เราอยากนำเสนอข่าวในเชิงอัพเดท ส่งสารไปถึงผู้อ่านเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวทางธุรกิจในรอบๆด้าน ซึ่งหากตามข่าวกันมาตลอดจะพบว่า “การประท้วงในฮ่องกง” นั้นยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ ภาพความรุนแรงที่ออกมาทางสื่อต่าง ๆ มีให้เห็นแทบจะทุกวัน ยิ่งน่าหวั่นใจต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยวโดยเฉพาะในช่วงไฮซีซั่นปลายปี ต้นปีที่ส่วนใหญ่จะเป็นเทศกาลกอบโกยรายได้แต่ไม่ใช่ในฮ่องกง ณ ตอนนี้

www.ThaiFranchiseCenter.com มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับธุรกิจที่พักในฮ่องกงที่เข้าขั้นวิกฤติหนัก ซึ่งถ้าการชุมนุมยังไม่จบและไม่มีมาตรการอะไรมาช่วยเหลือรับรองว่า “ตายสนิท”
 

ภาพจาก bit.ly/2XnhWbi

 

การชุมนุมใหญ่ในฮ่องกงยืดเยื้อมานานกว่า 5 เดือนส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคธุรกิจ ทำให้การค้า การลงทุนชะงักงัน และหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เผชิญปัญหามากที่สุดคือธุรกิจโรงแรม ข้อมูลระบุอีกว่าอัตราการเข้าพักบางแห่งลดลงเหลือ 20 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ราคาห้องพักบางแห่งถูกเฉือนเหลือแค่คืนละ 9 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือแค่ 200 กว่าบาทเท่านั้น

 

เซ้าท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์รายงานว่าบรรดาผู้ประกอบการโรงแรมและที่พักในฮ่องกงกำลังส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือเนื่องจากลูกค้าหดหาย อัตราการเข้าพักลดลงเหลือ 20 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ราคาห้องพักบางแห่งถูกเฉือนเหลือแค่คืนละ 9 ดอลลาร์สหรัฐฯ ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมจึงเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือโดยการยกเว้นค่าเช่า และอนุญาตให้ผู้ประกอบการขายห้องห้องพักที่ว่าง หรือปล่อยเช่าระยะยาว

 

โดยโรงแรมวินแลนด์ซึ่งตั้งอยู่ในย่านที่มีการชุมนุมประท้วง อัตราการเข้าพักของลูกค้าลดลงมากถึง 65.7 เปอร์เซนต์ ทำให้ต้องลดราคาห้องพักจากปกติคืนละ 207 ดอลลาร์ฮ่องกง เหลือ 71 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือประมาณ 275 บาท ขณะที่อัตราค่าเช่ารายเดือนของโรงแรมสามดาวแห่งหนึ่งที่เป็นห้องมีวิวทะเล อัตราค่าเช่าอยู่ที่ 980 ดอลลาร์ฮ่องกง/30 คืน รวมอาหารเช้า และสัญญาณอินเตอร์เน็ต ราคานี้บอกเลยว่าถูกกว่าแฟลตแบ่งเช่าในเมืองด้วยซ้ำ อย่างแฟลตแบ่งเช่าในย่านคอสเวย์เบย์ ขนาด 100 ตารางฟุต ค่าเช่ายังตกเดือนละ 8,500 ดอลลาร์ฮ่องกง

ภาพจาก bit.ly/2XnhWbi

 

สิ่งที่นักธุรกิจโรงแรมและผู้ประกอบการที่พักในฮ่องกงทำได้ตอนนี้คือออกมาเรียกร้องความช่วยเหลือจากรัฐ เช่นควรยกเว้นค่าเช่าอย่างน้อย 1 ปี ธนาคารควรผ่อนผันดอกเบี้ยสินเชื่อ และตั้งกองทุนระยะสั้นขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมโรงแรม รวมถึงการกระตุ้นนักท่องเที่ยวด้วยการจูงใจต่าง ๆ เพราะตอนนี้ เกือบทุกโรงแรม อัตราการเข้าพักลดลงมาก เฉลี่ย 30-40 เปอร์เซ็นต์ บางโรงแรมเหลือแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ 

รวมถึงบางโรงแรมอย่าง Jhunjhnuwala ซึ่งมีพนักงานในสังกัดกว่า 190 คน ก็มีความเป็นไปได้ที่บริษัทของอาจจะใช้มาตรการลดชั่วโมงการทำงานของพนักงาน ลดค่าแรง และอาจถึงขั้นปลดพนักงานส่วนเกินออกด้วย

 

โดย Magnificent Hotel Investments ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่มีกว่า 9 แห่งในเครือได้เสนออีกว่า ในพื้นที่ที่มีการชุมนุมและประทะกันอย่างรุนแรง ควรให้เจ้าของโรงแรมหรือเจ้าของอาคารเหล่านี้สามารถประกาศขายกิจการได้เพื่อให้นำไปดัดแปลงเป็นอาคารที่พักอาศัยของคนฮ่องกง เพราะความต้องการบ้านของคนรุ่นใหม่นั้นยังมี ซึ่งหากประเมินแล้วก็น่าจะได้มากกว่า 500,000 ยูนิต หากทำได้ก็จะช่วยบรรเทาวิกฤติที่อยู่อาศัยในฮ่องกง เกาะที่ได้ชื่อว่าอสังหาริมทรัพย์มีราคาแพงสุดในโลก

ภาพจาก bit.ly/2CMH3uA

 

ซึ่งผลกระทบความรุนแรงนี้กลับไปสร้างผลดีให้กับสิงคโปร์ที่พบว่ายอดจองห้องพักโรงแรมในสิงคโปร์เพิ่มขึ้น เชื่อว่าเป็นผลจากการที่นักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ รวมถึงผู้จัดงานอีเวนต์ต่างๆ ย้ายจากฮ่องกงมาที่สิงคโปร์แทน ซึ่งผลกระทบจากเรื่องนี้คาดว่าจะฟื้นฟูกลับมาได้ก็ต้องใช้เวลาในการสร้างความเชื่อมั่นที่ค่อนข้างยาวนาน แตกต่างจากการชุมนุมที่เคยมีในปี 2557 ที่ใช้เวลาฟื้นฟูได้เร็ว แต่ครั้งนี้น่าจะใช้เวลามากกว่าที่คาด และหากไม่มีวิธีการแก้ไขที่ดี ธุรกิจโรงแรมที่พักในฮ่องกงดินแดนแห่งการท่องเที่ยวและช็อปปิ้งมีปัญหาหนักแน่

 

ในส่วนของผู้ประกอบการไทยเองก็ควรติดตามความเคลื่อนไหวเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด หาแนวทางดึงลูกค้ากลุ่มนักท่องเที่ยวที่อาจหันเหจากฮ่องกงมาเที่ยวในประเทศอื่นมากขึ้น รัฐบาลก็ควรมีมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเรื่องนี้อย่างจริงจังอย่างน้อยก็ใช้โอกาสนี้ดึงเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาหมุนเวียนเศรษฐกิจไทยแม้จะไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมากแต่อย่างน้อยก็คงดีกว่าการไม่ได้ทำอะไรเลย

ภาพจาก bit.ly/2NR7Oo6

 

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 

 

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document/

ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/2XnhWbi , https://bit.ly/2qeg7Bf

 

นักเขียน

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)