บทความทั้งหมด    บทความแฟรนไชส์    โอกาสทางธุรกิจ    แฟรนไชส์ต่างประเทศ
37K
3 นาที
20 สิงหาคม 2564
ประวัติของแมคโดนัลด์ ที่โลกต้องรู้! 
 

“แมคโดนัลด์” อาจเป็นแบรนด์แฟรนไชส์ฟาสต์ฟู้ดหนึ่งเดียวที่คนรู้จักทั่วโลก จนถึงขั้นถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อเรื่อง “THE FOUNDER” อยากรวย ต้องเหนือเกม เป็นการนำเสนอเรื่องราวของ “เรย์ คร็อก” เซลส์แมนคนหนึ่งผู้เห็นศักยภาพในการผลิตแฮมเบอร์เกอร์ของ 2 พี่น้อง “ดิ๊ก และ แมค แมคโดนัลด์” จึงใช้อุบายและเล่ห์กลหลอกซื้อกิจการ “แมคโดนัลด์” ต่อจาก 2 พี่น้อง เพื่อนำไปขยายกิจการในรูปแบบแฟรนไชส์ จนกระทั่งปัจจุบันขยายสาขาไปทั่วโลก 

เรื่องราวและประวัติความเป็นมาของ “แมคโดนัลด์” หลายคนอาจรู้มาบ้าง แต่วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com จะมาอัพเดจเรื่องราวแบรนด์แฟรนไชส์ฟาสต์ฟู้ดที่มีจำนวนสาขามากที่สุดในโลกให้ทราบอีกครั้งครับ 

จุดเริ่มต้น “แมคโดนัลด์” 

ภาพจาก https://bit.ly/2W5mPcm

ตำนานความอร่อยจากร้านแมคโดนัลด์เริ่มขึ้นเมื่อปี 1940 โดยผู้บุกเบิก 2 พี่น้องแมคโดนัลด์ “ดิ๊ก” (Richard James “Dick” McDonald) และ “แมค” (Maurice James “Mac” McDonald) ได้ร่วมกันทำร้านอาหาร “บาบีคิวแมคโดนัลด์” มีเมนูอาหาร 25 เมนู แบบไดร์ฟทรู (ขับรถเข้าไปซื้อ โดยไม่ต้องลงจากรถ) ที่ซานเบอร์นาดิโนเมืองเล็กๆ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย

หลังจากร้านเปิดให้บริการลูกค้าไปได้ระยะหนึ่ง ทั้ง 2 พี่น้องรู้สึกว่าระบบการบริหารจัดการภายในร้านแมคโดนัลด์เริ่มมีปัญหา แม้ว่าจะประสบความสำเร็จ แต่กำไรยังน้อยเกินไป ทั้งเมนูอาหารที่มากเกินไป ขั้นตอนการสั่งอาหารที่ยุ่งยากเกินไป เสียเวลา แถมต้องเตรียมวัตถุดิบหลากหลายจำนวนมาก ที่สำคัญเมนูบาร์บีคิวหากทำไว้ล่วงหน้าก็ไม่อร่อย หากจะทำให้อร่อยต้องใช้พ่อครัวที่มีทักษะและความสามารถ ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในจ้างพนักงานและพ่อครัวจำนวนมาก 

หลังจากนั้นทั้ง 2 พี่น้องทำการเปลี่ยนระบบการบริหารจัดการร้านใหม่ทั้งหมด โดยในปี 1948  หลังจากปิดปรับปรุงร้านเป็นเวลา 3 เดือน พวกเขาได้เปิดร้านให้บริการลูกค้าอีกครั้ง ลดเมนูอาหารลงจาก 25 เมนู แล้วชูแฮมเบอเกอร์ให้เป็นเมนูหลัก พร้อมเครื่องดื่มเคียงมันฝรั่งทอด มีพายของหวาน และเครื่องดื่ม “มิลค์เชค” เน้นในรูปแบบลูกค้าบริการตัวเอง 
 
พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเหลือแค่ McDonald’s ปรากฏว่านอกจากจะสามารถลดเวลาที่ลูกค้าเข้ามาใช้บริการในร้านแล้ว ยังเพิ่มปริมาณลูกค้าได้มากขึ้น อีกทั้งลดค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานเสิร์ฟ ไม่ต้องใช้พ่อครัวมืออาชีพที่มีค่าตัวแพง ทำให้ราคาแฮมเบอร์เกอร์ของร้านแมคโดนัลด์ถูกกว่าร้านอื่นๆ นับว่าเป็นการจุดเริ่มต้นของร้านอาหารแบบฟาสต์ฟู้ดอย่างแท้จริง 
 
 
 ภาพจาก https://bit.ly/3y4KQh5

กระทั่งก้าวสู่ปี 1954 มีชายสูงอายุคนหนึ่งชื่อ “เรย์ คร็อก” (Raymond Albert ‘Ray’ Kroc) พนักงานขายเครื่องปั่นมิลค์เชค ได้รับยอดสั่งซื้อสินค้า 8 เครื่องจากร้านขายแฮมเบอร์เกอร์แห่งหนึ่ง แต่เขากลับไม่ดีใจที่ขายได้มากขนาดนี้ เขากลับสงสัยว่าทำไมร้านแห่งนี้ใช้เครื่องเยอะขนาดนี้ เพราะเขาเชื่อมั่นในคุณภาพของเครื่องปั่นบริษัท ว่าจะไม่พังได้ง่ายๆ แน่นอน

ในที่สุดเขาก็เดินทางไปดูร้านให้เห็นกับตาตัวเอง จากนั้นความเชื่อทั้งหมดของเขา ก็คือ ความเชื่อที่ว่าระบบ Fast Food คืออนาคตของร้านอาหารสมัยใหม่ในการขยายสาขาไปได้ทั่วประเทศ เขาจึงสนใจอยากร่วมธุรกิจกับแมคโดนัลด์

แต่ทั้ง 2 พี่น้องกลับไม่เชื่อคำพูดของ เรย์ คร็อก เพราะพวกเขาทั้งสองเองก็มีความเชี่ยวชาญและพัฒนาระบบบริหารจัดการร้านแมคโดนัลด์ให้เข้ากับเมือง California โดยเฉพาะ เมื่อขยายไปเมืองอื่นๆ หากเจออากาศร้อน ฝนตก ก็จะต้องส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้บริโภคอย่างแน่นอน ซึ่งระบบของแมคโดนัลด์อาจไม่ใช่คำตอบ
 
แต่เรย์  คร็อก ไม่ลดละความพยายาม พูดให้ทั้งสองพี่น้องคล้อยตามด้วยการปรับเปลี่ยนเมนูไปตามแต่ละพื้นที่ เพียงแต่ใช้เมนูแฮมเบอร์เกอร์เป็นเมนูหลักประจำร้าน เน้นราคาถูก บริการรวดเร็ว เพราะคนอเมริกันนิยมรับประทานแฮมเบอร์เกอร์ แต่ทั้งสองพี่น้องก็ยังยืนยันในมุมมองและความคิดของตัวเอง ว่าไม่คุ้มที่จะต้องทำแบบ เรย์ คร็อก
 
เรย์ คร็อก ถือเป็นคนฉลาดในแง่ของการทำธุรกิจ เขาจึงคิดระบบแฟรนไชส์แมคโดนัลด์ขึ้นมาใหม่ โดยเขาเป็นคนจัดการและรับผิดชอบในเรื่องนี้ โดยระบบแฟรนไชส์จะทำให้คนซื้อแฟรนไชส์ต้องจ่ายค่าแฟรนไชส์จำนวน 1.9% ของยอดขาย โดยทั้ง 2 พี่น้องจะได้ผลตอบแทน 1% โดยไม่ต้องทำอะไรเลย ทำให้ทั้ง 2 สองพี่น้องยอมรับข้อเสนอของเรย์ คร็อก

ภาจาก https://bit.ly/3k7EyrT

หลังจากนั้นไม่นาน ในปี 1955 ร้านแมคโดนัลด์สาขาแรกเปิดให้บริการที่รัฐอิลลินอยส์ ห่างจากรัฐแคลิฟอร์เนียประมาณ 2,600 กิโลเมตร โดยร้านสาขาแรกใช้สีเหลือง ขาว และแดง เป็นสีหลักโลกโก้ของแมคโดนัลด์ ถือเป็นการพิสูจน์ให้กับ 2 พี่น้องเห็นว่าระบบแฟรนไชส์แบบนี้ขายได้ ไม่ว่าจะพื้นที่ไหน

แต่ทั้ง 2 พี่น้องไม่เชื่อใจ จึงแอบขายสิทธิ์ให้กับคนอื่น จุดตรงนี้จึงนำไปสู่ความขัดแย้งและแตกหักระหว่างเรย์ คร็อก กับ สองพี่น้อง ทำให้เรย์ คร็อก จำเป็นต้องไปซื้อสิทธิ์กลับมาในราคา 5 เท่าของราคาที่ขายไป เพราะเรย์ คร็อก ต้องการให้ร้านแมคโดนัลด์ทั้งหมดเป็นระบบมาตรฐานเดียวกัน 

ภาพจาก https://bit.ly/2W2mmYZ

ต่อมา เรย์ คร็อก รู้สึกอึดอัดกับแนวคิดการขยายสาขาร้านแมคโดนัลด์ของ 2 พี่น้อง ที่ไม่ต้องการขยายสาขาเพิ่มมากนัก จนกระทั่งถึงปี 1961 เรย์ คร็อก ตัดสินใจซื้อสิทธิ์การบริหารแมคโดนัลด์จาก 2 พี่น้อง ราคา 2.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเขาได้ปิดข้อตกลงซื้อขายและไม่ยอมจ่ายค่าตอบแทน 1% ของยอดขาย 
 
โดยให้เหตุผลว่าไม่ได้ถูกเขียนไว้ในข้อตกลง ด้วยเหตุนี้ทำให้ 2 พี่น้องตระกูลแมคโดนัลด์ เหลือร้านแมคโดนัลด์ดั้งเดิมที่พวกเขาก่อตั้งมาเพียงแห่งเดียว แต่พวกเขาไม่สามารถรักษาสิทธิ์แฟรนไชส์ของแมคโดนัลด์ได้ จึงต้องเปลี่ยนชื่อร้านใหม่ว่าเป็น “The Big M” ต่อมาร้าน “The Big M” ของ 2 พี่น้องปิดตัวไปอย่างถาวรในปี 1964 
 
หลังจากนั้นในปี 1986 แมคโดนัลด์มีจำนวนสาขามากกว่า 1,200 แห่ง มีพนักงานทั้งหมด 70,000 คน โดยร้านแมคโดนัลด์จำนวนกว่า 34% ดำเนินการโดยแฟรนไชส์ซี โดยร้านสาขาแรกในต่างประเทศอยู่ที่แคนาดา กระทั่งขยายสาขาไปทั่วโลก โดยร้านแมคโดนัลด์มีจำนวนเกือบ 40,000 สาขาใน 121 ประเทศทั่วโลก รวมประเทศไทย  
 
แมคโดนัลด์ ขยายสาขาในประเทศไทย 

ภาพจาก https://bit.ly/3gjjXzU

แมคโดนัลด์ถูกนำเข้ามาในเมืองไทยปี 2528 เป็นประเทศที่ 35 โดยนายเดช บุลสุข ซึ่งประทับใจในอาหารของแมคโดนัลด์สมัยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน AFS ที่สหรัฐอเมริกา โดยสาขาแรกอยู่ที่ห้างโซโก หรืออมรินทร์พลาซ่าในปัจจุบัน
 
