บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
506
2 นาที
30 ตุลาคม 2567
เศรษฐกิจไทยอ่วม! หนี้ท่วม เอาตัวรอดยาก
 

ปี 2567 มีความท้าทายหลายเรื่อง โดยเฉพาะในภาคธุรกิจที่ประสบปัญหาหนัก ถึงขนาดที่ใครๆ ก็บอกว่า “ถ้ามีงานประจำทำก็อย่าเพิ่งลาออก ให้เกาะงานไว้จะดีกว่า” ไปดูตัวเลข 7 เดือนแรกของปี 2567 ธุรกิจไทยปิดกิจการไปแล้วรวมมูลค่า 8.5 หมื่นล้านบาท โดย 3 อันดับธุรกิจที่ปิดกิจการสูงสุด ได้แก่ ก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ และอาหาร
 
ในส่วนของโรงงานอุตสาหกรรมก็ไม่น้อยหน้ามีข้อมูลระบุว่าในช่วง 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ของปี 2567 มีการแจ้งเลิกทะเบียนโรงงาน 667 แห่ง กระทบการจ้างงาน 17,674 คน หากหาร 6 เดือนจะเท่ากับยอดปิดเดือนละ 111 แห่ง หากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ก็มียอดการปิดมากถึง 86% และจากตัวเลขตรงนี้กระทบไปถึงพนักงานที่ต้องออกจากระบบไปราว 50,000 คนกันเลยทีเดียว
 
หากดูในความเป็นจริงธุรกิจหากเดินหน้าดี มีกำไรก็คงไม่มีใครอยากปิดกิจการ ต้องมีเหตุผลอะไรที่มากพอที่ทำให้ธุรกิจเหล่านี้เหนื่อยและท้อจนไปต่อไม่ได้ ลองมาดูกันว่าเหตุผลข้อไหนที่น่าจะทำให้หนักใจได้มากสุด
 
1.คนเป็นหนี้ ไม่มีกำลังซื้อ
 

เมื่อคนเราเป็นหนี้มากขึ้นนั่นหมายถึงกำลังซื้อที่หดหาย อะไรที่เคยควักเงินซื้อง่ายๆ ก็จะไม่ง่ายอีกต่อไป เมื่อประชาชนรัดเข็มขัดประหยัดการใช้จ่ายเท่ากับธุรกิจต่างๆ ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ถ้าดูตามตัวเลขจะพบว่ากำลังซื้อในภาคธุรกิจลดฮวบ 30-40% กระทบทั้งธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ยิ่งเป็นธุรกิจรายเล็กสายป่านไม่ยาวงานนี้ก็เลือกปิดกิจการซะดีกว่า จึงเกิดภาพร้านค้าปลีก-ค้าส่งภูธร เริ่มถอดใจ ยอมยกธงขาว ทยอยปิดตัวไปหลายราย หรือแม้แต่ร้านค้าร้านอาหารหลายแห่งก็ปิดตัวลงจำนวนมากเช่นกัน
 
2.ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
 

ตัวแปรสำคัญที่ทำให้ธุรกิจมีกำไรน้อยลงคือต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นทุกอย่าง สวนทางกับยอดขายที่ลดลง หากไปดูว่ามีต้นทุนอะไรที่เพิ่มขึ้นบ้าง ไล่เรียงกันตั้งแต่ต้นทุนราคาพลังงาน ราคาวัตถุดิบ และการขนส่ง และค่าสาธารณูปโภค แน่นอนว่าต้นทุนเหล่านี้มีผลต่อยอดขาย สวนทางกับเรื่องรายได้ของคนที่ลดลงกำลังซื้อที่น้อย ถ้าจะเพิ่มราคาให้สูงก็กลายเป็นขายได้ยากคนไม่อยากซื้อ แต่พอไม่เพิ่มราคาขายก็ทุนหายกำไรหดไปตามๆกัน
 
3.ผลกระทบจากการปรับค่าจ้างแรงงาน 
 

ในมุมมองเจ้าของกิจการการปรับค่าแรงขึ้นคือต้นทุนที่เพิ่มขึ้นชัดเจน ยิ่งเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กนี่คือปัญหาใหญ่มาก ซึ่งหากตามนโนบายของภาครัฐที่จะมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ สมมติฐาน เมื่อคิดจากวันทำงาน 26 วัน จะได้ว่า ค่าใช้จ่ายนายจ้างด้านแรงงานเพิ่มขึ้น16,942 บาทต่อคนต่อปี หรือประมาณ 1,412 บาทต่อคนต่อเดือน หากสถานประกอบการจ้างงานต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำที่กำหนด 30 คน จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 4,065,990 บาท หากต้องคิดถึงการต้องปรับค่าจ้างตามลำดับขั้นสำหรับลูกจ้างที่ได้ค่าจ้างเกิน 400 บาท ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอาจถึง 5 ล้านบาทต่อปี
 
4.ทุนจีนบุกไทย
 

นี่คือปัญหาใหญ่ที่มีผลกระทบกับธุรกิจในปีนี้มาก ซึ่งการเข้ามาของสินค้าจากจีนทำให้ตัดราคาสินค้าในเมืองไทย คนก็แห่ไปใช้บริการ ไหนจะของที่มีให้เลือกเยอะกว่า ราคาถูกกว่า และที่สำคัญทุนจีนที่เข้ามาเมืองไทยมีตั้งแต่สินค้าชิ้นใหญ่ในระดับอุตสาหกรรม เช่น รถยนต์ จนถึงสินค้าชิ้นเล็กอย่างเสื้อผ้า เครื่องประดับ ไปจนถึงอาหารและเครื่องดื่ม

เอาแค่เรื่องใกล้ตัวอย่างอาหารและเครื่องดื่มตอนนี้ก็มีหลายแบรนด์จีนเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยไล่ตั้งแต่ MIXUE , WeDrink , Zhengxin Chicken , Cotti Cofee รวมไปถึง TEMU ที่เป็นแพลตฟอร์มสินค้าออนไลน์ด้วย ก่อนหน้านี้ที่ฮือฮาก็เห็นจะเป็น “กางเกงช้าง” ที่ทำมาแข่งกับของไทย แถมราคาถูกกว่า หรือแม้แต่ชามตราไก่ ที่ขายราคาต่ำกว่าทุน 3-5 เท่า ส่งผลให้ผู้ประกอบการและโรงงานเซรามิกในลำปาง ได้รับกระทบอย่างหนักด้วย
 
5.เศรษฐกิจโลกชะลอตัว
 

เศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัวเป็นความท้าทายต่อการส่งออกสินค้าของไทย ซึ่งขยายตัวได้เพียง 2% ในช่วงครึ่งปีแรก ขณะที่ภาวะตลาดการเงินโลกเกิดความผันผวน ยังรวมถึงปัญหาค่าเงินบาทแข็งตัวสูงมาก ยิ่งตอกย้ำให้ธุรกิจส่งออกมีปัญหาไม่นับรวมปัญหาจากปัจจัยภายนอกประเทศที่ยังไม่แน่นอน ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจในทุกประเทศที่ต้องวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์อย่างมีประสิทธิภาพ
 
หลายปัญหาที่กล่าวมาอาจเป็นผลกระทบแบบสะสมที่สุดท้ายแล้วก็แก้ปัญหาไม่ได้จนต้องหาทางออกด้วยการปิดกิจการ ซึ่งในปี 2568 ที่จะมาถึงนี้ก็คาดว่าปัญหาเหล่านี้จะยังไม่หมดไป ดังนั้นการทำธุรกิจใด ๆก็ตามต้องวิเคราะห์และมีแผนสำรองในการทำธุรกิจที่ชาญฉลาด ในวิกฤติยังมีโอกาส ขณะที่หลายธุรกิจได้ปิดตัวไปแต่ก็มีหลายธุรกิจที่เปิดตัวใหม่และมีกำไรได้เช่นกัน ดังนั้นเรื่องวิสัยทัศน์ในการบริหารเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นมาก

 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
607
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
501
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
475
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
419
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
408
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
405
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด