บทความทั้งหมด    บทความแฟรนไชส์    การเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์    ความรู้ทั่วไประบบแฟรนไชส์
268
2 นาที
20 พฤษภาคม 2568
ต้นทุนค่าเสียโอกาสในการลงทุนแฟรนไชส์ คุ้มค่าแค่ไหน?
 

ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity cost) อธิบายให้เข้าใจง่ายคือ ต้นทุนที่ไม่ได้จ่ายเป็นเงินจริง แต่เป็นค่าเสียโอกาสที่ จะใช้ปัจจัยนั้นไปทำประโยชน์อย่างอื่น ซึ่งการคำนวณหาต้นทุนค่าเสียโอกาสนั้นส่วนใหญ่จะทำได้ยาก เพราะเป็นการคำนวณจากการคาดคะเนเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง
 
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจน เช่น ถ้าเรามีเงินอยู่ 100,000 บาท และมีทางเลือกอยู่ 3 ทางคือ
  1. นำเงินไปฝากธนาคารได้ดอกเบี้ย 1.5% ต่อปี = 1,500 บาท/ปี (ไม่มีความเสี่ยง แต่ผลตอบแทนน้อย)
  2. นำเงินไปปล่อยกู้ ดอกเบี้ย 2% ต่อเดือน = 24,000 บาท/ปี (ความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนมาก)
  3. นำเงินไปซื้อทองคำ ได้ประมาณ 2 บาท เพื่อไว้เก็งกำไร (ความเสี่ยงสูงถ้าราคาทองปรับลง)
จะเห็นว่าเรามีเงิน100,000 แต่มีทางเลือกหลายทางว่าจะเอาเงินไปทำอะไร และไม่ว่าเราตัดสินใจนำเงินไปใช้ในทางไหน เท่ากับว่าเราจะมีต้นทุนค่าเสียโอกาสในทางที่เราไม่ได้เลือก ซึ่งการตัดสินใจก็มีอีกหลายองค์ประกอบเป็นปัจจัยให้ร่วมพิจารณา 
 
 
ในการลงทุนแฟรนไชส์ก็เช่นกันเท่ากับว่าเราจะมีต้นทุนค่าเสียโอกาสเช่นกัน แต่ทำไมถึงกล้าพูดได้ว่าการลงทุนในแฟรนไชส์คือการจ่ายต้นทุนค่าเสียโอกาสที่คุ้มค่ามากที่สุด ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่าการลงทุนในแฟรนไชส์มีข้อดีอะไรบ้าง
  • สามารถเริ่มต้นได้ทันทีไม่ต้องเสียเวลาเริ่มจากศูนย์
  • ได้การสนับสนุนจากทางแบรนด์
  • ไม่ต้องสร้างแบรนด์เอง ไม่ต้องสร้างฐานลูกค้า ต่อยอดได้ทันที
  • มีอุปกรณ์+วัตถุดิบ +การสอนสูตร 
  • การวางระบบบริหารจัดการให้เปิดร้านได้อย่างมืออาชีพ
  • การสนับสนุนด้านการตลาดและการพัฒนาสินค้าใหม่
ถ้าพิจารณาในแง่ของ “ต้นทุนค่าเสียโอกาส” สมมุติว่าเรามีเงิน 1 ล้านบาท พิจารณาว่าระหว่างสร้างแบรนด์เองกับซื้อแฟรนไชส์อะไรมีค่าต้นทุนเสียโอกาสที่จะมากกว่ากัน

 
แผนที่ 1 เปิดร้านเอง ต้องเริ่มต้นจากศูนย์ ทุกอย่างต้องทำเอง คิดสูตร จัดร้านแต่งร้าน สร้างฐานลูกค้า ทำการตลาด แต่มีข้อดีที่รายได้จะเป็นของเราแบบ 100% เต็ม ไม่ต้องจ่ายค่าการตลาดใดๆให้แฟรนไชส์
 
แผนที่ 2 เปิดร้านแฟรนไชส์ เลือกแพ็กเกจที่เหมาะสมกับเงินทุนที่มี ได้ระบบบริหารจัดการ อุปกรณ์+วัตถุดิบพร้อมเปิดร้าน มีแบรนด์ มีฐานลูกค้าให้พร้อม แต่ที่เราต้องจ่ายคือค่าธรรมเนียมเช่นค่าส่วนแบ่งยอดขาย ค่ารอยัลตี้ฟรีส์ เป็นต้น 
 
ถ้าเราเลือกแฟรนไชส์ค่าเสียโอกาสคือเราไม่มีโอกาสในการสร้างแบรนด์ได้เอง ต้องทำตามระบบของแฟรนไชส์อย่างเคร่งครัด รายได้ก็ต้องหักจ่ายให้กับแฟรนไชส์ตามเงื่อนไขที่ตกลงกัน ทีนี้ก็ต้องมาพิจารณาในเรื่องความเสี่ยงว่าหากเรามีเงินจำนวน 1 ล้านนี้เราจะเสี่ยงลงทุนแบบไหนให้คุ้มค่าที่สุด ซึ่งการตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล บางคนอาจเสี่ยงที่จะเปิดร้านเอง เขาก็จะมีค่าเสียโอกาสที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากแฟรนไชส์ แต่ได้แบรนด์ของตัวเอง เป็นต้น 
 
เหนือสิ่งอื่นใดก็ตาม รายละเอียดที่คนนำมาเป็นเกณฑ์ตัดสินใจมากที่สุด คือ “รายได้” หากเปิดร้านเอง ในทำเลที่ขายดี สินค้ามีคุณภาพลูกค้าให้การยอมรับ การเติบโตอาจจะช้า แต่อาจจะดีในระยะยาว รายได้ต่อเดือนเฉลี่ยแล้วน่าพอใจ ก็อาจจะขยายเป็นสาขาที่ 2 ที่ 3 หรืออาจจะขายเป็นแฟรนไชส์ตัวเองในอนาคต

 
หรือถ้าพิจารณาแล้วว่าไม่อยากเสี่ยง การลงแฟรนไชส์มีความมั่นคงมากกว่าไม่ต้องสร้างฐานลูกค้า ไม่ต้องสร้างแบรนด์เอง แต่การจะเลือกแบรนด์แฟรนไชส์ใดก็ต้องดูว่าสร้างยอดขายได้ดีแค่ไหน โอกาสคืนทุนมากน้อยอย่างไร 
 
ดังนั้นคำว่าต้นทุนค่าเสียโอกาสมันขึ้นอยู่กับว่าเราจะตัดสินใจแบบไหน ซึ่งทุกแฟรนไชส์ก่อนเราเลือกลงทุนเขาก็จะมีข้อมูลให้พิจารณาทั้งเคสแย่สุด , มาตรฐาน และกรณีที่ดีที่สุด ส่วนใหญ่มีการอ้างอิงตัวเลขให้เราเห็นภาพชัดเจนเพื่อให้เราใช้ประกอบการตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้ายได้
 
 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
บทความแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ตู้น้ำด่างRO SAFE ธุรกิจน้ำดื่มเพื่อสุขภาพ! ติดต..
3,445
ปัญหาระดับชาติ! #แฟรนไชส์จีนบุกไทย พร้อมซัพพลายเ..
714
10 แฟรนไชส์ขายดี สงกรานต์ 2568
619
บุกไทยแล้ว! แฟรนไชส์ Fish With You ร้านอาหารจีนต..
547
ไม่แก่เกิน! 60+ ลงทุนแฟรนไชส์อะไรดี?
509
จัดให้! รวม 10 แฟรนไชส์สายเครื่องดื่ม หน้าร้อนนี..
508
บทความแฟรนไชส์มาใหม่
บทความอื่นในหมวด