รู้หรือไม่ว่า ร้านแมคโดนัลด์สาขาถนนราชดำเนิน ติดกับโรงเรียนสตรีวิทยา เป็นแมคโดนัลด์สาขาแรกในโลกที่ป้ายหน้าร้านใช้พื้นสีน้ำตาล แทนที่จะเป็นสีแดงเหมือนสาขาอื่นๆ เพราะเป็นการปรับให้เข้ากับภูมิสถาปัตยกรรมของอาคารริมถนนราชดำเนิน

เรย์ คร็อก ผู้สร้างระบบแฟรนไชส์

ภาพจาก https://bit.ly/381fpd0

อาจกล่าวได้ว่า เรย์ คร็อก เป็นผู้ปฏิวัติความคิดในการทำธุรกิจรูปแบบนแฟรนไชส์ เขาทำให้แมคโดนัลด์กลายเป็นต้นแบบของธุรกิจรูปแบบแฟรนไชส์ที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง ทั้งระบบการบริหารจัดการ การผลิตสินค้า การขาย และการบริการลูกค้า จนธุรกิจอื่นๆ ได้ก็นำเอาแนวคิดระบบแฟรนไซส์ไปเป็นกลยุทธ์การขยายธุรกิจจนประสบความสำเร็จมากมาย 

ภาพจาก https://bit.ly/3D3Y5lB

เรย์ คร็อก ได้ขยายสาขาแฟรนไชส์ร้านแมคโดนัลด์ออกไปเรื่อยๆ ในหลายๆ พื้นที่ของสหรัฐอเมริกา พบว่าภายในระยะเวลาเพียง 4 ปี เขาสามารถขยายกิจการได้มากกว่า 100 สาขา และมีการขยายสาขาออกไปยังต่างประเทศ ทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ตามแผ่นป้ายโฆษณา โดยใช้ทักษะการเป็นนักขายในการขยายสาขาแฟรนไชส์ออกไปทั่วอเมริกา 

ภาพจาก https://bit.ly/3y5Oqrb

รู้หรือไม่ว่า กลยุทธ์การขยายแฟรนไชส์ของ เรย์ คร็อก ที่ถูกกล่าวขานและพูดถึงกันมาก โดยที่หลายๆ คนอาจไม่รู้มาก่อน นั่นคือ เขาได้จัดตั้งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไว้สำหรับซื้อที่ดิน แล้วให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์แมคโดนัลด์เช่าที่ดินของเขาต่ออีกที

ถือเป็นการหารายได้เพิ่ม 3 ต่อ ทั้งจากการขายแฟรนไชส์, ขายเครื่องปั่นมิลค์ เชค และรายได้จากให้เช่าที่ดิน  นั่นจึงเป็นที่มา....แมคโดนัลด์ไม่ได้มีรายได้จากการขายแฟรนไชส์ แต่มีรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ 

ติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 

 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document/
 
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
อ้างอิงข้อมูล
ปัจจุบันแฟรนไชส์ Burger King ถือเป็นคู่แข่งสำคัญของแฟรนไชส์ McDonald’s แม้ว่า Burger King จะมาทีหลังและมีจำนวนสาขาทั่วโลกน้อยกว่า McDonald’s แต่ในเรื่องรสชาติและเมนูอาหารไม่เป็นรองอย่างแน่นอน ..
50months ago   4,322  5 นาที
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
บทความแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
6 แฟรนไชส์บริการ! สร้างรายได้ 24 ชม.
885
ลงทุนตามเทรนด์ฮิต! 7 แฟรนไชส์ไอเดียเงินล้าน ปี ..
622
ตั้งแถวใหม่ 10 แฟรนไชส์ น่าลงทุน ครึ่งปีหลัง 68
551
แฟรนไชส์ชาจีน Good Me 古茗 ดังจนถูกก๊อป 600 สาขา
513
“ปิ้งย่าง” ธุรกิจหมื่นล้าน! มีแฟรนไชส์ไหน น่าลง..
495
Shake Shack จากรถเข็นขายฮอทดอกในนิวยอร์ก สู่แฟรน..
475
บทความแฟรนไชส์มาใหม่
บทความอื่นในหมวด