กลยุทธ์ “วิเคราะห์ทำเล” ของธุรกิจที่มีรายได้มากกว่าพันล้าน
 

สิ่งสำคัญของการทำธุรกิจคือเรื่องของ “ทำเล” ปัจจุบันมองไปทางไหนก็เจอแต่ร้านค้า แน่นอนว่าคู่แข่งก็ต้องเยอะมากตามไปด้วย หลักการเบื้องต้นของการหาทำเลคือ

ถ้าเป็นการเปิดร้านเล็กๆ ทั่วไปอาจไม่ต้องมองทุกปัจจัยที่กล่าวมาเนื่องจากการลงทุนไม่มาก แต่หากเป็นร้านขนาดใหญ่ ธุรกิจขนาดใหญ่ งบลงทุนสูง จำเป็นต้องประเมินทำเลอย่างละเอียดรอบคอบ ซึ่งเราจะเห็นว่าบรรดาแบรนด์ยักษ์ใหญ่มีทีมงานที่คอยวิเคราะห์ในเรื่องทำเล สิ่งเหล่านี้ก็เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้แบรนด์ดังเหล่านี้สามารถสร้างรายได้ถึงร้อยล้านพันล้าน 
 

 

ถ้ายังมองไม่เห็นภาพว่าเขาจริงจังกันแค่ไหน ลองดูตัวอย่างแรกคือบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ที่ครึ่งปีแรก 2567 มีรายได้กว่า 130,424 ล้านบาท กลยุทธ์การหาทำเลของเครือ CRC จะให้ความสำคัญกับการตีเส้นวงกลมเพื่อศึกษาตลาดตามทำเลต่าง ๆ แล้วขยายศูนย์การค้าใหม่ ที่อยู่ในรัศมีวงกลมนั้น

ซึ่งเส้นวงกลมรอบแรก ก็คือ ย่านใจกลางธุรกิจสำคัญ ที่เป็นเส้นวงกลมรอบแรก เมื่อมีศูนย์การค้าอยู่เต็มแล้วเซ็นทรัล ก็จะไปขยายวงกลม รอบที่ 2 และรอบที่ 3 ออกจากใจกลางเมืองไปเรื่อย ๆ โดยวงกลมรอบที่ 2 เป็นการขยายสาขา ไปตามย่านรอบนอกของกรุงเทพมหานคร ที่มีคนอาศัยอยู่เยอะ อย่างเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ และเซ็นทรัล อีสต์วิลล์ เป็นต้น

ส่วนวงกลมรอบที่ 3 เป็นการขยายสาขา ที่อยู่ตามชานเมืองกรุงเทพมหานคร และเขตปริมณฑลอย่าง เซ็นทรัล ศาลายา และเซ็นทรัล มหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งกลยุทธ์การตีเส้นวงกลมของ เซ็นทรัล มักจะใช้เพื่อขยายศูนย์การค้า ที่อยู่ในเมืองใหญ่ ๆ ที่มีเซ็นทรัลหลายแห่งอยู่แล้วเช่น กรุงเทพมหานคร และเชียงใหม่
 

 

หรือจะลองดูตัวอย่างของการหาทำเลของธุรกิจฟาสฟู้ดต์อย่าง McDonald's ที่มีสาขาในเมืองไทยกว่า 230 แห่ง มีรายได้ กว่า 7,213 ล้านบาท วิธีการหาทำเลเปิดร้าน เขาเน้นว่าต้องให้ลูกค้าสามารถมองเห็นร้านได้จากถนนทั้ง 2 ฝั่ง โดยเฉพาะบริเวณแยกสำคัญ ๆ ที่มี Traffic เยอะๆ หรือถ้าเป็นสาขา Stand Alone ที่เป็น Drive Thru จะต้องเป็นจุดที่การจราจรปลอดภัย ไม่เสี่ยงอุบัติเหตุ และต้องมีพื้นที่ที่พอให้จอดรถ ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจเลี้ยวเข้าร้านง่ายขึ้น

 

อีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจคือร้าน Starbucks ซึ่งมีรายได้ในเมืองไทยกว่า 8 พันล้านบาท เน้นการหาทำเลที่มองเห็นได้ง่ายจากริมถนน เช่น ที่ชั้นล่างของห้างบริเวณติดถนน เพราะต้องการใช้หน้าร้านเป็นป้ายโฆษณาให้แบรนด์ไปในตัว รวมถึงให้ความสำคัญในการใช้ Data มาวิเคราะห์ว่า พื้นที่ตรงไหนที่มี Traffic หนาแน่น และป้องกันการแย่งลูกค้ากันเอง ของแต่ละสาขาให้ได้มากที่สุด
 

 

และมีอีกหลายแบรนด์ที่เขาเน้นการวิเคราะห์ทำเลเป็นอย่างมาก อย่าง Haidilao ชอบทำเลที่ตั้งอยู่บริเวณ CBD หรือย่านศูนย์กลางธุรกิจ เพราะอยู่ใกล้คนมีกำลังซื้อ และคนพลุกพล่าน รวมถึงต้องเป็นทำเลที่ลูกค้าสามารถเดินทางได้สะดวกทั้งขนส่งมวลชน และรถยนต์ส่วนตัว และพิจารณาถึงพื้นที่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกในตัว เช่น ห้องน้ำ, ร้านค้าปลีกอื่น ๆ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้ามีกิจกรรมอื่นให้ทำระหว่างรอคิว

 

ด้านแบรนด์ดังอย่างสุกี้ตี๋น้อยที่ขยายสาขาอย่างรวดเร็วสุกี้ตี๋น้อย มีรายได้รวมมากกว่า 5 พันล้านบาท จะเน้นเลือกพื้นที่ใหญ่ มีที่จอดรถเยอะ พื้นที่ต้องติดถนนใหญ่หรือติดหัวมุมถนน ไม่อยู่ในซอยแคบ ถ้าจะเปิดในห้างสรรพสินค้าหรือคอมมูนิตี้มอลล์ ร้านจะต้องใหญ่ โดดเด่น และมีพื้นที่ให้มองเห็นได้จากนอกห้าง หรือเลือกจากทำเลที่เป็นหมู่บ้าน ใกล้กลุ่มลูกค้านักศึกษามหาวิทยาลัย และใกล้ออฟฟิศ เดินทางมาสะดวก การจราจรไม่ค่อยติดขัด
 

 

ปิดท้ายอีกสักตัวอย่างกับร้านสะดวกซื้อ CJ ที่สร้างรายได้กว่า 4 หมื่นล้านบาท ให้ความสำคัญกับทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้ชุมชนหรือตลาดนัดขนาดกลางหรือค่อนข้างใหญ่ เพราะเน้นขายของราคาย่อมเยา ต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่ขนาด 200 ตารางวาขึ้นไป เพราะลูกค้าจะได้มีที่จอดรถ หรือถ้าเป็นอาคารพาณิชย์ ต้องมีพื้นที่ 300 ตารางเมตรขึ้นไป มีหน้ากว้างไม่ต่ำกว่า 20 เมตร หรือประมาณ 5 คูหาขึ้นไป เป็นต้น

 

จะเห็นได้ว่าแต่ละแบรนด์มีคอนเซปต์ในเรื่องพื้นที่แตกต่างกันไปโดยโฟกัสที่กลุ่มลูกค้าของตัวเองและจุดเด่นของแบรนด์ตัวเองเป็นสำคัญ ในบางทำเลที่ธุรกิจอื่นอาจขายดีแต่อาจไม่ใช่กับแบรนด์ที่เรามีอยู่ ดังนั้นเทคนิคการเลือกทำเลจึงเป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นก้าวแรกของการทำธุรกิจให้มีกำไรได้มาก

 

 

นักเขียน

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)