บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
2.1K
3 นาที
4 ตุลาคม 2564
รู้ทันกลโกง! หลอกขายของออนไลน์! รับมือได้อย่างไร??
 

จากข่าวที่กำลังเป็นที่พูดถึงกรณีหลอกขายไอโฟนให้กับลูกค้า ก็ต้องยอมรับว่าเคสนี้ไม่ใช่กรณีแรก แต่ในความเป็นจริงมิจฉาชีพในลักษณะนี้มีเยอะมาก ยิ่งตลาดออนไลน์เติบโตมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะได้เจอมิจฉาชีพเหล่านี้ก็มีมากขึ้น 
 
www.ThaiFranchiseCenter.com เรียกว่าคนเหล่านี้เป็นพวกโจรออนลน์ที่มีการพัฒนาตัวเองเพื่อจะเข้าหาเราได้มากขึ้น หลายครั้งที่ปรากฏเป็นข่าวดังนั้นความรู้ในเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อให้เราไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของบรรดามิจฉาชีพเหล่านี้ ซึ่งแน่นอนว่ากลโกงของ “โจรออนไลน์” ไม่ได้จำเพาะอยู่แค่เรื่องการดูดเงินในบัญชีของเราเท่านั้น แต่สมัยนี้การ “ขายของออนไลน์” ก็มีกลโกงสารพัดรูปแบบที่เราต้องทำความเข้าใจจะได้รับมือได้ถูก
 
1.กลโกง “ล้วงข้อมูล” ขโมยเงินในบัญชี
 
ภาพจาก https://bit.ly/3Daou0t

การจะขโมยเงินในบัญชีเราได้โจรต้องรู้ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล, วัน-เดือน-ปีเกิด, เลขที่ประจำตัวประชาชน, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล, รหัสผ่าน, เลขบัญชี, เลขหน้าบัตร, รหัสหลังบัตร, รวมถึงรหัส OTP หากข้อมูลเหล่านี้ใครได้ไปเขาก็สามารถปลอมเป็นตัวเราได้สบายๆ

วิธีจะได้มาซึ่งข้อมูลเหล่านี้คือการ “ขุดหลุม” ให้เหยื่อเชื่อใจและตกหลุมพราง ซึ่งการขุดหลุมในโลกออนไลน์คือการสร้างโซเชี่ยลปลอมๆ ขึ้นมา ทั้ง SMS, Email, LINE, Facebook เพื่อให้คนมาติดกับ เป้าหมายของโจรออนไลน์คือใครก็ได้ที่เข้ามาตกหลุมนี้

และสิ่งที่ใช้คู่กับโซเชี่ยลปลอมก็คือ “ข้อความลวง พร้อมลิงก์เว็บไซต์ปลอม” ที่ส่งมาด้วยชื่อผู้ส่งที่ดูน่าเชื่อถือ เช่น ธนาคาร หน่วยงานรัฐ หรือองค์กรใหญ่ ๆ พร้อมหัวข้อที่ดูน่าตื่นเต้นหรือชวนให้รู้สึกเดือดร้อนใจ โดยจะมีเนื้อหาโน้มน้าวให้เราคลิกลิงค์ดังกล่าว เช่น คุณคือผู้โชคดีได้รับรางวัลพิเศษ คลิกลิงค์นี้ทันที , คุณได้รางวัลพิเศษจากธนาคารกรุณาอัพเดทข้อมูลเพื่อรับรางวัลทันที เป็นต้น ถ้าใครคล้อยตามกดลิ้งค์ หรือกรอกข้อมูลลงไป ส่วนใหญ่จะสูญเงินในบัญชีจำนวนมาก
 
