บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
3.1K
3 นาที
27 กันยายน 2564
10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้! สควิดเกม เล่นลุ้นตาย (Squid Game)
 

หนังเกาหลีในประเทศไทยได้รับความนิยมสูงมาก คนดูส่วนหนึ่งติดใจพระเอกที่ทั้งหล่อทั้งสวย แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งหนังเกาหลีมีพลอตเรื่องที่น่าสนใจ โดยล่าสุดเป็นหนังเกาหลีที่ชื่อว่า Squid Game หนังแนวเอาชีวิตรอด แม้พลอตเรื่องจะไม่ได้แปลกใหม่ แต่การนำเสนอของผู้กำกับ “ฮวังดงฮยอก” สามารถนำเสนอได้อย่างน่าสนใจ

หลายคนมองว่า Squid Game มันคือการจิกกัดสังคมเกาหลีที่สะท้อนให้เห็นด้านมืดในความเป็นจริงของวิถีชีวิตที่แท้จริงมีความเครียด ความกดดัน ความไม่เท่าเทียมกันต่างๆ โดยหนังเรื่อง Squid Game แม้จะมีจำนวนเพียง 9 ตอนแต่ www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่ามีหลายอย่างที่เป็นแง่คิดน่าสนใจและเชื่อว่าอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับ Squid Game เป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ยังไม่เคยรู้มาก่อน
 
1.ที่มาของชื่อ “Squid Game”

แรงบันดาลใจของ Squid Game มาจากผู้กำกับ “ฮวังดงฮยอก” ดึงเอาเกมที่เคยเล่นในวัยเด็ก อย่าง AEIOU , ดีดลูกแก้ว , ตักจีชีกี หรือแม้แต่ Squid Game มาถ่ายทอดในอีกแง่มุม โดยสอดแทรกเรื่องราวชีวิตของผู้เล่นแต่ละคนลงไป ซึ่งบรรดานักแสดงในเรื่องต่างเล่นได้น่าประทับใจ มีพลอตเรื่องที่เชื่อมโยงให้เข้าใจว่าทำไมคนส่วนใหญ่ถึงต้องมาร่วมเล่น Squid Game เค้าโครงเรื่องนี้จึงไม่ใช่แค่สีสันของเกมที่เด็กๆเคยเล่นในสมัยก่อน แต่มันคือการดึงให้คนดูร่วมลุ้นว่าทำไมถึงต้องเล่นเกมนี้ , แล้วจุดจบของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร
 
2.เค้าโครงเรื่องโดยย่อ “Squid Game”
 
ภาพจาก Netflix

เค้าโครงเรื่องของ Squid Game คือการนำคน 456 คนมาร่วมแข่งขันเกมเอาชีวิตรอด ซึ่งชีวิตของแต่ละคนมีมูลค่า 100 ล้านวอน ดังนั้นเงินรางวัลในเกมนี้จึงสูงถึง 45,600 ล้านวอน (ประมาณ 1.27 พันล้านบาท) โดยกติกาในเกมคือเราร่วมเล่นเกมที่ทางผู้จัดกำหนดขึ้น จำนวน 5 เกม คนที่เหลือรอดคนสุดท้ายคือผู้ชนะและจะได้เงินรางวัลทั้งหมดไป แน่นอนว่าคนที่แพ้จะต้อง “ถูกกำจัด” หมายถึงจะต้องตาย ในเรื่องนี้เราจึงได้เห็นหลากหลายอารมณ์ของมนุษย์ในช่วงที่ต้องเอาตัวรอด ต้องชนะ ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองเอาชนะในเกมนั้นๆ และมีชีวิตรอดไปให้ได้
 
3.เริ่มเขียนบทตั้งแต่ปี 2008

ผู้กำกับเรื่องนี้ได้เริ่มเขียนบทดราฟต์แรกของ Squid Game เล่นลุ้นตาย ตั้งแต่ปี 2008 แต่ด้วยเนื้อหาของเรื่องที่หลายคนไม่คุ้นเคยอีกทั้งยังดูรุนแรงเกินไป ทำให้บทในเรื่องนี้ไม่ได้ถูกนำมาสร้างเป็นหนัง และวางเก็บเอาไว้กว่า 13 ปี จนกระทั่งทาง Netflix ได้มองเห็นเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้และอนุญาติให้ผู้กำกับสามารถสร้างสรรค์ผลงานออกมาอย่างอิสระจนกลายเป็น Squid Game เล่นลุ้นตาย ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก
 
