ครั้งที่กระแสของกาแฟยังไม่เบ่งบานเช่นปัจจุบัน ทศวรรษที่ผ่านมากลับสร้างแบรนด์จนได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั้งในและต่างประเทศ 
 

โดยเฉพาะในช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมา แบล็คคอนยอนประกาศศักดาความสำเร็จ ของร้านกาแฟสไตล์ Coffee & Restaurant ด้วยการเปิดแฟรนไชส์ในต่างประเทศมากถึง 6 สาขา เป็นแบรนด์แฟรนไชส์ไทยยุคแรกๆ ที่ออกไปเปิดตลาดต่างประเทศได้ โดยปัจจัยที่ทำให้แบล็คแคนยอนประสบความสำเร็จในต่างประเทศ คือ กาแฟรสชาติสากล และเมนูอาหารไทยถูกปากคนต่างชาติทำให้เติบโตได้รวดเร็ว อีกทั้งทางแบรนด์มีการจัดร้านสวย ให้บริการที่ดีจึงเป็นที่น่าสนใจของลูกค้า

ภาพจาก www.facebook.com/BlackCanyonThailand

 

แบล็คแคนยอน มีวิสัยทัศน์เป็นผู้นำธุรกิจร้านกาแฟและอาหารในภูมิภาคเอเชีย ด้วยเมนูอาหารและเครื่องดื่มหลากหลาย ตกแต่งร้านทันสมัย เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการทำธุรกิจร้านร้านกาแฟและอาหารควบคู่กัน 

สุดท้าย การเลือกซื้อแฟรนไชส์ควรทำการศึกษาหาข้อมูลให้รอบคอบ เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียธุรกิจแฟรนไชส์แต่ละแบรนด์อย่างละเอียด เพื่อให้การลงทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงได้ในอนาคต

 

นักเขียน

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)