2.สินค้าไม่ตรงปก คนขายไม่รับผิดชอบ
 

ภาพจาก freepik.com

น่าจะเคยได้ยินข่าวกันบ่อยที่สุดคือ “สินค้าไม่ตรงปก” สั่งของอีกอย่างได้อีกอย่าง เช่นสั่งแท็บเล็ต แต่ได้เขียง , สั่งสเก็ตบอร์ดแต่ได้โมเดลของเล่น แบบนี้เป็นต้น แน่นอนว่าลูกค้าเมื่อได้สินค้าที่ไม่ตรงปกยอ่มต้องเสียความรู้สึก และต้องคิดว่างานนี้เราโดนโกง หลายคนที่ได้สินค้าไม่ตรงปกแบบนี้ก็มักจะติดต่อกับเจ้าของร้านที่ซื้อทันที

หากเป็นร้านที่มีคุณภาพ มีความน่าเชื่อถือ เราอาจจะได้รับเปลี่ยนสินค้า เพราะอาจเกิดจากความผิดพลาดบางประการ แต่พ่อค้าแม่ค้าบางคนกลับติดต่อไม่ได้เลย แสดงว่าเป็นการตั้งใจโกงกันจริงๆ หลายคนที่โดนโกงแบบนี้แต่เลือกปล่อยผ่านเพราะคิดว่าเป็นบทเรียนก็ยิ่งทำให้พ่อค้าแม่ค้าขี้โกงเหล่านี้ได้ใจและไปหลอกคนอื่นในลักษณะเดียวกันอีกจำนวนมาก
 
3.กลโกง “เก็บเงินปลายทาง”
 

ภาพจาก freepik.com

วิธีโกงแบบเก็บเงินปลายทางคือโจรเหล่านี้จะเอาชื่อที่อยู่ของคนอื่นจากโซเชี่ยลมีเดีย จากนั้นก็จะส่งสินค้าไปให้โดยที่เราไม่ได้เป็นคนสั่ง ซึ่งสินค้าเหล่านี้ต้นทุนราคาสินค้าไม่แพง เช่น สร้อย , เคสโทรศัพท์ ฯลฯ โดยระบุว่าให้เก็บเงินปลายทางถามว่าพวกโจรได้อะไร คำตอบคือ ส่วนต่างของราคาที่รวมๆ แล้วมูลค่าเยอะมาก เช่น ค่าส่ง 40 ค่ากล่อง 3 บาท ค่าของในกล่อง 20 บาท รวมต้นทุน 63 บาท เก็บปลายทาง 200 บาท ถ้ามีคนจ่ายกำไรทันที 137 บาทต่อกล่อง และลองคิดดูว่าถ้าใน 1 วันมีเหยื่อสัก 100 คน กำไรวันนั้นคือ 13,700 บาท มูลค่าจะมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับว่ามีเหยื่อมากเท่าไหร่ด้วย

แน่นอนว่าการกระทำนี้ถือเป็นการหลอกลวงเพื่อให้ได้ไปซึ่งทรัพย์ เป็นความผิดฐานฉ้อโกง ถ้าส่งไปเยอะๆ เกินสิบคนขึ้นไป เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน คนที่ถูกหลอกเอาเงินไป ต้องไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดี กับคนที่ส่งซึ่งจะต้องมีชื่อที่ระบุไว้กับบริษัทที่รับส่ง
 
4.โอนเงินแล้วไม่ได้รับสินค้า ติดต่อคนขายไม่ได้
 

ภาพจาก freepik.com

อีกรูปแบบหนึ่งคือโอนเงินไปแล้ว แต่ไม่ได้รับสินค้า แถมพ่อค้าแม่ค้าที่น่าจะเป็นโจรก็ดันติดต่อไม่ได้ วิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้ต้องเก็บหลักฐานสำคัญเพื่อนำไปแจ้งความได้แก่ 
  • รูปถ่ายของร้านค้า หน้าโปรไฟล์ของผู้ขาย หรือลิงก์ URL ของเว็บไซต์
  • หน้าประกาศขายสินค้า
  • ชื่อ ที่อยู่ หรือเบอร์โทรของผู้ขาย
  • เลขที่บัญชีสำหรับโอนเงินค่าสินค้า
  • หลักฐานการพูดคุย ตกลงซื้อ – ขายสินค้า
  • หลักฐานการชำระเงินและเวลาโอนเงินนำบัตรประชาชน สมุดบัญชีธนาคารของตัวเอง 
โดยต้องนำหลักฐานทั้งหมดไปแจ้งความดำเนินคดีที่โรงพักที่อยู่ในเขตของผู้แจ้งความ และต้องระบุด้วยว่า “ขอให้ดำเนินคดีจนถึงที่สุด”เมื่อแจ้งความเรียบร้อยแล้วให้นำเลขบัญชีของมิจฉชีพที่โกง ใบแจ้งความ และหลักฐานการโอนเงินไปยังธนาคารปลายทางของบัญชีมิจฉาชีพ จากนั้นให้ยื่นเรื่องขอคืนเงินหรืออายัดบัญชี เมื่อคนร้ายไม่สามารถใช้เงินในบัญชีได้ก็จะทำให้คุณสามารถดำเนินคดีกับคนร้ายและได้เงินคืนมา
 
5.มี “หน้าม้า” คอยกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ
 

ภาพจาก freepik.com

จุดอ่อนของการขายสินค้าออนไลน์คือคนต้องการสินค้าจะไม่เคยเห็นสินค้ามาก่อน ดังนั้นกลโกงนี้จะมีพวกที่เรียกว่า “หน้าม้า” เขามาซัพพอร์ท รีวิว หรือกระตุ้นให้เรารู้สึกว่าสินค้านั้น ๆดูน่าเชื่อถือ ซื้อแล้วคุ้มค่า ส่วนใหญ่มักจะใช้กับสินค้าที่มีราคาค่อนข้างสูง

วิธีนี้เรียกง่ายๆ ว่าเป็นการเป่าหู ให้เราอยากได้สินค้านั้นมากขึ้นเร็วขึ้น เป็นการเล่นในเชิงจิตวิทยา แน่นอนว่าโจรออนไลน์พวกนี้ทำงานเป็นทีม เมื่อเราโอนเงินไปสินค้าที่ได้อาจไม่ใช่เหมือนที่เราคิด แต่แน่นอนว่าคนพวกนี้จะหายเข้ากลีบเมฆหรือติดต่อไม่ได้
 
รวมวิธีถ้ารู้ว่า “ถูกโกง” ควรทำอย่างไร
 
ภาพจาก https://bit.ly/3Bbv9XD

ไม่ว่าจะเป็นการถูกโกงในรูปแบบไหน แต่ถ้าเรารู้ว่าถูกโกง สิ่งสำคัญคือ “แจ้งความ” ลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน โดยในบันทึกแจ้งความให้ทางตำรวจต้องระบุข้อความว่า “ขอให้ทางธนาคารอายัดวงเงินของบัญชีปลายทางที่เราดำเนินการโอนเงินให้ด้วย” จากนั้นให้นำใบแจ้งความไปธนาคาร เพื่อขออายัดเงินเงินในบัญชีปลายทางไว้ก่อนซึ่งจะถอนหรือโอนเงินออกไม่ได้

หรือกรณีที่ไม่สามารถอายัดได้จริงๆ หรือ ช้าไป คนโกงถอนยอดไปหมดแล้ว ก็ขอข้อมูลของธนาคารให้มากที่สุด เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร และข้อมูลการถอนเงิน เวลาถอน สถานที่ เพื่อไปดำเนินคดีต่อไปหรือในกรณีไม่สามารถกระทำวิธีการข้างต้นได้ ให้นำหลักฐานทุกอย่างที่เรารวบรวมได้และจากธนาคารไปยัง “ศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำผิดทางเทคโนโลยี” (สามารถค้นหาข้อมูลนี้ได้ในอินเตอร์เน็ต และดำเนินการตามขั้นตอนของหน่วยงานได้เลย)
 