4.จุดแตกต่างของ Squid Game กับซีรีย์แนวเอาชีวิตรอดอื่นๆ 
 

ภาพจาก Netflix

Squid Game ไม่ใช่หนังแนวเอาชีวิตรอดเรื่องแรก ก่อนหน้านี้เราอาจเคยเห็นหนังของญี่ปุ่นอย่าง Battle Royale หรือในฝั่งยุโรปก็มีหนังแนวคล้ายๆกันอีกหลายเรื่องเช่น The Hunger Games แต่เสน่ห์ของ Squid Game ที่แตกต่างคือการเล่าเรื่องอย่างเป็นธรรมชาติ นำเสนอความจริงของชีวิตว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาตัวรอดได้ในยุคแห่งทุนนิยม ในเรื่องนี้ตอนแรกผู้เล่นหลายคนโหวตที่จะไม่เล่นเกมต่อ และเมื่อเกมยุติลงได้กลับไปใช้ชีวิตปกติกันอีกครั้ง ก็เหมือนกับไปสู่วังวนของชีวิตเดิม ๆ คือไม่มีเงิน เป็นหนี้ โดนตามทวงหนี้ จนทำให้คนส่วนใหญ่ตัดสินใจกลับมาแข่ง ของ Squid Game อีกครั้งแม้จะรู้ว่าต้องวางเดิมพันด้วยชีวิตก็ตาม
 
5. Squid Game ซีรีย์ที่สะท้อนให้เห็นความหดหู่ของชีวิตยุคทุนนิยม

ในยุคที่เงินเป็นสิ่งสำคัญ Squid Game ได้สะท้อนให้เห็นเรื่องนี้ผ่านตัวละครในเรื่องเช่น ซองกีฮุนผู้ที่ชีวิตเดินทางมาถึงทางตัน ทั้งหนี้สิน การพนัน และครอบครัวที่เขาเหนี่ยวรั้งเอาไว้ไม่ได้ เขากำลังต้องการเงิน เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่จะส่งให้เขาหลุดพ้นจากทุกปัญหาและมีชีวิตอย่างคนอื่นๆ ได้สักที หรือโจซังอู รุ่นน้องที่เติบโตมาในละแวกเดียวกับกีฮุน เป็นเด็กหัวดีที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล แต่แล้วเขากลับเลือกทางเดินที่ผิดพลาด และต้องหาเงินมาชดใช้หนี้จำนวนมหาศาล เป็นต้น
 
6. “ทัลโกนา” ขนมสุดฮิตจากเรื่อง Squid Game
 

ในเกมที่ 2 ของ Squid Game ทางผู้จัดแข่งขันมีเกมให้เล่นคือ “การแกะน้ำตาล” ซี่งในเกาหลีเรียกว่า “ทัลโกนา” ที่มีส่วนผสมของน้ำตาลทรายขาวหรือแดงและเบกกิ้งโซดาเท่านั้น ในในช่วงยุค 90 ขนมทัลโกนาเป็นที่นิยมของเด็ก ๆ ชาวเกาหลีมาก โดยมักวางขายตามท้องถนน ทำแบบสด ๆ ร้อน ๆ ซึ่งผู้ขายบางรายจะท้าทายให้ลูกค้าแกะขนมให้ได้ตามรูปพิมพ์ หากใครทำได้ล่ะก็รับขนมฟรีไปเลย ในเรื่อง Squid Game ก็เช่นกันใครที่แกะขนมน้ำตาลได้เสร็จภายในเวลาที่กำหนดก็จะเป็นผู้ผ่านเข้ารอบต่อไป
 
7.การเล่นตักจีชีกี 

ในช่วงแรกของ Squid Game เป็นตอนที่ตัวเอกของเรื่องได้ถูกชวนให้เข้าร่วมเล่นเกม โดยผู้ที่เข้ามาเชิญได้เสนอให้ตัวเอกของเรื่องเล่นเกมตักจีชีกี ซึ่งที่จริงแล้ว ตักจีชีกี เป็นการละเล่นของเด็กเกาหลีที่สืบทอดมาจากราชวงศ์โชซอน โดยตักจีเป็นของเล่นเกาหลีที่ทำมาจากการพับกระดาษสองแผ่นทับกัน โดยพื้นฐานแล้วจะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสแบน ๆ และมีสีสัน

วิธีการเล่นก็ง่าย ๆ เพียงแค่ใช้ตักจีของตัวเองตบลงไปที่ตักจีของฝ่ายตรงข้าม ถ้าตักจีของอีกฝ่ายพลิกไปอีกด้านเราก็จะชนะ แต่ถ้าเราตบลงไปแล้วตักจีของอีกฝ่ายไม่พลิก อีกฝ่ายก็จะสามารถใช้ตักจีมาตบตักจีของเราได้ถ้ายังไม่พลิกอีกก็ทำสลับกันไปเรื่อย ๆ ฝ่ายไหนที่ทำตักจีฝ่ายตรงข้ามพลิกได้ก่อนก็จะชนะ
 
8.วิธีเล่น Squid Game ของเด็กในเกาหลี

Squid Game ที่ได้เอามาเป็นส่วนหนึ่งของซีรีย์นี้ แท้ที่จริงเป็นการเล่นของเด็กๆที่มีอยู่จริงในยุค 70-80 โดยการเล่นจะวาดรูปสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม วงกลม ออกมารูปร่างคล้ายปลาหมึกลงบนพื้น แล้วแบ่งทีมรุก-ทีมรับ ผู้เล่นฝ่ายบุกจะต้องกระโดดด้วยขาข้างเดียวและพยายามหาทางบุกเข้าไปในตัวปลาหมึก ซึ่งหากไปถึงตัวปลาหมึกได้จะสามารถวิ่งได้ 2 ขาและแน่นอนว่าฝ่ายตั้งรับจะต้องพยายามไม่ให้ฝ่ายบุก ได้รุกเข้ามาในตัวปลาหมึกได้ จนเหลือผู้เล่นคนสุดท้ายที่เข้าไปอยู่ในส่วนหัวของปลาหมึกได้จะเป็นผู้ชนะ
 
9.ชีวิตแบบทุนนิยมที่สะท้อนมาจาก Squid Game

การดำเนินเรื่องใน Squid Game ที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการเงินของตัวละครแต่ละคนนำมาสู่การแข่งขันที่อันตรายต้องแลกด้วยชีวิตเพื่อเป้าหมายคือเงินรางวัลมหาศาล เป็นการตีแผ่สังคมยุคทุนนิยมที่ชัดเจนโดยมีข้อมูลจากการสำรวจในปี 2016 มีชั่วโมงการทำงาน 2,069 ชั่วโมงต่อปี ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีการทำงานต่อปีราว 1,757 ชั่วโมง และที่แย่กว่านั้นคือผลสำรวจในปี 2015 โดย Macromill Embrain ระบุว่าจากการสำรวจคนเกาหลี 1,000 คน 76.6% บอกว่าต้องการย้ายไปอยู่ในประเทศที่ผ่อนคลายกว่านี้ และ 61.7% ตอบว่าต้องการออกไปจากสังคมการแข่งขันสูงของเกาหลีที่เป็นอยู่
 
10. Squid Game ภาค 2???


ภาพจาก Netflix

หลังจากจบภาคแรกไปเรียบร้อย แต่ดูเหมือนว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่ค้างคาใจผู้ชม ไม่ว่าจะเป็นการโปรยทิ้งท้ายของเรื่องที่ยังคงมีการจัดแข่ง Squid Game ขึ้นมาอีกครั้งแม้ในครั้ง แม้ว่าในภาคแรกจะได้มีการเปิดเผยแรงบันดาลใจของผู้ที่ก่อตั้ง Squid Game ขึ้นมาและผู้ก่อตั้งก็ได้เสียชีวิตแล้ว (ในเรื่อง) และทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจในเรื่องที่เข้าไปสืบคดีนี้ที่มีตอนหนึ่งถูกผู้ร้ายยิงตกหน้าผา แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าจะต้องเสียชีวิต ทำให้มีความเป็นไปได้ที่อาจจะกลับมาในภาค 2 หรือแม้แต่ตัวเอกของเรื่องที่ยังต้องการสืบหาความจริงของ Squid Game ก็ยังเป็นประเด็นน่าสนใจที่ทำให้เชื่อว่ามีโอกาสที่จะสร้างภาค 2 ขึ้นมาได้
 
สิ่งที่เราได้เห็นจาก Squid Game นอกจากความสนุก การติดตามเนื้อเรื่องอันเข้มข้น อยากดูบทสรุปของเรื่องว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้ว่าทุกวันนี้เราก็มีชีวิตเหมือน Squid Game แม้ว่าเราไม่ได้เข้าร่วมแข่งขัน ไม่ได้วางเดิมพันที่เล่นเกมแพ้แล้วต้องเสียชีวิต แต่สิ่งที่เราทุกคนต้องการก็คือ “เงิน” ซึ่งหมายถึงรางวัลแห่งชีวิต และคนส่วนใหญ่ก็ยินดีทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้ “มีเงิน” จึงไม่ต่างจาก Squid Gameในชีวิตจริงที่เราทุกคนเล่นกันอยู่ทุกวัน
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document/
 
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สร้างรายได้จาก กระเบื้องยางSPC วัสดุปูพื้นยอดนิย..
518
ประกาศเซ้ง! แบรนด์แฟรนไชส์จีนหมดแรง แซงไทยไม่ไหว
439
ถอดรหัส Santa Fe Steak รีแบรนด์แล้วยังเหนื่อย?
432
สงครามเย็น จักรวาลชานมไข่มุก ใครจะอยู่ใครจะไป
406
รวมเทคนิค “ดิ้นสู้” วิกฤติร้านอาหารปี 2568 ทำยัง..
400
“Gap Model” ร้านค้าทำดีทุกอย่าง แต่ทำไมลูกค้าไม..
387
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด