ยุคที่ Data จะขับเคลื่อนการทำตลาด 

จากงาน DAAT DAY 2019 ที่เพิ่งผ่านมาโดยสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) ได้มีการรวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการโฆษณาออนไลน์ในประเทศไทยไว้ โดยมีตัวเลขที่น่าสนใจมากมายที่ทำให้มองเห็นภาพรวมของการใช้เงินในสื่อโฆษณาออนไลน์ที่โตไปแตะถึง 20,000 ล้านบาทเลยทีเดียว 

 

และปีนี้เป็นปีที่เทรนด์โฆษณาดิจิทัลอย่าง Data-Driven Marketing ถูกพูดถึงกันมากพอสมควร ผมเองต้องบอกว่าเคยอยู่ในยุคที่การทำโฆษณาออนไลน์พูดถึงแต่เรื่อง tools ต่าง ๆ ไม่มีใครพูดถึงเรื่องของ data เลย แต่บอกได้เลยครับว่าปีนี้เป็นปีที่นักการตลาดทุกคนจะพูดเรื่อง data อย่างแท้จริง 

 

เพราะการที่มี data จะทำให้เราเข้าใจลูกค้าได้มากขึ้น ทุกวันนี้พฤติกรรมของคน พฤติกรรมของลูกค้า การค้าขายต่าง ๆ ทุกอย่างมันเป็น data ไปหมดแล้ว จึงทำให้เกิดแนวโน้ม 3 รูปแบบ หลังจากที่เรามี Data-Driven Marketing ผมของสรุปง่าย ๆ นั่นก็คือ

 

ภาพจาก https://pixabay.com

ภาพจาก https://pixabay.com

คนที่ทำการตลาดทำประชาสัมพันธ์จะไม่ใช่แค่ทำการตลาดหรือประชาสัมพันธ์แบบเดิมอีกต่อไปแล้ว แต่จะสามารถดึงคนที่เห็นโฆษณาของเขาให้เข้ามาซื้อสินค้าได้ทันที ซึ่งเมื่อก่อนทำไม่ได้ เดี๋ยวนี้จะเห็นแล้วว่าเมื่อเราเห็นโฆษณาปุ๊บ กดสั่งซื้อปั๊บ ก็กดจ่ายเงินได้ทันที สินค้าจะจัดส่งถึงบ้านได้เลย ขั้นตอนทุกอย่างจบลงในระยะเวลาสั้นมาก 

 

ซึ่งจะเห็นว่าวิธีคิดเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง นั่นก็เพราะ data ที่มีอยู่จะช่วยคำนวณได้เลยว่าจะมีคนเห็นโฆษณาของเรากี่ครั้ง มีคนคลิกเข้ามากี่ครั้ง มีคนซื้อสินค้ากี่ครั้ง ทุกอย่างเป็น data ได้หมดเลย

 

2. Data จะช่วยเพิ่มประสบการณ์ให้แก่ผู้บริโภค โดยใช้ data ร่วมกับการวางแผน
 

ภาพจาก https://pixabay.com

ฉะนั้น ต่อไปนี้การวางแผนเกี่ยวกับการทำการตลาด การวางแผนโฆษณาต่าง ๆ บอกได้เลยว่าต้องมีข้อมูลเข้ามา support จริง ๆ โดยทุกอย่างจะถูกคำนวณไว้ก่อน ทุกอย่างจะออกมาเป็นตัวเลข ทุกอย่างจะถูกคาดการณ์ไว้ได้หมดแล้วว่าที่เราจ่ายไปจะมีผลตอบแทนกลับมาเท่าไหร่ data จะอยู่ในทุกจุดของสื่อโฆษณาในยุคนี้ 

 

ท่านผู้บริหารทั้งหลายครับ ต่อไปนี้เวลาที่จะอนุมัติงบการตลาดคุณจะเริ่มพบว่าต้องมีรายจ่ายในด้านการตลาดออนไลน์เข้ามา เช่น เฟซบุ๊ก ยูทูป ฯลฯ ผมแนะนำว่าคุณคงต้องขอข้อมูลบางอย่างเพิ่มมากขึ้น เช่น จ่ายไปแล้วจะมีคนดูกี่คน มีจำนวนคลิกเท่าไหร่ และขายได้เท่าไหร่ ข้อมูลเหล่านี้สามารถที่จะบอกได้แล้ว 

 

ง่าย ๆ คือต้องถามทีมงานต่อว่าจ่ายไปแล้วจะให้ผลอะไรกลับมาบ้าง จะมีคนเห็นกี่คน จะมีคนเดินเข้ามาในร้านค้าเรากี่คน เราจะขายของได้เท่าไหร่ เราจะขายทางออนไลน์เลยไหม ฯลฯ เพราะบนโลกออนไลน์ผมย้ำอยู่เสมอว่าเมื่อเราลงโฆษณาไปแล้วจะเกิดการมองเห็น เกิดการคลิก การกดซื้อ และสามารถจ่ายเงินได้ทันที 

 

3. Data Marketing ทำให้เกิดการทำการตลาดแบบ Tailor Made
 

ภาพจาก https://pixabay.com

การตลาดยุคนี้จะเปลี่ยนไปแล้ว จากเดิมที่เป็นการทำให้คนทั้งประเทศรู้จักสินค้าของเรา คือต้อง mass พอถึงยุคนี้ไม่ใช่อีกแล้ว เราต้องการแค่ให้กลุ่มเป้าหมายของเรารู้จักเราพอแล้ว กลุ่มอื่นยังไม่ต้อง 

 

การตลาดบนโลกออนไลน์เมื่อเรามี data ก็จะสามารถทาร์เก็ตลูกค้าได้แม่นยำมากขึ้น ทำให้เราสามารถทำ segment marketing คือการตลาดแบบเฉพาะกลุ่มได้ และเริ่มเข้าสู่การตลาดแบบ Target Marketing คือการระบุกลุ่มลูกค้าเพื่อให้เห็นสินค้าของเรา จะไม่ใช่การตลาดแบบใช้เงินหว่านแหอีกต่อไปเพราะมันไม่ได้ผลอีกแล้ว ในเมื่อเขาไม่ใช่ลูกค้าของเราก็ไม่จำเป็นต้องไปทำให้เขารู้จัก เอาเงินที่มีอยู่นั้นไปลงโฆษณาให้ลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเราได้เห็นเราดีกว่า เพื่อให้เขาจดจำชื่อเราได้จริง ๆ 

 

เมื่อข้อมูลทุกอย่างมันชัดเจนมากขึ้น งบประมาณที่ต้องใช้ถูกลง ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ตรงนี้เองที่ทำให้โฆษณาออนไลน์มีความสำคัญมากขึ้น ๆ และข้อมูลหรือ data ถือเป็นส่วนสำคัญมากในเรื่องของการวางแผนการตลาดออนไลน์ในปัจจุบัน

ถึงวันนี้ท่านที่เป็นผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการต้องทำความเข้าใจเรื่องพวกนี้แล้วครับ ต้องศึกษาเพิ่มเติม ทำความเข้าใจอย่างจริงจัง เพราะหากคุณมองตรงจุดนี้ออก คุณจะสามารถให้คำแนะนำหรือชี้ทางให้กับลูกน้องได้อย่างถูกต้อง หรืออย่างน้อยที่สุดก็เพื่อไม่ให้โดนลูกน้องหลอกเอาได้ครับ