บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
4.2K
2 นาที
7 ธันวาคม 2564
อยากนำสินค้าวางขายใน Lotus ต้องทำอะไรบ้าง
 

สำหรับผู้ประกอบการที่มีสินค้าย่อมต้องการช่องทางจำหน่ายที่ทรงพลัง ซึ่งแน่นอนว่าการนำสินค้าวางจำหน่ายใน Modern Trade คือสิ่งที่หลายคนต้องการโดยเฉพาะการจำหน่ายใน Hypermarket หรือ ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ เช่น Lotus และ Big C แต่ก็เกิดคำถามตามมาอีกว่าแล้วระหว่าง Lotus และ BigC ช่องทางไหนที่น่าสนใจที่สุด

หากพูดกันตามจริง ทั้ง 2 แบรนด์ถือเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการ มีพลังในการดึงดูดลูกค้ามหาศาลก็ขึ้นอยู่กับสินค้าเราเองว่าคืออะไร แต่หากวัดในแง่ของดัชนีวัดความพึงพอใจต่อกลุ่มห้าง ที่ Dunhumby ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลธุรกิจ ได้จัดทำไว้ระบุว่าในปีที่ผ่านมา Lotus ครองอันดับหนึ่งในด้านนี้

www.ThaiFranchiseCenter.com เชื่ออย่างยิ่งว่าสิ่งที่คนอยากรู้มากที่สุดตอนนี้คือถ้าเรามีสินค้าและอยากวางขายใน Lotus ต้องทำอย่างไรบ้าง
 
ทำไมการวางสินค้าใน “Lotus” ถึงน่าสนใจ?
 

ภาพจาก https://bit.ly/3y5qEx1

ข้อมูลระบุว่าโลตัสในประเทศไทย มี 2,084 สาขา แบ่งเป็นไฮเปอร์มาร์เก็ต 217 สาขา ,ซูเปอร์มาร์เก็ต 195 สาขา ,มินิ ซูเปอร์มาร์เก็ต 1,672 สาขา มีจำนวนการซื้อทั้งช่องทางออฟไลน์ (สาขา) และออนไลน์ มากกว่า 10 ล้านครั้งในหนึ่งสัปดาห์ในขณะที่จำนวนบัตรสมาชิกโลตัสการ์ด มากกว่า 15 ล้านสมาชิก ซึ่งตัวเลขเหล่านี้สะท้อนได้อย่างชัดเจนว่า Lotus มีพลังในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากแค่ไหน

และหลังจากที่กลุ่มบริษัท ซี.พี. ในนาม บริษัท ซี.พี. รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด ได้เข้าซื้อกิจการของ Lotus ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในด้านธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น แต่ถึงกระนั้น ใช่ว่าทุกคนที่มีสินค้านึกจะเอามาขายก็ขายได้เลย ด้วยความที่ Lotus เป็นธุรกิจระดับประเทศจึงต้องมีคุณภาพในการคัดสรรสินค้าเป็นอย่างดีเพื่อประโยชน์ของลูกค้าที่มาใช้บริการเป็นสำคัญ
 
วิธีนำสินค้าวางจำหน่ายใน Lotus
1.ดูสินค้าที่ Lotus ต้องการจากผู้ผลิต


ภาพจาก https://bit.ly/3y5qEx1

Lotus เป็นไฮเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่จึงต้องมีสินค้าที่หลากหลาย การจะนำสินค้าใดๆ วางจำหน่ายกับ Lotus ต้องดูว่าเป็นสินค้าที่ทาง Lotus ต้องการหรือไม่ โดยส่วนใหญ่ผู้ประกอบการที่จะเป็นคู่ค้ากับ Lotus ควรมีสินค้าในกลุ่ม อาหารสด และอาหารพร้อมรับประทาน , เนื้อสัตว์ , อาหารทะเลสด , อาหารสำเร็จรูป , เบเกอรี่ , เครื่องดื่ม , ขนมขบเคี้ยว , สินค้าความงาม , สินค้าอุปโภคต่างๆ เป็นต้น

2.สินค้าได้มาตรฐาน GMP / HACCP
 
ผู้ประกอบการที่จะนำเสนอสินค้าให้ Lotus พิจารณา โดยเบื้องต้นสินค้านั้นต้องมีมาตรฐาน GMP / HACCP ซึ่งเป็นมาตรฐานการผลิต ทั้งด้านความสะอาด ปลอดภัย และถูกต้องตามกฎหมายในด้านจริยธรรม และการจ้างแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย
 
3. นำเสนอสินค้าผ่านช่องทาง www.TescoLotus.com/SME 
 

ภาพจาก https://bit.ly/3y5qEx1

ผู้ประกอบการสามารถนำเสนอสินค้าผ่าน www.TescoLotus.com/SME เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาโดยจะมีฝ่ายจัดซื้อ (Buyer) แต่ละแผนกสินค้าของ Lotus พิจารณาผลิตภัณฑ์ของใช้เวลาในการพิจารณาประมาณ 30 วันโดยทาง Lotus และผู้ประกอบการจะมีการพูดคุยร่วมกัน เช่น เงื่อนไขต่างๆ กำลังการผลิต ต้นทุนสินค้า สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องพัฒนา หรือปรับปรุงสินค้าเพิ่มเติม เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน Lotus หากสินค้าผ่านการคัดเลือก และ สามารถตกลงกันในเงื่อนไขต่างๆ ได้แล้ว ก็พร้อมให้สินค้านั้นเข้ามาวางสินค้านั้น เข้ามาวางจำหน่ายในโลตัสสาขาต่างๆ
 
ทั้งน้ Lotus ให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการที่นำสินค้ามาวางจำหน่ายร่วมกับ Lotus ด้วยเช่นกันเพราะเข้าใจดีว่าต้นทุนของผู้ประกอบการอาจต้องเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสในการขายมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ Lotusจึงมีทีมงานพัฒนาธุรกิจ และทีมพัฒนาคุณภาพสินค้า ให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการในด้านการลดต้นทุน เพราะถ้าผู้ประกอบการรายนั้นๆ ยังผลิตในต้นทุนที่สูงกว่าราคาขาย ย่อมไม่เกิดประโยชน์ใดๆในการทำธุรกิจ
 
ต้นทุนการนำสินค้าจำหน่ายใน Lotus มีอะไรบ้าง
 

ภาพจาก https://bit.ly/3y5qEx1

ในที่นี้เราจะไม่ได้โฟกัสไปที่ตัวเลขชัดเจน เพราะเป็นเงื่อนไขที่ทาง Lotus และผู้ประกอบต้องมาพูดคุยกันในรายละเอียดอีกที แต่โดยส่วนใหญ่จะมีต้นทุนที่สำคัญดังนี้
  1. ค่าแรกเข้าหรือ Entrance Fee ที่มีรูปแบบในการเรียกเก็บแตกต่างกันออกไปตามแต่ละ Modern Trade ซึ่งที่ Lotus จะใช้วิธีเรียกเก็บเป็นเอสเคยูต่อปี เป็นต้น 
  2. ค่า Rebate หรือเงินที่เรียกเก็บจากเป้ายอดขายที่ต้องทำให้ได้ตามที่ทาง Lotus ตั้งไว้ โดยค่า Rebate นี้ เป็นส่วนหนึ่งที่ Lotus นำมาใช้ในการกำหนดโปรโมชั่น หรือการเล่นเรื่องราคา เพื่อผลักดันการขายให้ได้มากขึ้น หรือเรียกง่ายๆ ว่าค่าใช้จ่ายส่วนนี้ย้อนกลับมาเป็นแคมเปญกระตุ้นยอดขายนั่นเอง
  3. ค่า Distribution Fee หรือค่ากระจายสินค้า เป็นค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บจากซัพพลายเออร์ เนื่องจากการกระจายสินค้าของไฮเปอร์มาร์เก็ตจะมีศูนย์กระจายสินค้าที่มีทั้งที่เป็นของตัวเองและที่จ้างบริษัทภายนอก ซึ่งตัวซัพพลายเออร์จะต้องขนสินค้ามาที่ศูนย์กระจายสินค้าเพื่อให้ทางห้างเป็นคนกระจายสินค้าเข้าสู่แต่ละสาขาเอง ตรงนี้จะช่วยลดต้นทุนกับซัพพลายเออร์ ขณะเดียวกันก็เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับค้าปลีกด้วย 
นอกจากต้นทุนเบื้องต้นเหล่านี้อาจมีต้นทุนอื่นๆ ที่เป็นเงื่อนไขเฉพาะของผู้ประกอบการแต่ละคน ซึ่งแน่นอนว่าการได้นำสินค้ามาวางจำหน่ายใน Lotus ข้อดีที่หนึ่งคือโอกาสเพิ่มยอดขายที่มากขึ้น ข้อดีที่สองคือยกระดับสินค้าให้ดูพรีเมี่ยมมากขึ้น ทั้งนี้ผู้ประกอบการควรคำนวณต้นทุนกำไรและศึกษารายละเอียดให้ชัดเจนเพื่อการวางขายสินค้าใน Lotus จะได้เกิดประโยชน์สูงสุดตามที่ต้องการจริงๆ 
 
ติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document/
 
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
 
ตลาดเครื่องสำอางปี 2564 คาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้น 3 % จากปี 2563 มูลค่าการตลาดประมาณ 300,000 ล้านบาทแบ่งเป็นมูลค่าตลาดภายในประเทศ 180,000 ล้านบาท และตลาดส่งออก 120,000 ล้านบาท ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการขยายตัวที่ชัดเจน โดยเฉพาะนักธุรกิจหน้าใหม่ที่ต่างต้องการสร้างฐานลูกค้าของตัวเอง&nbs..
46months ago   10,128  5 นาที
ในบรรดา Modern Trade ต่างๆ ที่อยู่ในประเทศไทย ต้องยอมรับว่า Tops ถือเป็น Supermarket ชั้นนำอันดับ 1 ของประเทศที่คนไทยรู้จักเป็นอย่างดี แนวทางการตลาดของ Tops เน้นการเป็นแฟลกชิปสโตร์ด้านผัก ผลไม้ อาหารสด..
46months ago   5,454  4 นาที
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
609
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
507
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
425
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
410
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด