ปัจจุบันสังคมธุรกิจของเราทุกวันนี้ มีกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า TYCOON มากหน้าหลายตา ในบ้านเราถ้าใครไม่รู้จัก ก็ให้นึกถึงตระกูลดังๆ ของเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเบียร์ช้าง บุญรอด เซ็นทรัล ธนาคารกรุงเทพ ตระกูลมหากิจศิริ ฯลฯ กลุ่ม Tycoon เหล่านี้ ส่วนใหญ่ทำธุรกิจแบบครอบครัว พ่อรับไม้ต่อมาจากปู่ แล้วส่งต่อให้ลูก ให้หลาน สานต่อธุรกิจต่อไป
 

ธุรกิจของกลุ่ม Tycoon เหล่านี้ สินค้าหรือบริการของพวกเขามีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของผู้บริโภคย่างมาก พูดง่ายๆ คือ ตอบโจทย์ความต้องการของเราได้ แม้จะไม่กิน หรือใช้บริการทุกวัน แต่สักวันเกือบทุกคนก็ต้องใช้บริการกลุ่มพวกเขา
 

สำหรับในต่างประเทศ ก็มีกลุ่ม Tycoon เช่นเดียวกัน ธุรกิจใหญ่โตส่วนใหญ่ ล้วนเป็นธุรกิจครอบครัว พ่อแม่เป็นคนสร้าง แล้วส่งต่อธุรกิจให้กับรุ่นลูก แต่ในวันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com จึงอยากนำเสนออีกแง่มุมหนึ่งของธุรกิจของกลุ่มคน Tycoon ในต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ที่แปลกก็คือ ธุรกิจของพวกเขาที่ได้รับความนิยม ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจฟาสต์ฟู้ด หรืออาหารจานด่วนแบบที่คนไทยรู้จัก ทำตั้งแต่พิซซ่ามาจนถึงข้าวผัด และก็เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ด้วย 
 

 

ภาพจาก goo.gl/Xv4Xou

 

ขอยกตัวอย่างแบรนด์ Little Caesars Pizza เป็นแฟรนไชส์ร้านขายพิซซ่าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสหรัฐอเมริกา Little Caesars Pizza เป็นธุรกิจครอบครัว ผู้ก่อตั้งคือ ไมค์ อิลิทช์ และมาเรียน อลิตช์ โดยเปิดร้านพิซซ่าแห่งแรกในปี 2502 จากเงินออมของพวกเขา 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในเมือง Garden City, รัฐมิชิแกน, อเมริกา 
 

ปัจจุบันกลายเป็นร้านพิซซ่าที่มีเครือข่ายใหญ่อีกรายหนึ่งของสหรัฐอเมริกา และมีการขยายสาขาไปยังต่างประเทศ อีก 20 กว่าประเทศ ไม่ว่าจะเป็น แคนาดา บาร์เรน กวม ซาอุดิอาระเบีย และตุรกี ปัจจุบันธุรกิจมีมูลค่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ  
 

 

ภาพจาก  www.facebook.com/ChickfilA

 

อีกหนึ่งธุรกิจเป็นร้านไก่ทอด เหมือน KFC แต่ได้รับความนิยมมากกว่าในสหรัฐฯ คือ แบรนด์ Chick-Fil-A ปัจจุบันธุรกิจมูลค่าสุทธิ 3.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นอีกหนึ่งธุรกิจครอบครัว ที่ดำเนินธุรกิจร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด 
 

โดยสองพี่น้อง Dan และ Bubba Cathy ได้สืบทอดอาณาจักรธุรกิจไก่ทอด Chick-Fil-A จากบิดาของพวกเขาที่ชื่อ Truett Cathy ซึ่งพ่อของพวกเขาได้เสียชีวิตเมื่อตอนอายุ 93 ปี ในปี 2014
 

พ่อของพวกเขา Truett ได้เปิดร้าน Chick-Fil-A แห่งแรกในแอตแลนตามอลล์ เมื่อปี 2510 ให้บริการแซนวิชไก่ กลุ่มลูกค้าเป็นพนักงานโรงงาน คนทำงานสนามบิน โดย Truett เป็นผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนต์ภาคใต้ และเชื่อว่าวันอาทิตย์เป็นวันที่พระเจ้า 
 

 

ภาพจาก  www.facebook.com/ChickfilA

 

โดยเมื่อ 52 ปีก่อน เขาได้ตัดสินใจปิดร้านอาหารในวันอาทิตย์ และปัจจุบันก็ยังไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นพ่อ เกือบ 2 ทศวรรษต่อมา ลูกชายของเขา คือ  Dan และ Bubba ได้ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว จนทำให้พวกเขาเป็นมหาเศรษฐีในปี 2558 ด้วยมูลค่าสุทธิ 3.2 พันล้านเหรียญ ในปี 2017 พวกเขามีมูลค่า 3.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ
 

อีกแบรนด์เป็น Jollibee เจ้าตลาดอาหารจานด่วนในฟิลิปปินส์ ได้รับการก่อตั้งขึ้นโดย Tony Tan Caktiong และครอบครัว เขายังขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดเป็นอันดับ 5 ในฟิลิปปินส์ จากการจัดอันดับของฟอร์บส์ในปี 2559
 

ความแข็งแกร่งของ Jollibee คือการรับรู้วัฒนธรรมและความนิยมของคนในประเทศ โดยชาวฟิลิปปินส์ชอบทานอาหารรสหวาน และยังชอบสูดกลิ่นเครื่องเทศในอาหารก่อนรับประทาน อาหารของ Jollibee จึงนำวัตถุดิบที่เป็นพื้นฐานของอาหารฟาสต์ฟู้ดทั่วไป มาผสมผสานกับเครื่องเทศรสจัดจ้าน เพื่อตอบโจทย์รสนิยมของชาวฟิลิปปินส์
 

Jollibee มีสาขากว่า 3,000 แห่งทั่วโลก โดยกว่า 600 สาขาเป็นสาขาในต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีเชนร้านอาหารในเครือที่ได้รับความนิยมอื่น ๆ อีก เช่น โชวคิง (Chowking) และเบอร์เกอร์คิง (Burger King) ที่จัดจำหน่ายในฟิลิปปินส์ 
 

 

www.facebook.com/JollibeePhilippines

 

โดยสาขาของ Jollibeeในต่างประเทศเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากจากชาวฟิลิปปินส์ที่ไปทำงานห่างบ้านเกิด ซึ่งมีอยู่กว่า 2 ล้านคนทั่วโลก ปัจจุบัน Jollibee มีมูลค่าสุทธิ 3.4 พันล้านเหรียญ
 

หากจะว่าไปแล้ว ธุรกิจของกลุ่ม Tycoon ดังที่กล่าวไปข้างต้น เป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการทำความเข้าใจและเรียนรู้พฤติกรรมของผู้บริโภค การพัฒนาสินค้า แม้ว่าจะเป็นอาหารพื้นๆ อาหารจานด่วนก็ตาม ก็สามารถสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจ และเจ้าของธุรกิจอย่างกลุ่ม Tycoon เหล่านี้อย่างมหาศาล
 

อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์  https://www.thaifranchisecenter.com/home.php

อ้างอิงข้อมูลจาก goo.gl/UQMVLa