บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
269
2 นาที
27 มิถุนายน 2568
แบรนด์เล็ก! เน้นตลาดใหญ่ โตไวหรือขัดขา
 

ท่ามกลางการแข่งขันทางธุรกิจที่สูง ถ้าเพิ่งเริ่มเข้าสู่สังเวียนธุรกิจ จะทำยังไงให้อยู่รอด?

มีหลายปัจจัยที่พาให้ธุรกิจเล็ก สายป่านไม่ยาว อยู่ได้ไม่นานก็ต้องจากไป เช่น
  • 42 % สินค้าไม่เป็นที่ต้องการของตลาด
  • 29-38% เงินทุนหมด
  • 23% มีปัญหาด้านบุคลากร / การบริหารไร้ประสิทธิภาพ
  • 20% สู้ในตลาดที่การแข่งขันดุเดือดไม่ได้
ถ้าดูให้ลึกไปอีกแบรนด์เล็กถ้าไม่แน่จริงโอกาสเจ๊งภายในปีแรกสูงกว่า 80% ถ้าอยู่รอดได้ถึง 5 ปีก็ยังมีโอกาสเจ๊งประมาณ 50% โดยเฉพาะในยุคนี้ที่ไม่ใช่เพราะมีคู่แข่งเยอะ ไหนจะเรื่องต้นทุนการผลิต พฤติกรรมผู้บริโภคที่ทุกอย่างล้วนแต่มีผลต่อความอยู่รอด ถ้าบริหารจัดการไม่ดี ความเสี่ยงก็ยิ่งสูง
 
 
ดังนั้นถ้าจะหาทางรอดของธุรกิจตัวเล็กมีงบการตลาดหรือทรัพยากรจำกัด การจับมือกับ "พันธมิตรธุรกิจ" เป็นวิธีสุดคุ้มที่ช่วยได้มากเพราะ
  • เพิ่มการเข้าถึงลูกค้าใหม่ โดยไม่ต้องสร้างฐานลูกค้าเอง
  • แบ่งต้นทุน ไม่ว่าจะเป็นค่าโฆษณา ค่าจัดอีเวนต์ หรือค่าพัฒนาสินค้า
  • เสริมภาพลักษณ์ ผ่านความน่าเชื่อถือของคู่ค้า
  • ขยายตลาดอย่างรวดเร็ว โดยอาศัยเครือข่ายของอีกฝ่าย

ซึ่งก็มีอยู่หลายวิธีในการเลือกเป็นคู่ค้าที่นำไปใช้ได้จริง ได้แก่
  1. Co-Branding ออกสินค้า/แคมเปญร่วมกัน เช่น ร้านกาแฟเล็กๆ จับมือกับแบรนด์ขนมท้องถิ่น ช่วยเพิ่มยอดขาย
  2. Cross-Promotion โปรโมทกันและกัน เช่น แชร์ในโซเชียล มีส่วนลดเมื่อซื้อสินค้าทั้งคู่ ยกตัวอย่างแบรนด์เสื้อผ้าเล็กจับมือกับร้านซักรีดท้องถิ่น แจกคูปองลดราคากัน เป็นต้น
  3. Event Partnership จัดงานร่วมกัน เช่น เวิร์กช็อป เปิดตัวสินค้า หรือคลาสทดลอง ตัวอย่าง เข่นร้านเซรามิกร่วมกับแบรนด์ชา จัดเวิร์กช็อป “ชาร้อนถ้วยสวย"
  4. Distribution Partner ฝากขายสินค้ากัน เช่น ขายสินค้าร่วมในพื้นที่ของอีกแบรนด์ ยกตัวอย่างแบรนด์สบู่แฮนด์เมดไปวางขายในโฮมสเตย์หรือคาเฟ่ที่มีลูกค้าเป้าหมายตรงกัน
หรือถ้าเอาให้ชัดเจนปัจจุบันเรามีร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-Eleven ซึ่งมีสาขามากกว่า 15,000 แห่งทั่วประเทศ พลังการขายย่อมไม่ธรรมดา ถ้าคิดตามหลักการนี้การร่วมเป็นคู่ค้ากับยักษ์ใหญ่แบบนี้ย่อมส่งผลดีมากกว่า แต่ก็มีหลายกระแสที่ข้อมูลอาจไม่ชัดเจนนักว่าแบรนด์ใหญ่ๆเอง ก็หวังได้ประโยชน์จากแบรนด์เล็กที่เขามาพึ่งพา แรกๆ อาจให้ขายสินค้าได้ตามเงื่อนไข แต่อยู่ๆไปก็เริ่มพัฒนาสินค้ามาแข่งเมื่อเห็นว่าสินค้านั้นๆเริ่มติดตลาดและขายดี
 
 
เหมือนกรณีที่เคยพูดถึงกันในวงกว้างคือ ออมุกปลาผสมกุ้งตราซีพี ที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับสินค้าของ Happy Munchy ของผู้ประกอบการรายย่อย ทั้งยังวางจำหน่ายอยู่ภายในร้านเดียวกัน ซึ่งถ้ามองในมุมของบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 ไม่มีบทบัญญัติข้อใดที่ห้ามมิให้ผู้ประกอบการผลิตสินค้าที่มีรูปแบบคล้ายกับสินค้าอื่นออกมาวางจำหน่าย เว้นแต่ประเด็นด้านลิขสิทธิ์ที่อาจต้องว่ากันตามกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา
 
บางทีในมุมของธุรกิจขนาดเล็กที่อาจจะมีการกระทบกระทั่งหรือเข้าใจไม่ตรงกันบ้าง แต่หากคิดในอีกมุมหนึ่ง การพึ่งพาแบรนด์ใหญ่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แบรนด์เล็กโตไวได้เช่นกัน และก็มีตัวอย่างที่ชัดเจนกับหลายแบรนด์ที่ใช้กลยุทธ์การเป็นคู่ค้ากับ 7-Eleven แล้วเติบโตอย่างก้าวกระโดด ยกตัวอย่างเช่น
 
  • ShinSen น้ำส้มคั้นแท้ 100% เป็น SME รายแรกที่ได้วางขายน้ำส้มคั้นพาสเจอไรซ์ 100% ใน 7‑Eleven ยอดขายมากกว่า 10,000 ขวด/วัน
  • คุณเก๋ขนมหวาน ขนมไทยสไตล์ functional food มีสินค้ากว่า 14 SKU ใน 7-Eleven รายได้เฉลี่ย 40 ล้านบาท/เดือน
  • กล้วยหอมทองไร่ภักดี (เกษตรกรชุมชน) เริ่มส่งขายเพียง 900 ลูก/วัน ปัจจุบันเพิ่มเป็น 40,000 ลูก/วัน เป็นต้น



อย่างไรก็ดีการเลือกจะเป็นคู่ค้ากับแบรนด์ใหญ่ ต้องตรวจสอบว่าเป็นแบรนด์ที่มีกลุ่มเป้าหมายคล้ายกัน สื่อสารเป้าหมายร่วมกันได้ชัดเจน เหนือสิ่งอื่นใดสินค้าก็ต้องมีคุณภาพ และต้องมีการบริหารจัดการที่ดีในมุมของตัวเอง รวมถึงการวางแผนในการขยายตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพร่วมด้วย

ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 


บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ฟองสบู่ร้านอาหารแตก! วิกฤตที่คนทำร้านอาหารต้องรู..
720
10 คาเฟ่เขาหลัก จิบกาแฟกลางธรรมชาติ สัมผัสเสน่ห์..
565
ซบเซาหนัก! 14 ร้านอาหารดังในไทย ปิดกิจการ ปิดสาขา
557
23 จิตวิทยาการขายขั้นเทพ ขายแบบไม่ขาย ฉบับใช้จริง
550
กลยุทธ์โต้กลับ CP เปิด Lotus´s go fresh ใกล้ 7-E..
546
รวม 5 ธุรกิจไทยเอาใจวัยเกษียณ! ทำไมดีกว่า Gen Z
455
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด