กวดวิชาค่านิยมการศึกษาเด็กไทย

ในตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงซัมเมอร์หน้าร้อนของเมืองไทยสักที รวมถึงยังเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่เด็กนักเรียนหรือนักศึกษาต่างเฝ้ารอคอย เพราะเป็นการปิดเทอมภาคฤดูร้อนที่จะสามารถมีระยะเวลาในการพักผ่อนสมองได้ยาวนานกว่าในช่วงของการปิดเทอมเดือนตุลาคม

หลากรุ่นหลายวัยจึงได้มีโอกาสพบปะสังสรรค์กันแบบไม่ต้องซีเรียส มีหนังสือมากองอยู่ตรงหน้าใส่แว่นตาหนาอ่านตำรากันจนมืดค่ำอีกต่อไป แต่กระนั้นด้วยในขณะนี้ค่านิยมของผู้ปกครองมีความต้องการให้ลูกหลานของตนได้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยและโรงเรียนชั้นนำของประเทศ จึงมีเด็กนักเรียนอีกจำนวนไม่น้อยที่ต้องนำเวลาช่วงซัมเมอร์นี้ไปใช้ในการบินไปเรียนรู้ภาษาต่างประเทศกับแคมป์ภาคฤดูร้อนในประเทศต่างๆ หรือถ้างบประมาณน้อยไม่ค่อยอยากโกอินเตอร์ สิ่งหนึ่งที่ทำได้คือพึ่งพาบุคลากรวิชาชีพครูในโรงเรียนกวดวิชาแทน

ในปีที่ผ่านมาจากข้อมูลศูนย์วิจัยกสิกรไทยพบว่า ตลาดรวมธุรกิจกวดวิชามีมูลค่าราว 7,160 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 5% แน่นอนว่าการเติบโตยังคงจะมีแนวโน้มอย่างต่อเนื่อง เพราะการแข่งขันเพื่อชิงเข้ามหาวิทยาลัยชั้นเลิศของเด็กนักเรียนมีมากขึ้น จะด้วยเพราะค่านิยมที่ถูกบ่มเพาะมาจากผู้ปกครอง อยากเรียนตามเพื่อน หรือแม้แต่เพื่อโอ้อวดในสังคมก็ตาม

สิ่งเหล่านี้ก็ส่งผลให้โรงเรียนกวดวิชาผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ขณะที่ปัจจัยของค่าหลักสูตรในวิชาต่างๆ ก็เริ่มมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ประกอบกับความต้องการของนักเรียนที่ยังมีมากอย่างต่อเนื่อง ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงได้ประมาณการมูลค่าตลาดธุรกิจกวดวิชาในปี 2558 ว่าจะสามารถเติบโตและมูลค่าได้อยู่ที่ 8,189 ล้านบาท สำหรับการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดธุรกิจกวดวิชา ทำให้ผู้ประกอบการได้ขยายธุรกิจในลักษณะที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาเพิ่มเติม ทั้งในส่วนของการให้บริการแนะแนวทางในการศึกษา รวมถึงการเปิดให้บริการแฟรนไชส์ธุรกิจทางการศึกษา เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของการดำเนินธุรกิจกวดวิชาที่มีการแข่งขันค่อนข้างดุเดือดเพียงอย่างเดียว ขณะเดียวกันเด็กไทยยุคนี้มักมีการหาความรู้ใหม่ผ่านโลกออนไลน์กันเป็นจำนวนมาก

ทางผู้ประกอบการจึงต้องปรับตัวเพื่อให้ทันท่วงทีและตอบสนองการเรียนรู้ให้ดีที่สุด การกวดวิชาในลักษณะออนไลน์จึงได้เกิดขึ้นและกลายเป็นเซ็กเมนต์ใหม่ของตลาดกวดวิชาไปในที่สุด ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะได้รับความนิยมจากผู้เรียนมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีความสะดวกสบายแก่ผู้เรียนอีกด้วย เพราะไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปยังโรงเรียนกวดวิชา รวมถึงราคาก็ยังถูกกว่าการไปนั่งเรียนที่สถาบันกวดวิชา ซึ่งตรงจุดนี้เองจะสามารถทำให้ผู้ที่มีทุนทรัพย์น้อยสามารถมีติวเตอร์กับคนอื่นได้ตลอด 24 ชั่วโมงด้วยเช่นกัน

