บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
1.8K
2 นาที
27 พฤศจิกายน 2562
ลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนองทำรัฐสูญเสีย 8,972 ล้านบาท
 
ภาพจาก bit.ly/2rpb2WZ

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐดีจริงหรือไม่ ได้คุ้มเสียหรือไม่ ดร.โสภณ มีคำตอบ พร้อมการประเมินค่าธรรมเนียมการโอน-จดจำนองที่เสียไปและข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
 
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) กล่าวว่าจากผลการสำรวจของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) พบว่า ณ กลางปี 2562 มีที่อยู่อาศัยที่ยังเหลือขายในมือของผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินอยู่ 204,585 หน่วย รวมมูลค่า 885,414 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 4.328 ล้านบาท โดยในแง่จำนวนหน่วยส่วนใหญ่ 67% เป็นของบริษัทมหาชน  แต่ในแง่มูลค่าปรากฏว่าเป็นของบริษัทมหาชนถึง 71%
 
สำหรับเฉพาะที่อยู่อาศัยที่มีราคาขายไม่เกิน 3 ล้านบาทนั้น มีทั้งสิ้น 107,646 หน่วย หรือ 53% ของที่อยู่อาศัยที่ยังเหลืออยู่ทั้งหมด  ในจำนวนนี้ เป็นห้องชุดมากที่สุดถึง 55,766 หน่วย (52%) รองลงมาคือทาวน์เฮาส์ 45,894 หน่วย (43%) บ้านแฝด  2,715 หน่วย (3%) บ้านเดี่ยว 1,590 หน่วย (1%) และตึกแถว 1,064 หน่วย (1%)  ที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทนี้ มีมูลค่ารวม 223,221 ล้านบาท หรือเท่ากับมีมูลค่าเฉลี่ยหน่วยละ 2.074 ล้านบาทนั่นเอง
 
ภาพจาก pixabay.com/
 
ในแต่ละปีสามารถขายที่อยู่อาศัยได้ 106,000 หน่วย (เฉลี่ย 4 ปีล่าสุด) หากประมาณว่าเป็นหน่วยขายที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท 53% ก็จะเป็นจำนวนประมาณ 56,180 หน่วย  และหากราคาเฉลี่ยต่อหน่วยเป็นเงิน 2.074 ล้านบาทตามประมาณการข้างต้น มูลค่าการขายของที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทที่ควรจะเป็นในปี 2563 จึงควรเป็นมูลค่า 116,517 ล้านบาท
 
ในที่นี้สมมติให้มาตรการกระตุ้นนี้สามารถทำให้เกิดการซื้อเพิ่มอีก 10% ก็อาจประมาณการมูลค่าการซื้อเพิ่มเป็น 128,169 ล้านบาทในปี 2563  หากนับรวมระยะเวลาที่เหลือในปี 2562 อีกเกือบ 2 เดือน มูลค่าการซื้อขายที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทตามกำหนดการกระตุ้นของทางราชการ ก็จะเป็นมูลค่าราว 149,531 ล้านบาท  ในขอบเขตทั่วประเทศ น่าจะมีมูลค่าอีกราว 1 เท่าตัว ดังนั้นมูลค่ารวมจึงควรเป็น 299,062 ล้านบาท
 
หากปกติเสียค่าธรรมเนียมการโอน-จดจำนองเป็น 3% ของราคาขายของผู้ประกอบการ ก็จะเป็นเงินประมาณ 8,972 ล้านบาท  แต่หากลดเหลือเพียง 0.02% ก็จะทำให้รายได้ของรัฐหายไปประมาณ 8,912 ล้านบาท ซึ่งน่าจะมากกว่าที่ทางราชการประเมินไว้ที่ 2,652.2 ล้านบาทข้างต้น  อันที่จริง ค่าธรรมเนียมเพียง 3% นี้ ควรนำมาใช้เพื่อต่อทุนพัฒนาประเทศหากทางราชการมีโครงการที่มีประสิทธิผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
 
ภาพจาก pixabay.com/
 
ยิ่งกว่านั้นโดยที่สินค้าที่อยู่อาศัยที่เหลือขายนี้ส่วนใหญ่ 67% เป็นของบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ ประโยชน์ที่จะได้จากการลดหย่อนค่าธรรมเนียมนี้จึงตกแก่บริษัทมหาชนเป็นหลัก  ในขณะที่บริษัทพัฒนาที่ดินที่เป็น SMEs อาจได้รับประโยชน์น้อยกว่าเพราะมีหน่วยขายน้อยกว่า  ตามหลักการบริหารประเทศ รัฐบาลควรสนับสนุนบริษัท SMEs เป็นสำคัญเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
 
ดร.โสภณ จึงเสนอให้รัฐบาล
  1. ไม่จำเป็นต้องลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนองนี้ เพราะเป็นเงินส่วนน้อยนิด นำเงินเหล่านี้มาพัฒนาประเทศให้ถูกทางดีกว่า
  2. ในกรณีที่จะลดเพื่อกระตุ้น ก็ควรลดเฉพาะของบริษัท SMEs ในตลาดมากว่าไปช่วยผู้ประกอบการรายใหญ่
  3. ในกรณีที่จะกระตุ้นจริงๆ ควรเน้นการกระตุ้นเฉพาะการซื้อขายบ้านมือสอง เพราะเมื่อประชาชนซื้อขายกันเอง ก็จะสามารถปลดหนี้ได้ หรือนำเงินไปลงทุนเพิ่มเติม ทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนมากกว่าการเอื้อต่อบริษัทพัฒนาที่ดินรายใหญ่ๆ

ที่มา : bit.ly/2OMsEEm




บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
612
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
514
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
477
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
436
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
421
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
417
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด