แฟรนไชส์ “อาหาร-เครื่องดื่ม” ยังโต! กูรูแนะรับมือ “แฟรนไชส์จีน” ถาโถมไทย ปี 2568 
 

ปี 2568 ธุรกิจแฟรนไชส์อาหาร เครื่องดื่ม ยังโตต่อ แต่มีทั้งเปิดใหม่และปิดตัว แทรนด์แฟรนไชส์มาแรงยังเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ สุขภาพ คลินิกกายภาพบำบัด ค้าปลีกซึ่งจะเกิดแบรนด์ใหม่ๆ แยกย่อยออกมาเฉพาะสินค้า ส่วนแฟรนไชส์จากจีนบุกไทยต่อเนื่องในโมเดลไซส์ใหญ่ ทั้งค้าปลีก เรสเตอรองท์ กูรุแนะผู้ประกอบการไทยพัฒนาสินค้าสร้างแบรนด์ บริการ สร้างระบบแฟรนไชส์ที่แข็งแกร่งเป็นมาตรฐาน บริหารจัดการต้นทุนให้ต่ำ
 

อ.อมร อำไพรุ่งเรือง ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาธุรกิจแฟรนไชส์ เผยภาพรวมธุรกิจแฟรนไชส์ในไทยตลอดปี 2567 มีการเติบโตได้ดีขึ้นเรื่อยๆ หลังฟื้นตัวจากการระบาดโควิด-19 แม้สภาพเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ธุรกิจแฟรนไชส์ที่ยังโตเป็นกลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม ไอศกรีม เป็นผลจากการบุกตลาดในไทยของแฟรนไชส์จีน ส่งผลให้มีการแข่งขันในตลาดสูง มีการเปิดแฟรนไชส์ใหม่ๆ 

 

สำหรับปี 2568 ธุรกิจแฟรนไชส์กลุ่มสตรีทฟู้ด สแตนด์อโลน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม ยังเติบโตต่อไปได้ แต่ก็จะมีทั้งธุรกิจแฟรนไชส์ที่เปิดใหม่ และธุรกิจแฟรนไชส์ที่ปิดตัวลงไป มาจากปัจจัยระบบแฟรนไชส์หลังบ้านไม่แข็งแกร่ง ปัญหาแฟรนไชส์เหล่านี้จะมีให้เห็นเป็นประจำทุกปี ถ้าหากปีไหนเศรษฐกิจไม่ดีก็จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจแฟรนไชส์ต้องปิดตัวมากขึ้น 
 

ในส่วนของแฟรนไชส์จากจีน มองว่า ในปี 2568 จะมีธุรกิจแฟรนไชส์ขนาดใหญ่ขึ้น หลากหลายประเภท ทยอยเข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง หลังจากแฟรนไชส์ยานยนต์ ค้าปลีก เรสเตอรองท์ ไอศกรีมและเครื่องดื่มจากจีนเข้ามาก่อนแล้ว 
 

แฟรนไชส์จากจีนที่จะตามเข้ามาในไทย เช่น ค้าปลีกแนวร้านค้าจิปาถะ เรสเตอรองท์ ที่ผ่านมาอาจจะเป็นบริษัทแม่เข้ามาลงทุนก่อน ต่อไปธุรกิจเหล่านี้จะมีการขยายสาขารูปแบบแฟรนไชส์มากขึ้น 

 

ถามถึงการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย อ.อมร เผยว่า ผู้ประกอบการไทยสามารถปรับตัวและรับมือกับแฟรนไชส์จากจีนได้ในระดับหนึ่ง เพราะมีประสบการณ์จากก่อนหน้ามีแฟรนไชส์จากอเมริกา ยุโรป และอื่นๆ เข้ามาเปิดตลาดในไทย ส่วนแฟรนไชส์จีนอาจจะได้รับผลกระทบในเรื่องการแข่งขันด้านราคา ธุรกิจจีนจะได้เปรียบจากการผลิตสินค้าจำนวนมาก ทำให้ต้นทุนต่ำ 
 

ปี 2568 มองว่าแฟรนไชส์จากจีนจะไม่สามารถแข่งขันในเรื่องราคาอย่างเดียว เพราะผู้ประกอบการไทยมีการพัฒนาในเรื่องของการให้บริการและบริหารจัดการที่ดีขึ้น ส่วนจีนจะมาเน้นในเรื่องของการทำแบรนด์ดิ้ง เขาจะไม่มาขายของถูกอย่างเดียว 
 

ดังนั้น ภาพโดยรวมแฟรนไชส์จากจีนที่จะเข้ามาในไทยปี 2568 แต่ละธุรกิจจะมีพัฒนาการและระบบที่ดีขึ้น เน้นการสร้างแบรนด์ สร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า และควบคุมคุณภาพมาตรฐานที่ดีกว่าเดิม 
 

 

ผู้ประกอบการไทยจะต้องปรับตัวในเรื่อง การพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ที่ต่างจากจีน (แฟรนไชส์แดรี่ควีนและแฟรนไชส์น้ำเต้าหู้โต้ว ได้พัฒนาเมนูใหม่ต่างจากตลาด คือ ไอศกรีมน้ำเต้าหู้) สร้างแบรนด์ การบริการ การสร้างระบบแฟรนไชส์ที่แข็งแกร่งเป็นมาตรฐาน ที่สำคัญก็คือการบริหารจัดการต้นทุนให้ต่ำ จึงจะสามารถแข่งขันกับแฟรนไชส์จีนได้ 
 

สำหรับแนวโน้มและเทรนด์แฟรนไชส์ปี 2568 อ.อมร เผยว่า แฟรนไชส์กลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม ยังคงแรงและเติบโตต่อเนื่อง แต่จะมีทั้งแฟรนไชส์เปิดใหม่และแฟรนไชส์เก่าปิดตัวลงไป ส่วนเทรนด์แฟรนไชส์ที่จะไปได้ต่อเนื่อง ได้แก่ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ สุขภาพ คลินิกกายภาพบำบัด ค้าปลีกซึ่งจะเกิดแบรนด์ใหม่ๆ แยกย่อยออกมาเฉพาะสินค้า (กิ๊ปช็อป สินค้าราคาเดียว)
 

 

ส่วนแฟรนไชส์ที่น่าเป็นห่วง คือ การศึกษาประเภทติวเตอร์ ส่วนประเภทเพิ่มทักษะ หุ่นยนต์ ภาษา จะเริ่มฟื้นกลับมา ดังนั้น ผู้ประกอบการแฟรนไชส์ไทย จำเป็นต้องพัฒนาธุรกิจอยู่ตลอด บริหารจัดการต้นทุน สร้างเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้ทันสมัย 

 

นักเขียน

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)