หากถามว่าการกวดวิชามีความสำคัญและความจำเป็นมากแค่ไหน เป็นแค่เทรนด์หรือกระแสของเด็กที่เรียนตามต่อกันไป หรือเพียงเพราะความต้องการของผู้ปกครองเพียงเท่านั้นหรือเปล่า อันที่จริงก็ต้องยอมรับกันว่าการเรียนการสอนในโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาของประเทศไทยยังขาดแคลนอาจารย์อยู่เป็นจำนวนมาก รวมถึงในบางครั้งการเรียนเพียงแต่ในห้องเรียน ก็ไม่สามารถทำให้ผู้เรียนเข้าใจในศาสตร์หรือวิชาเหล่านั้นได้อย่างลึกซึ้ง

เนื่องจากเวลาในการสอนที่รวบรัดตามกำหนดระยะเวลาที่วางไว้ การแสวงหาความรู้เพิ่มนอกชั้นเรียนจึงได้เกิดขึ้น ซึ่งโรงเรียนกวดวิชาก็คงเป็นทางเลือกที่ผู้เรียนให้ความสนใจ เพราะแต่ละแห่งก็มักจะนำบุคลากรผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงเข้ามาเป็นครูผู้สอนให้แก่เด็กเหล่านั้น จึงทำให้เด็กสามารถทบทวนบทเรียนไปในตัว และสามารถเข้าใจกับสิ่งที่ไม่เข้าใจได้มากขึ้น เพราะโรงเรียนกวดวิชาจะค่อนข้างใส่ใจกับผู้เรียนตามราคาค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว ผลก็คือเด็กที่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังชั้นเลิศของเมืองไทยจำนวนไม่น้อยก็ผ่านการกวดวิชามาแทบทั้งสิ้น

แต่ในทางกลับกันการกวดวิชาก็มีผลต่อสุขภาพจิตของเด็กอยู่ไม่น้อย เพราะหากเด็กคนไหนมีพื้นฐานความรู้ที่ไม่ค่อยดีนักเป็นเดิมอยู่แล้ว การกวดวิชาที่เป็นการรวบรัดความเข้าใจที่คิดว่าง่ายสำหรับใครหลายคน อาจส่งผลให้เด็กที่มีความเข้าใจยากเกิดความเครียดก็เป็นได้

ท้ายที่สุดการเติบโตของธุรกิจกวดวิชาก็เป็นตัวชี้วัดได้ว่าความต้องการหาความรู้นอกห้องเรียนมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั่นแสดงให้เห็นว่าระบบการเรียนการสอนในห้องเรียนที่เขาว่ากันว่าเป็นปัญหามาอย่างยาวนาน ก็ยังคงมีปัญหาอยู่ แนวการสอนที่เคร่งเครียดวัดผลกันด้วยตัวเลขของคะแนนในแต่ละชั่วโรงเรียน ทำให้เด็กไม่สนุกกับการเรียน ห้องเรียนจึงอาจมีความน่าสนใจเพียงแค่การได้เจอเพื่อนร่วมชั้น แต่วิชาหรือการเรียนการสอนอาจไม่สามารถดึงดูดใจเด็กนักเรียนได้

อย่างไรก็ตาม การประเมินผลในชีวิตของคนเราไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ว่าการได้เข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำแนวหน้าของเมืองไทยแล้วคุณจะประสบความสำเร็จในชีวิต การเดินเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสังคมใหม่มากกว่าที่จะเป็นตัวชี้วัดว่าชีวิตประสบความสำเร็จแล้ว และผู้ที่ไม่สามารถเดินเข้าไป ณ จุดนั้นได้ ก็มิใช่ว่าชีวิตของคุณจะพบพากับความล้มเหลวไปตลอดชีวิต

คำว่าการได้เข้าสู่มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต ประโยคนี้ก็ค่อนข้างจะจริงอยู่ไม่น้อย วัดได้จากผู้ที่ยืนหยัดควบคู่คำว่ามีความสำเร็จในวันนี้หลายคน ก็มิได้เกิดจากการถูกปั้นจากสถาบันอันมีชื่อเสียงแต่อย่างใด หากแต่เกิดจากมือ สมอง และความมุมานะทะเยอทะยานของพวกเขาที่ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคแทบทั้งสิ้น การมีภาษีที่ดีกว่าก็มิใช่ว่าความอดทนในชีวิตจะสูงกว่าใครเขา การกวดวิชาจึงเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งในการเติมเต็มความรู้ เพราะแท้จริงแล้วการเรียนรู้สามารถทำได้ตลอดชีวิต.

อ้างอิงจาก ไทยโพสต์