ในกรณีโดนโกงแบบ เก็บเงินปลายทาง อันนี้แก้ง่ายมาก เพราะเราสามารถสั่งอายัดพนักงานเก็บเงินของไปรษณีย์นั้นได้ เพราะกว่าไปรษณีย์จะส่งซองกลับมายังต้นทาง เราก็มีเวลาพอที่จะอายัดได้หลายวันด้วยซ้ำ ยกตัวอย่างเช่นส่งของมา และรู้ว่าโดนโกงให้เราแพ็คกล่องกลับเหมือนเดิมเพื่อส่งคืน เมื่อส่งคืนแล้วก็เอาหลักฐานการส่งเบิกเงินคืนจากไปรษณีย์
 แต่ถ้าบางปณ.หัวแข็งไม่ยอมช่วย ก็ให้ไปแจ้งความเพื่อให้ทางตำรวจออกคำคำสั่งอายัดเงินนั้น เป็นต้น
 
จะป้องกันอย่างไร! ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ
 

ภาพจาก https://bit.ly/3mjYokN

พวกโจรออนไลน์เหล่านี้มักมาในหลายรูปแบบ คนที่ตกเป็นเหยื่อส่วนใหญ่มักจะเป็นกลุ่มคนสูงอายุ หรือคนที่ไม่มีความรู้ในเรื่องโซเชี่ยล และก็มีหลายกรณีที่เป็นคนรุ่นใหม่นี่เองที่น่าจะมีความรู้ในเรื่องโซเชี่ยล แต่ก็ยังตกเป็นเหยื่อได้ดังนั้นการป้องกันที่ดีที่สุดคือ
  1. ตั้งสติ ระวัง สังเกต อย่าเชื่อง่าย ๆ
  2. ไม่กรอกข้อมูลส่วนตัวโดยเด็ดขาด
  3. สังเกตชื่อเว็บไซต์ ต้องขึ้นด้วย https:// เท่านั้น และมีเครื่องหมายกุญแจอยู่ด้านหน้า นอกจากนี้ยังต้องเช็คว่า ชื่อเว็บไซต์ถูกต้องไหม ตรงเว็บไซต์จริงของธนาคารหรือองค์กรหรือไม่ เราเช็กผ่าน Google ได้เลย
  4. ไม่ใช้ Wi-Fi สาธารณะในการทำธุรกรรมการเงินทางออนไลน์
  5. จำกัดวงเงินเบิกถอนต่อวัน ลดความเสี่ยงการสูญเงิน
  6. หากเผลอให้ข้อมูลไปแล้ว ก็รีบเปลี่ยนรหัสทันที แล้วติดต่อธนาคาร
  7. ตั้งแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อบัญชีมีการเคลื่อนไหว จะช่วยให้รู้ตัวได้เร็วขึ้น และอาจสั่งอายัดบัญชีได้ทัน
เมื่อตลาดออนไลน์มีการเติบโตมากขึ้น มิจฉาชีพพวกนี้ก็แฝงตัวเข้ามาได้มากขึ้น ยิ่งถ้าใครไม่ระวังตัวมักจะโดนหลอกจากพวกนี้ได้ง่ายๆ โดยเฉพาะช่วงแรกที่คนยังไม่ค่อยรู้ทันกลโกง ไม่รู้จักวิธีการโกง จะกลายเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพเหล่านี้ทำงานได้ง่ายขึ้น ยุคนี้แม้จะเป็นโลกออนไลน์แต่ก็ต้องระวังตัวกันให้ดีเพราะเงินทุกบาททุกสตางค์นั้นหายาก ไม่ควรปล่อยให้โจรพวกนี้มาโกงเอาไปง่ายๆ
 
ติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document/
 
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
610
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
508
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
430
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
413
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
408
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด